บทที่ 86 เครื่องกระทุ้ง
ก่อนที่จินเฟิงจะสร้างกับดักกีดขวางม้าและส่งทัพแฟแลงซ์มาซิโดเนียออกไป วิธีที่ดีที่สุดของต้าคังในการรับมือกับทหารม้าคือการเสริมกำแพงและการใช้ภูมิศาสตร์
การเสริมกำแพงและการใช้ภูมิศาสตร์หมายถึงการยึดแนวกั้นไม่ให้ศัตรูโจมตี กวาดต้อนผู้คนรอบเมืองเข้ามาโดยไม่เหลือเสบียงใด ๆ ไว้ จากนั้นก็อาศัยกำแพงเมืองสูงเพื่อต่อต้านการโจมตีของทหารม้าตั่งเซี่ยง
ในช่วงแรกของสงคราม การรับมือในรูปแบบนี้มีประสิทธิภาพมาก
แม้ว่าทหารม้าจะเคลื่อนที่เร็วแต่พวกเขาก็จำเป็นต้องใช้เสบียงจำนวนมาก กำแพงเมืองต้าคังถูกออกแบบให้สูงชันและแข็งแกร่งจึงยากต่อการบุกทะลวง และเนื่องจากด้านนอกไม่มีเสบียงให้กอบโกย ท้ายที่สุด ทหารม้าก็จะล่าถอยในไม่ช้า
ไม่ว่าจะสมัยโบราณหรือสมัยใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ สงครามเป็นแรงผลักดันที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนานวัตกรรม
การเดินทางมาที่นี่สำหรับชาวตั่งเซี่ยงไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาจึงไม่ต้องการกลับไปด้วยมือเปล่าและรวบรวมความรู้จากทุกแขนงมาใช้ศึกษาวิธีการบุกทะลวงกำแพงเมืองต้าคัง
และเครื่องกระทุ้งก็เกิดขึ้นในรัชสมัยนี้…
เครื่องกระทุ้งนั้นจริง ๆ แล้วมีรูปแบบที่เรียบง่ายมาก มีสี่ล้อ และมีท่อนไม้ขนาดใหญ่ตรงกลางยาวราวหกฉื่อ มีหลักการทำงานคือใช้แรงเฉื่อยมหาศาลชนเข้ากับประตูเมือง
แม้ว่าจะเรียบง่าย แต่ก็มีประสิทธิผลมาก
ในปีที่สองหลังจากก่อตั้งเครื่องมือนี้ขึ้น ชาวตั่งเซี่ยงใช้เครื่องกระทุ้งเพื่อโจมตีประตูเมืองหลายสิบแห่ง ปล้นผู้คนและเสบียงนับไม่ถ้วน
ทหารม้าเดินทางข้ามที่ราบกวานจงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกและหยุดลงที่ถงกวานบริเวณริมแม่น้ำฮวงโห
แน่นอนว่าพวกเขาไมได้ถูกถงกวานหยุดยั้ง แต่เป็นราชสำนักต้าคังต่างหากที่ส่งคำขอโทษออกไปเพื่อบรรเทาความรุนแรง
และหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เห็น
ต่อมาเมื่อต้าคังเริ่มรับสมัครพลเรือนเพื่อขุดคูน้ำตามเมืองต่าง ๆ จึงสามารถลดผลกระทบจากเครื่องกระทุ้งได้
ปัจจุบันทหารม้าตั่งเซี่ยงไม่ค่อยใช้เครื่องกระทุ้งเมื่อเดินทัพ ทว่าเครื่องมือเหล่านี้สร้างขึ้นโดยกุนซือของหลี่จี้ขุยซึ่งทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการปรับปรุงกระบวนทัพ
เขาปรับปรุงบางเครื่องกระทุ้งและติดตั้งใบมีดสองแถวไว้ทั้งสองด้านของท่อนไม้ขนาดยักษ์
แม้ต้นไผ่จะยาวมากเพียงใด ก็มิอาจสู้ท่อนไม้ขนาดใหญ่เคลื่อนที่นี้ได้
หากเครื่องกระทุ้งสามารถทะลุประตูเมืองที่มีความหนาเกินหนึ่งฉื่อได้ มันจะไม่สามารถทะลุชุดเกราะได้เชียวหรือ
บนที่ราบกลางภูเขา เฉิงเผิง ติงอวิ๋นเฟย และกระบวนทัพทั้งสองของพวกเขาเผชิญหน้ากับกองทหารม้าตั่งเซี่ยงมาเป็นเวลาหลายชั่วยามแล้ว
ทุกคนต่างกระหายน้ำและหิวโหย
แต่พวกเขากำลังรอคอยอย่างมีความหวัง
พวกเขากำลังรอแม่ทัพฟ่านในเมืองเว่ยโจวส่งกำลังเสริมมาช่วยเหลือ
เช่นเดียวกับที่พวกเขาเดินทัพมาช่วยเหลือกองทัพเถี่ยหลิน
แต่รอจนถึงเย็นกลับไม่เห็นกำลังเสริมจากฝ่ายตนเอง มีแต่กำลังเสริมจากฝ่ายศัตรูที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ม้าศึกหลายสิบตัวลากเครื่องกระทุ้งเข้ามาในสนามรบก่อให้เกิดเสียงดังกึกก้อง
“สหายเฉิง พวกเขานำเครื่องกระทุ้งมา เราควรทำอย่างไรดี?”
ติงอวิ๋นเฟยที่เพิ่งจะสงบลงได้ตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง เขาดึงแขนเสื้อของเฉิงเผิงและตัวสั่น
“สหายติง ณ จุดนี้เราทำได้แค่สู้จนตัวตายเท่านั้น!”
เฉิงเผิงมีท่าทีเคร่งขรึม “ข้าหวังว่าเราจะหยุดเครื่องกระทุ้งได้”
“เหตุใดแม่ทัพฟานไม่ส่งคนมาช่วยพวกเราเล่า?”
ติงอวิ๋นเฟยอยากจะร้องไห้ออกมา “ชิ่งไหวนั่นก็อีกคน ที่พวกเราถูกขังอยู่ที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือกองทัพเถี่ยหลินของเขา เหตุใดเขาจึงไม่ไยดีพวกเราเลย”
“แล้วข้าจะไปรู้หรือ?”
เฉิงเผิงสะบัดแขนเสื้อออกจากการเกาะกุมอย่างฉุนเฉียว เขาค่อนข้างรู้ดีว่าเหตุใดชิ่งไหวจึงไม่อยากคุยกับแม่ทัพเหล่านั้น
จัวป่านเริ่มหมดความอดทนกับการรอคอย ทันทีที่เครื่องกระทุ้งมาถึง เขาก็เปิดการโจมตีกองทัพแฟแลงซ์ทันที
เครื่องกระทุ้งสามคันเรียงกันเป็นแถว มีขนาดกว้างราวหนึ่งฉื่อ ทุกคันล้วนเล็งไปที่กองทัพสี่เหลี่ยมที่เฉิงเผิงและติงอวิ๋นเฟยอยู่
ใบมีดคมทั้งสองด้านของท่อนไม้ยักษ์สะท้อนแสงเย็นวาบ
“ทุกคนอย่าย่อท้อ หากไม่สู้พวกเราทุกคนจะต้องตาย!”
เฉิงเผิงจัดทหารโล่เพิ่มเป็นสองแถวและรวมกลุ่มพวกเขาไว้ตรงข้ามกับเครื่องกระทุ้งทันที
ตามคำสั่งของจัวป่าน ชาวตั่งเซี่ยงหลายสิบคนตะโกนปลุกใจและเริ่มผลักเครื่องกระทุ้งไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ
“เราทำได้!”
เฉิงเผิงคำรามเพื่อให้กำลังใจทหาร
น่าเสียดายที่ช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายมีมากเกินไป
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์