บทที่ 85 เสียใจ
บนที่ราบภูเขาที่ว่างเปล่า กองทัพแฟแลงซ์ขนาดใหญ่สองกลุ่มถูกล้อมรอบด้วยทหารม้าหลายพันนาย
กระบวนทัพทั้งสองรายรอบไปด้วยไม้ไผ่แหลมคมทุกด้านไม่ต่างอะไรจากเม่นที่มีขา กองทหารม้าตั่งเซี่ยงเดินไปรอบ ๆ แต่พวกเขาก็หาจุดอ่อนไม่ได้
ทั้งสองต่างตกอยู่ในทางตัน
ข่าวดังกล่าวถูกส่งกลับไปยังค่ายของตนโดยหน่วยสอดแนม
ขณะนี้ชาวตั่งเซี่ยงอยู่ในตำแหน่งที่ดี ดังนั้นหลี่จี้ขุยจึงไม่รีบร้อนและค่อย ๆ ปรึกษากับกุนซือของเขาว่าจะบุกเข้าไปในกระบวนทัพที่มีลักษณะคล้ายเม่นนี้ได้อย่างไร
ตรงกันข้าม จวนแม่ทัพใหญ่ฟ่านเหมือนกับโดนฟ้าผ่าลงมา
แม่ทัพฟ่านและชิ่งไหวต่างตั้งความหวังไว้สูงกับกองทัพอันซู่และกองทัพหย่งอัน โดยหวังว่าพวกเขาจะสามารถใช้กระบวนทัพแฟแลงซ์มาซิโดเนียช่วยเหลือกองทัพเถี่ยหลินที่ติดอยู่บนเขาได้
คิดไม่ถึงว่าก่อนกองกำลังพันธมิตรทั้งสองกองกำลังจะเดินทางไปถึงชิงสุยกู่ มากกว่าครึ่งจะถูกสังหาร ได้รับบาดเจ็บ และถูกทหารม้าตั่งเซี่ยงล้อมไว้อย่างได้เปรียบ
“พวกเขาทุกคนไม่คุ้นเคยกับกระบวนทัพและรั้วลวดหนามที่ชิ่งไหวมอบให้เลยหรือ? เหตุใดถึงอ่อนแอเช่นนี้?”
แม่ทัพฟ่านกังวลและโกรธจัด
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ทหารม้าตั่งเซี่ยงมาถึงเร็วเกินไป เมื่อพี่น้องของเราแจ้งข่าวให้แม่ทัพติงและแม่ทัพเฉิงทราบ ศัตรูก็ใกล้เข้ามาหลายลี้แล้ว สหายกว่าครึ่งหนึ่งไม่มีเวลาตั้งขบวนและถูกกองทหารม้าตั่งเซี่ยงโจมตีในที่สุด”
หน่วยสอดแนมพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “สำหรับรั้วลวดหนามที่ชิงโหวมอบให้นั้น มันยังอยู่ในเกวียนและไม่มีโอกาสที่จะได้กางใช้งานด้วยซ้ำ ดังนั้นทหารกองกำลังเสริมทั้งหมดจึงถูกฆ่าตาย…”
“คราวนี้พวกตั่งเซี่ยงเคลื่อนพลเร็วขนาดนี้เลยหรือ?”
แม่ทัพฟ่านถามด้วยสีหน้าเรียบตึง
การเคลื่อนทัพเร็วเป็นข้อได้เปรียบหลักอย่างหนึ่งของทหารม้ามาโดยตลอด แต่เมื่อกองทัพขนาดใหญ่เคลื่อนทัพ มันก็ไม่น่าจะเร็วเท่ากับหน่วยสอดแนมที่เดินทางคนเดียวอย่างแน่นอน
หากคำนวณจากความเร็วตามปกติในการเดินทัพของทหารม้าตั่งเซี่ยง กองทัพอันซู่น่าจะมีเวลาเพียงพอที่จะจัดกำลังพลหลังจากได้รับข่าวจากหน่วยสอดแนม
แต่ข้อเท็จจริงกลับตบหน้าพวกเขาอย่างแรง
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชาวตั่งเซี่ยงบ้าไปแล้ว ตอนที่พวกเขาออกจากค่าย พวกเขาเคลื่อนทัพอย่างช้า ๆ แต่แล้วจู่ ๆ ความเร็วของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ทหารชั้นผู้น้อยก็ยังรู้สึกหวาดผวากับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่หาย
ตอนนั้นเขารู้สึกราวกับกำลังแข่งกับความตาย ถ้าเขาช้ากว่านี้อีกนิดคงตายไปนานแล้ว
“ดูเหมือนทหารม้าตั่งเซี่ยงจะได้รับคำแนะนำจากกุนซือที่เชี่ยวชาญ พวกเขาไม่ปล่อยโอกาสให้กองทัพอันซู่ได้จัดตั้งกระบวนทัพ”
ชิ่งไหวมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเอ่ย “ข้าหวังว่ากำลังพลห้าร้อยนายบนถนนสายใต้จะไม่เผชิญหน้ากับทหารม้าตั่งเซี่ยง”
เหตุผลที่ครึ่งหนึ่งของทหารที่เดินทางไปทางเหนือรอดชีวิตก็เพราะพวกเขาบรรทุกไม้ไผ่และโล่ที่สามารถใช้เป็นขบวนขนาดใหญ่ได้ไปด้วย ทว่ากองกำลังที่มุ่งหน้าสู่ประตูทางทิศใต้ต้องใช้ถนนบนภูเขาที่ใกล้กับหุบเขาชิงสุยกู่ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง พวกเขาจึงนำเสบียงและอาวุธไปสำหรับสองวันเท่านั้น
หากต้องเผชิญหน้ากับทหารม้าตั่งเซี่ยงก็อาจตกอยู่ในอันตราย
แต่เมื่อกลัวสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น ทันทีที่ชิ่งไหวพูดจบ ก็มีหน่วยสอดแนมที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดเข้ามา
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ แม่ทัพหลิวถูกชาวตั่งเซี่ยงซุ่มโจมตีที่จินฝางหลิ่ง… และกองกำลังทั้งหมดถูกกวาดล้าง…”
หลังจากที่หน่วยสอดแนมพูดเรื่องนี้เสร็จ น้ำเสียงของเขาก็ขาดเป็นช่วง ๆ และหมดสติไป
แม่ทัพฟ่านหน้าซีด ชายวัยกลางคนโบกมือให้ทหารนำตัวหน่วยสอดแนมออกไป
ชิ่งไหวก็เข่าอ่อนและเกือบจะล้มลงเช่นกัน
กำลังเสริมจากทางใต้และทางเหนือล้มเหลวทั้งหมด ชายหนุ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคตของกองทัพเถี่ยหลินเป็นอย่างมาก
และผู้ที่เป็นกังวลยิ่งกว่าชิ่งไหวก็คือคนตระกูลติงและตระกูลเฉิงที่อยู่ในเมืองเว่ยโจว
ขณะนี้กองทัพเถี่ยหลินติดอยู่ในภูเขาและไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายมากนัก แต่กองทัพอันซู่และกองทัพหย่งอันของพวกเขาสูญเสียทหารไปมากกว่าครึ่ง และที่เหลือก็ตกอยู่ในอันตรายจากการถูกโจมตี
แม้ว่าชาวตั่งเซี่ยงจะไม่ได้ทำอะไรเลยและเพียงแค่ล้อมพวกเขาไว้ ทว่ากระบวนทัพทั้งสองก็ไม่สามารถจัดการกับพวกตั่งเซี่ยงได้
ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะสามารถจัดทัพป้องกันได้อย่างรวดเร็ว ทว่าเสบียงและสัมภาระทั้งหมดก็ตกไปอยู่ในมือของชาวตั่งเซี่ยง ไม่ต้องพูดถึงการกิน การดื่มหรือการนอน ทุกสิ่งล้วนกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน ทหารต้าคังเหล่านั้นจะสามารถอดทนได้นานเพียงใด?
ชาวตั่งเซี่ยงสามารถใช้เสบียงได้อย่างไม่จำกัดและมีเวลาผลัดกันพักผ่อน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์