เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 88

บทที่ 88 กลุ่มควัน

“ท่านโหวฟื้นขึ้นตั้งแต่เมื่อใด อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”

จินเฟิงรับซองจดหมายไว้แต่ยังไม่ได้เปิดอ่านในทันที

เขาพอจะเดาได้ว่าชิ่งไหวเขียนอะไรมาในจดหมาย

“ท่านโหวฟื้นมาได้สองสามวันและสามารถลุกจากเตียงได้แล้ว แต่สีหน้าเขายังไม่ค่อยดีนัก”

หลิวหยางกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนท่านโหวไปที่จวนท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือ และเขาก็โกรธมากจนแผลปริออก”

หลังจากพูดจบ หลิวหยางก็กล่าวเสริม “จริง ๆ แล้วท่านโหวต้องการมาพบท่านด้วยตนเอง ทว่าหลิวฉยงและข้าหยุดเขาไว้”

ประโยคหลัง พวกเขาพูดเพื่อให้ชิ่งไหวมีภาพลักษณ์ที่ดี

แต่จินเฟิงก็เลือกที่จะเชื่อ

เพราะเขาเข้าใจดีกว่ากองทัพเถี่ยหลินเป็นสิ่งที่ชิ่งไหวให้ความสำคัญ

หากไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บ คนที่นำกองกำลังมาที่ภูเขาชิงสุ่ยในครั้งนี้ต้องไม่ใช่หลิวหยางแต่เป็นชิ่งไหวเองอย่างแน่นอน

“ท่านโหวขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฟ่านหรือไม่?”

จินเฟิงถาม “มีผู้ใดยินดีส่งทหารมาบ้าง?”

“ขอแล้ว กองทัพอันซู่และกองทัพหย่งอันถูกส่งมาที่นี่ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาถูกชาวตั่งเซี่ยงสกัดกั้นไว้ก่อนจะไปถึงชิงสุยกู่ ทำให้กำลังพลมากกว่าห้าพันนาย เหลือรอดไม่กี่ร้อยคนที่วิ่งกลับไปเท่านั้น”

หลิวหยางถอนหายใจ

“พวกเขาถูกโจมตีโดยเครื่องกระทุ้งหรือ?”

จินเฟิงถาม

“ท่านอาจารย์รู้ได้อย่างไร?”

หลิวหยางถามอย่างสงสัย

จินเฟิงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบ

จากด้านบนของภูเขาชิงสุ่ย เขาสามารถมองเห็นค่ายกองทัพตั่งเซี่ยงทั้งหมดได้ ตอนที่ชาวตั่งเซี่ยงพยายามสร้างเครื่องกระทุ้ง จินเฟิงก็พอจะคาดเดาแผนการของพวกเขาออก

จัวป่านจากไปพร้อมกับกองทหารเมื่อไม่กี่วันก่อน จินเฟิงเองก็เห็นเหตุการณ์นั้นเช่นกัน

ในตอนนั้นเขาก็พอจะรู้สถานการณ์คร่าว ๆ แล้ว

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ากองกำลังเสริมทั้งสองที่ส่งมาช่วยกองทัพเถี่ยหลินจะไม่มีประสบการณ์เช่นนี้

เมื่อกลับมาที่กระโจม จินเฟิงก็เปิดซองจดหมายดู

เป็นไปอย่างที่เขาคาดเดา ชิ่งไหวคิดว่ากองทัพเถี่ยหลินถูกบังคับให้ล่าถอยไปยังภูเขาชิงสุ่ย อีกฝ่ายจึงเน้นย้ำซ้ำ ๆ ในจดหมายว่าจินเฟิงควรยึดมั่นไว้ ส่วนเขาจะหาวิธีส่งคนไปช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด

คำพูดของชิ่งไหวมีความจริงใจอย่างยิ่ง

จินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เขียนจดหมายตอบกลับท่านโหวหนุ่มและให้จงอู่ไปตามหลิวหยางมาเข้าพบ

“เจ้าเพิ่งจะมาถึงที่นี่ จริง ๆ ข้าควรให้เจ้าพักผ่อนสักสองสามวัน แต่จดหมายฉบับนี้มีเรื่องเร่งด่วนกว่า ข้าขอให้เจ้ารีบนำจดหมายไปส่งให้ท่านโหวโดยเร็วที่สุด”

“ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ข้าจะรีบนำจดหมายไปส่งให้ท่านโหวโดยเร็วที่สุด”

หลิวหยางรับซองจดหมายแล้วกลับออกไปทันที

ในระหว่างที่วิ่งลงจากภูเขาหลิวหยางก็ไม่ได้แวะพักแต่อย่างใด เขากลับไปที่จวนชิ่งไหวผ่านช่องทางลับในบ่ายวันนั้น

“เหตุใดเจ้ากลับมารวดเร็วยิ่งนัก ส่งเสบียงไปหมดแล้วหรือ?”

ท่านโหวหนุ่มส่งคนหลายสิบคนออกไป แต่มีเพียงหลิวหยางเท่านั้นที่กลับมาอย่างรวดเร็ว

ชิ่งไหวมองดูหลิวหยางอย่างกังวล ด้วยกลัวว่าจะได้ยินข่าวร้ายจากเขา

“เรียนท่านโหว ภารกิจสำเร็จ ข้าได้จัดส่งเสบียงเรียบร้อยแล้ว”

หลิวหยางเช็ดเหงื่อและพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อข้าไปถึงภูเขาชิงสุ่ย ท่านอาจารย์จินจะขอให้สวีเซียวขนเสบียงทั้งหมดไปที่ภูเขาก่อนสงครามจะเริ่มเสียอีก เสบียงของกองทัพเถี่ยหลินไม่เคยขาดแคลน ระหว่างการถอยทัพ ท่านอาจารย์จินให้คนจุดไฟเผากระโจมด้านหลังทำให้ชาวตั่งเซี่ยงคิดว่าเสบียงของเรามอดไหม้ไปหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขายังคงปิดล้อมอยู่รอบภูเขาอย่างโง่เง่าเพื่อรอวันที่สหายของเราจะอดอยากจนทนไม่ไหวและลงมาจากเขาในที่สุด”

“ท่านอาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ!”

ชิ่งไหวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำบอกเล่า

ภูเขาชิงสุ่ยเป็นสถานที่ที่ป้องกันง่ายแต่โจมตีได้ยาก ตราบใดที่ยังมีอาหาร ชิ่งไหวเชื่อว่าจินเฟิงจะสามารถปกป้องกองทัพเถี่ยหลินได้

ด้วยวิธีนี้ ชิ่งไหวจึงไม่ต้องกังวลมากนักและสามารถค่อย ๆ คิดหาวิธีหากำลังเสริมได้

“ท่านอาจารย์ได้บอกหรือไม่ว่าอาหารบนภูเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน?”

“ท่านไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนที่ข้านำอาหารเหล่านั้นไปเติมที่คลังเสบียง ข้าได้ยินจงอู่พูดว่าพวกเขามีอาหารเพียงพอสำหรับระยะเวลาสามเดือน แต่หากการกินอย่างประหยัดและจัดสรรได้ดีก็อาจอยู่ได้นานกว่านั้น”

“สามเดือนเชียวหรือ…”

ชิ่งไหวขมวดคิ้วเล็กน้อย

ก่อนที่เขาจะหมดสติไป อาหารที่เหลืออยู่ในกองทัพเถี่ยหลินมีเพียงพอสำหรับหนึ่งเดือนเท่านั้น

ก่อนที่เขาจะพูดจบก็ถูกชิ่งไหวขัดจังหวะขึ้น “ตั้งแต่เจ้าไปดูแลค่ายกองทหารช่าง ข้าพูดอะไรเจ้าก็ไม่ฟังแล้วอย่างนั้นหรือ?”

“ท่านโหว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”

“ถ้าอย่างนั้นก็เชื่อฟังคำสั่งแล้วเดินทางไปยังเขาฮุยหลางกับข้า”

“รับทราบ!”

หลิวหยางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องก้มหน้าลงและเชื่อฟังคำสั่ง

“หากแม่ทัพฟ่านมาหาข้าก็ให้ส่งจดหมายฉบับนี้ให้เขา”

ชิ่งไหวทิ้งจดหมายไว้ให้ผู้เฝ้ายามและพาหลิวหยางออกไปทางช่องทางลับ

ฟ้ามืดลงแล้ว ดังนั้นทั้งสองจึงใช้ประโยชน์จากความมืดมิดรีบไปที่ภูเขาฮุยหลางในชั่วข้ามคืน

ชิ่งไหวได้รับบาดเจ็บจึงเดินเร็วไม่ได้ กว่าพวกเขาจะเดินทางไปถึงที่หมายก็เป็นเวลาก่อนรุ่งสาง

ในเวลานี้จินเฟิงนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่บนยอดเขาชิงสุ่ยเหมือนอย่างที่เคย โดยมองไปทางทิศใต้เงียบ ๆ

เมื่อเวลาประมาณยามเฉิน ห่างไปทางใต้ราวแปดลี้ จู่ ๆ กลุ่มควันสองกลุ่มก็ปรากฏขึ้น

จินเฟิงที่นิ่งมานาน จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับดวงตาที่ส่องประกายสดใส

นี่เป็นสัญญาณที่เขาและสวีเซียวได้ตกลงกันไว้

“จงอู่ จงอู่!”

จินเฟิงกระโดดลงมาจากหินก้อนใหญ่แล้วเอ่ย “ไปเรียกมือยิงธนูจ้งหนู่ทั้งหมดมาหาข้า บอกพวกเขาว่าถึงเวลาเอาชีวิตรอดแล้ว!”

“รับทราบ!”

แม้ว่าจงอู่จะไม่เข้าใจว่าจินเฟิงหมายถึงอะไร แต่เขาก็รีบไปเรียกคนมาพบชายหนุ่มทันที

ในชิงสุยกู่ ขบวนขนส่งเสบียงตั่งเซี่ยงได้เคลื่อนเข้ามาช้า ๆ

โดยมีผู้ที่คุ้มกันเป็นทหารม้าจำนวนหนึ่งร้อยนาย

เมื่อไปถึงกลางหุบเขาก็มีเสียงผิวปากดังมาจากเหนือหัวพวกเขา

เมื่อทหารผู้นำทัพเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นลูกศรขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาหา

ก่อนที่เขาจะมีเวลาตอบสนอง ร่างกายของเขาก็กระเด็นออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์