จ้าวซื่อพยักหน้า “อืม”
นางรู้ดีว่าสำหรับครอบครัวเล็กๆ นี้ ความยากลำบากที่สุดมิใช่เรื่องความหิวโหย หากแต่คือฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา บ้านของพวกเขายังไม่มีเสื้อกันหนาวเลย
เพราะขาดแคลนเงินทอง จึงไม่สามารถซื้อผ้าฝ้ายและผ้ามาทำเสื้อกันหนาวได้ ความหนาวเหน็บของฤดูหนาวนี้ พวกเขาจะผ่านไปได้อย่างไร
ความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้มาเป็นเงิน ก็เห็นจะมีแต่การเก็บเกาลัดป่าพวกนั้นแล้ว
ซูซานหลางลูบศีรษะซูเสี่ยวลู่อีกครั้ง จากนั้นจึงก้าวออกจากเรือน ไม่นานนักก็มีเสียงดังแว่วมาเมื่อเขาผ่าไม้ไผ่ออก
พร้อมกับเสียงหัวเราะขบขันของซูฉง ซูหัว และซูซานเม่ยที่เล่นหยอกเย้ากัน จ้าวซื่อมองซูเสี่ยวลู่ข้างกายด้วยสายตาอ่อนโยน และพูดเบาๆ ว่า “เจ้าสี่ ครอบครัวเราต้องผ่านพ้นไปได้ใช่ไหม?”
ซูเสี่ยวลู่มองจ้าวซื่อ อ้าปากกลมแล้วเผยรอยยิ้มให้จ้าวซื่อ
ทุกอย่างย่อมจะดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นแน่
รอยยิ้มอันแสนบริสุทธิ์ของทารกน้อยนั้น เปรียบเสมือนน้ำค้างหวานฉ่ำแห่งโลก และคล้ายดั่งแสงอุ่นยามเช้า ทำให้หัวใจของจ้าวซื่ออบอุ่นและชื่นบานยิ่งนัก
ซูซานหลางที่อยู่นอกเรือน ผ่าไม้ไผ่ออกเป็นท่อนๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงผ่าไม้ไผ่เหล่านั้นออกเป็นเส้นเล็กละเอียด แล้วจึงเริ่มถักทอเป็นฐานสำหรับการสาน
ซูซานเม่ยเองก็กำลังเล่นตีหินกับพี่ชายทั้งสอง ฝนยังคงตกทำให้พวกเขาออกไปนอกเรือนมิได้
ตลอดสองชั่วยามของยามบ่าย ซูซานหลางมุ่งมั่นถักตะกร้าจนใกล้เวลาพลบค่ำ ฝนจึงหยุดตก
ซูซานหลางเงยหน้ามองฟ้าที่ยังมิได้มืดสนิทนัก จึงลุกขึ้นกล่าวกับซูซานเม่ยว่า “ซานเม่ย พ่อจะออกไปข้างนอกสักครู่ เจ้าดูแลบ้านให้พ่อหน่อยนะ รู้หรือไม่?”
ซูซานเม่ยเงยหน้ามองพ่ออย่างว่าง่าย ผงกศีรษะตอบ “อืม พ่อวางใจเถิด ข้ารู้แล้ว”
ซูซานหลางหันไปกล่าวกับบุตรชายทั้งสอง “เจ้าหัว เจ้าฉง อยู่ในบ้านให้เรียบร้อย อย่าวิ่งเล่นออกไปข้างนอก ต้องฟังคำของน้องด้วย เข้าใจไหม?”
ซูฉงและซูหัวพยักหน้า แล้วมองซูซานเม่ยด้วยสายตารอคอย เป็นนัยว่าให้รีบหน่อย เพราะพวกเขายังเล่นตีหินกันไม่จุใจนัก
ซูซานหลางยิ้มบางๆ แล้วหันหลังออกจากบ้าน
เขามุ่งหน้าไปยังที่ดักสัตว์ก่อนแสงอาทิตย์จะลับฟ้า หวังว่าอาจมีโชคลาภบ้าง
แม้ใจจะเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่เขาก็รู้ดีว่าบ่อยครั้งมักจะกลับมามือเปล่า เพราะสัตว์ป่าทั้งหลายมักจะเฉลียวฉลาดยิ่งนัก
เมื่อเดินเข้าใกล้กับดักแรก เขาได้ยินเสียงกระพือปีกอย่างตื่นตะลึง เขายิ้มดีใจ รีบวิ่งไปด้วยความตื่นเต้น
เสียงเคลื่อนไหวของเขาทำให้ไก่ป่าขนดำหางเขียวในกับดักตื่นตกใจ มันกระพือปีกสุดกำลังหวังจะบินหนี แต่ถูกเชือกพันขาไว้อย่างแน่นหนา
ซูซานหลางกระโจนเข้าไปจับไก่ป่า และจับมันไว้แน่นๆ
ซูซานหลางคลายเชือกออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นใช้เชือกมัดปีกไก่ป่าไว้แน่น เขาพึมพำด้วยความยินดี “ขอบคุณฟ้าดิน”
แต่สิ่งที่ทำให้ซูซานหลางตื่นตะลึงยิ่งกว่านั้นยังรออยู่เบื้องหน้า
ในกับดักที่สองมีนกเขาลายอยู่ตัวหนึ่ง ส่วนกับดักที่สามว่างเปล่า แต่เหยื่อล่อถูกกินจนหมดและกับดักก็ถูกทำลาย ส่วนกับดักที่สี่และห้านั้นมีไก่ป่าหนึ่งตัวและกระต่ายป่าอีกหนึ่งตัว
กับดักที่หกและเจ็ดนั้นว่างเปล่า เหยื่อถูกกินหมดและกับดักเสียหายอีกเช่นกัน
ที่กับดักที่แปด เก้า และสิบ เขาได้กระต่ายป่าสองตัวและนกเขาลายอีกตัวหนึ่ง
เมื่อสำรวจบรรดากับดักแล้วกลับมา เขาก็อิ่มเอมไปด้วยความปลาบปลื้ม ซูซานหลางยิ้มกว้างไม่อาจหุบได้ รู้สึกราวกับยืนอยู่บนเมฆหมอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา