เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 87

บทที่ 87 สู้ไม่ถอย

ชิ่งไหวผิดหวังอย่างมากกับเหล่าบุรุษเสเพลในเมืองเว่ยโจว

เมื่อพิจารณาจากพวกเขาแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเหลือกองทัพเถี่ยหลิน

สิ่งเดียวที่วางใจได้คือคนของตัวเอง

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน หลิวหยางนายกองค่ายทหารช่างไปที่บ้านพักของชิ่งไหวพร้อมคนของเขา

“หลิวฉยง นำจดหมายนี้ไปที่จวนหล่งโย่วเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้บัญชาการแห่งกองทัพหลิงไหว และขอให้เขาส่งกองกำลังไปช่วยเหลือ”

ชิ่งไหวหยิบจดหมายออกมาแล้วส่งให้หลิวฉยง

“รับทราบ”

หลิวฉยงรับจดหมายเอาไว้โดยคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ข้าจะนำจดหมายนี้ไปส่งให้สำเร็จ ถึงแม้จะต้องตายก็ตาม”

“หลิวหยาง เจ้าเองก็เคยเป็นองครักษ์ส่วนตัวของข้า เจ้ารู้เรื่องถ้ำใต้ดินนั่นใช่หรือไม่?”

ชิ่งไหวถาม

“ข้ารู้” หลิวหยางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ถนนทางด้านตะวันตกของเขาชิงสุ่ยล่ะ รู้จักหรือไม่?”

“ข้าน้อยรู้เช่นกัน”

“ดีมาก ถ้าเช่นนั้นเจ้าพาสหายของเจ้าไปยังเขาชิงสุ่ยและส่งจดหมายนี้ให้ท่านอาจารย์จินที บอกเขาว่าไม่ต้องกังวล ให้อดทนไว้ก่อน ข้าจะหาทางช่วยพวกเขาให้ได้”

ชิ่งไหวหยิบจดหมายอีกฉบับออกมาแล้วส่งให้หลิวหยาง

“รับทราบ!”

หลิวหยางเองก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วรับซองจดหมายเอาไว้เช่นกัน

“เอาล่ะ หลิวฉยงเจ้าพาสหายออกไปได้”

ชิ่งไหวโบกมือส่งสัญญาณให้หลิวฉยงและคนอื่น ๆ ออกไป

“ท่านโหว ระวังตัวด้วย”

หลิวฉยงเอ่ยลาชิ่งไหว จากนั้นก็พาหลิวหยางและคนอื่น ๆ ไปที่ลานหลังบ้าน

ไม่เพียงกองทหารช่างของค่ายที่ต้องออกไปทำภารกิจเท่านั้น แต่องครักษ์ข้างกายที่เหลือก็ถูกชิ่งไหวมอบหมายให้ออกไปทำหน้าที่เช่นกัน

ในห้องหารือขนาดใหญ่ มีเพียงชิ่งไหวและเจิ้งฟางซึ่งได้รับบาดเจ็บเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้เป็นองครักษ์

ทุกวันนี้มีหน่วยสอดแนมตั่งเซี่ยงอยู่ทุกหนทุกแห่งนอกเมืองเว่ยโจว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลีกเลี่ยงหูตาของพวกเขาและออกจากเมืองไป

ทว่าตั้งแต่ชิ่งไหวเข้าร่วมกองทัพ เขาได้ต่อสู้กับตั่งเซี่ยงและใช้เวลาในเมืองเว่ยโจวมากกว่าในที่ดินศักดินาอย่างจวนจินชวน

หลังจากอยู่ที่นี่มาหลายปี แน่นอนว่าท่านโหวหนุ่มย่อมสร้างเส้นทางลับเอาไว้

จวนหลังนี้ชิ่งไหวคัดเลือกมาเป็นพิเศษ เนื่องจากอยู่ใกล้กับกำแพงเมือง

มีทางเดินลับในลานหลังจวนที่สามารถตรงไปสู่ด้านนอกของเมืองเว่ยโจวได้โดยตรง

คนของชิ่งไหวแยกทางกันหลังจากออกจากเมืองเว่ยโจวผ่านเส้นทางลับ

หลิวฉยงเดินทางไปทางใต้เพียงลำพังเพื่อส่งข้อความถึงจวนหล่งโย่ว ในขณะที่หลิวหยางพาคนที่เหลือขึ้นไปบนภูเขาทางตะวันตกของเมืองเว่ยโจว

พวกเขาปีนขึ้นไปบนเนินเขาสองลูกจากนั้นก็พบถ้ำที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้หนาม

ถ้ำมีขนาดไม่ใหญ่นักจึงต้องก้มตัวเมื่อเดินเข้าไป

แต่หลังจากเดินเข้าไปหลายสิบก้าว ช่องว่างขนาดใหญ่ที่มีความสูงมากกว่าสามจั้งและพื้นที่มากกว่าหนึ่งไร่ก็ปรากฏขึ้น

มีลำธารสายเล็กไหลผ่านถ้ำมาบรรจบกันเป็นบ่อน้ำสีใสขนาดเล็ก

ในถ้ำมีถุงเสบียงและดาบ

ถ้ำแห่งนี้เป็นหนึ่งในฐานทัพลับของชิ่งไหว

เมื่อเมืองเว่ยโจวพ่ายแพ้ก็เป็นเรื่องง่ายหากจะซ่อนคนหลายร้อยชีวิตไว้ในถ้ำแห่งนี้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหิวหรือกระหายน้ำ

หลังจากพักผ่อนในถ้ำไม่กี่อึดใจ หลิวหยางก็พาสหายออกเดินทางอีกครั้ง

แต่คราวนี้ ทุกคนมีกระสอบใหญ่อยู่บนหลัง

บนภูเขาชิงสุ่ย จินเฟิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่และมองไปทางทิศใต้เงียบ ๆ

ทหารของกองทัพเถี่ยหลินที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็สงสัยว่าท่านอาจารย์จินกำลังนั่งทำอะไรอยู่ที่นี่ แต่หลังจากผ่านไปหลายวันก็ไม่มีใครอยากรู้อีกต่อไป

มีเพียงผู้เฒ่าจ้าวเท่านั้นที่พอเดาได้ว่าท่านอาจารย์จินอาจกำลังรอสัญญาณอะไรอยู่

แต่ผู้เฒ่าจ้าวไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังรอสัญญาณอะไร

ชายชราไม่ได้ถาม แต่พยายามอย่างเต็มที่ในการใช้ความเชี่ยวชาญของตนเองดูแลค่ายชั่วคราวของกองทัพเถี่ยหลิน

เช้านี้หลังจากจินเฟิงกินอาหารเช้าเสร็จ เขาก็กลับมานั่งบนหินอีกครั้ง

แต่ไม่นานหลังจากที่เขานั่งลง จงอู่ก็เข้ามา

“เหล่าหลิว ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเจ้าถดถอยลงสินะ แค่ปีนเขา เจ้าถึงกับเหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ออกเชียวหรือ”

จงอู่หัวเราะเยาะอดีตสหายของเขาอย่างไม่จริงจังนัก

“หากเจ้ามีความสามารถ… ลองปีนขึ้นมาให้ข้าดูหน่อยสิ… หากหน้าเจ้าไม่แดงและหายใจได้โดยไม่เหนื่อยหอบล่ะก็… ข้าจะมอบหัวให้เป็นรางวัล”

หลิวหยางโกรธและเตะจงอู่

“เอาล่ะ นั่งลงและพักผ่อนก่อนเถิด”

จินเฟิงเหลือบมองลงไป

เส้นทางส่วนใหญ่มีความลาดชันมากกว่าหกสิบองศา

ดู ๆ ไปแล้วมันชันจนเกือบเป็นเส้นตรงด้วยซ้ำ

การจะปีนขึ้นไปบนภูเขาจากเส้นทางแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ยิ่งไปกว่านั้น หลิวหยางและคนอื่น ๆ ยังถือถุงผ้ามาด้วย

“เจ้าถืออะไรมา?”

จินเฟิงเตะถุงผ้า

“เสบียง”

หลิวหยางอธิบาย “ท่านโหว… ท่านโหวกลัวทุกคน… บนภูเขาไม่มีของกิน… จึงให้ข้านำอาหารมา… เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน”

“เจ้ามาจากเมืองเว่ยโจวโดยแบกอาหารไว้บนหลังอย่างนั้นหรือ?”

จินเฟิงมองไปที่กองถุงเสบียง จากนั้นก็มองไปที่หลิวหยางและคนอื่น ๆ พลางรู้สึกขมขื่นในใจ

ถุงแต่ละใบมีน้ำหนักเกือบร้อยจิน

หลิวหยางและคนอื่น ๆ ไม่สามารถมาตามถนนสายหลักได้ พวกเขาทำได้เพียงไปตามเส้นทางบนภูเขาเท่านั้น

ชายหนุ่มไม่อยากจะจินตนาการถึงความยากลำบากตอนแบกของที่มีน้ำหนักเกือบร้อยจินข้ามภูเขาและสันเขา

รองเท้าแตะฟางของทหารหลายคนหมดสภาพ เท้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเลือด

“ขอบใจพวกเจ้าที่ทำงานอย่างหนัก จงอู่ ให้คนมาขนเสบียงเหล่านี้ไปเก็บ”

“พวกข้าไม่ลำบาก พวกข้าเต็มใจ”

หลิวหยางยิ้มออกมาอย่างยินดี ทันใดนั้น เขาก็หยิบซองจดหมายที่ห่อด้วยกระดาษน้ำมันอย่างระมัดระวังออกมาจากแขนเสื้อ “ท่านอาจารย์ ท่านโหวให้ข้านำจดหมายมาให้ท่าน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์