จ้าวซื่อพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมพูดว่า “ใช่แล้ว น้องสะใภ้ ขอเพียงเจ้าทำผลงานของเจ้าให้ดีก็พอ”
เมื่อพูดเช่นนี้ แปลว่าครอบครัวเฉินหู่จะไม่มีความเสี่ยงใดๆ เลย
เฉินหู่คิดแล้วรู้สึกหน้าร้อนผ่าว
ส่วนเฉียนซื่อก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย นางรีบโบกมือปฏิเสธพลางพูดว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ แบบนี้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ความเสี่ยงพวกท่านรับไว้หมด ข้าแค่ทำงานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”
เฉินหู่พูดเสริมด้วยความรู้สึกเกรงใจว่า “ใช่แล้ว เรื่องนี้สำหรับพวกเราไม่เหนื่อยเลย พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ หากพวกท่านคิดจะทำธุรกิจ พวกเราก็ต้องสนับสนุน ถือว่า...”
แต่เขายังพูดไม่ทันจบ ซูซานหลางก็ขัดขึ้นมาก่อน
ซูซานหลางมองเฉินหู่และเฉียนซื่อด้วยความจริงจังและพูดว่า “น้องหู่ น้องสะใภ้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของพวกเราทั้งสองครอบครัว จะมองข้ามกันง่ายๆ แบบนั้นไม่ได้ ฝีมือการทำอาหารของน้องสะใภ้เป็นสิ่งที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ นั่นแหละคือสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้นอย่าพูดว่าพวกเจ้าไม่ได้ออกแรงอะไรเลย”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซูซานหลางเดินทางไปตัวเมืองบ่อยครั้ง และได้ไปมาหาสู่กับจวนสกุลซุนอยู่หลายครั้ง เขาเคยเห็น ซุนฝู หัวหน้าแม่ครัวประจำจวนเครียดกับการคิดค้นรายกายอาหารใหม่ๆ ทำให้ซูซานหลางมีความเข้าใจเกี่ยวกับตำรับอาหารและฝีมือการทำอาหารมากขึ้น
อย่างน้อย ความเข้าใจของเขาก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่ระดับที่ว่า “ก็แค่ผัดผัก” เท่านั้น
การคิดค้นรายการอาหารใหม่ๆ และตำรับอาหารนั้นมีมูลค่ามาก
สำหรับเฉียนซื่อ ฝีมือการทำอาหารของนางเปรียบได้กับตำรับอาหารชั้นเลิศ เพียงแต่นางไม่เคยตระหนักถึงคุณค่าของมัน
เฉินหู่และเฉียนซื่อไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ แต่ซูซานหลางรู้ดี จึงจำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจน
น้ำเสียงจริงจังของซูซานหลางทำให้เฉินหู่และเฉียนซื่อถึงกับนิ่งไป
เฉียนซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่ออ้าปากจะพูดกลับไม่รู้จะพูดอะไรดี นางจึงทำได้เพียงบีบมือของเฉินหู่เบาๆ พร้อมส่งสายตาให้เขาตัดสินใจแทนนาง
เฉินหู่ครุ่นคิดอย่างจริงจัง เขารู้สึกว่าคำพูดของซูซานหลางมีเหตุผล เมื่อได้รับสัญญาณจากเฉียนซื่อ เฉินหู่จึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขามองไปที่ซูซานหลางและจ้าวซื่อด้วยความแน่วแน่ ก่อนกล่าวว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกเราสองคนยินดีร่วมทำงานด้วย”
ซูซานหลางและจ้าวซื่อแสดงความจริงใจอย่างมาก ซึ่งเฉินหู่สัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ใจนั้น
ทุกครั้งที่เขาไม่เข้าใจบางสิ่ง ซูซานหลางจะอธิบายให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจน ความช่วยเหลือที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวเช่นนี้ทำให้เฉินหู่รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
เขาเข้าใจเจตนาของเฉียนซื่อ และด้วยความเชื่อมั่นในตัวซูซานหลาง เฉินหู่จึงตอบตกลงทันที เพราะเขารู้ดีว่าซูซานหลางจะไม่มีวันหลอกลวงเขา
เมื่อเฉินหู่ตอบตกลง ซูซานหลางยิ่งรู้สึกมั่นใจในเป้าหมายของเขา เขาจึงกล่าวต่อว่า “เช่นนั้นเราสองครอบครัวก็ร่วมกันฝ่าฟัน สร้างเส้นทางใหม่ให้สำเร็จด้วยกันเถอะ”
“เรื่องแบ่งผลกำไรจากการทำธุรกิจ หลังจากหักค่าแรงและต้นทุนออกแล้ว เราจะแบ่งกันคนละครึ่ง และจะเขียนข้อตกลงกันไว้ให้ชัดเจน การทำธุรกิจต้องแยกจากความรู้สึกส่วนตัว อะไรควรเป็นอย่างไร ก็ให้เป็นอย่างนั้น บ้านเจ้ารับผิดชอบเรื่องฝีมือทำอาหาร ส่วนบ้านข้ารับผิดชอบเรื่องการเช่าที่และการขาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา