ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา นิยาย บท 22

เหตุใดจึงถึงขั้นที่พี่ชายสามและครอบครัวถูกไล่ออกจากเรือนกันเล่า

จ้าวซื่อถอนหายใจ มองซูเสี่ยวจือที่กังวลใจและบอกเหตุผลกับนางว่า “เสี่ยวจือ เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ ไม่อาจกำเนิดลูกชายให้พี่ชายสามของจ้าได้ ท่านพ่อท่านแม่ไม่อาจรับเจ้าสี่ไว้ได้ บอกว่าหากไม่ทิ้งเจ้าสี่ ก็ให้ออกไปทั้งครอบครัว'

ซูเสี่ยวจือมองจ้าวซื่อด้วยความตกตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้

ซูเสี่ยวลู่ที่อยู่ด้านในเตียง ตื่นนานแล้ว ไม่ร้องไม่อแง ดวงตาอันฉลาดเฉลียวจ้องมองซูเสี่ยวจือด้วยความอยากรู้อยากเห็น ราวกับกำลังพินิจพิจารณานาง

เห็นหลานสาวตัวน้อยที่แสนว่าง่ายเช่นนี้ ซูเสี่ยวจือก็รู้สึกเวทนา นางเข้าใจทุกอย่างแล้ว และยอมรับได้

จ้าวซื่อกล่าวต่อว่า “และข้าเองก็เพราะการคลอดเจ้าสี่ ทำให้ร่างกายบอบช้ำ ไม่อาจมีลูกได้อีกแล้ว”

แท้จริงแล้วนี่แหละคือปัญหาหลัก หากซูซานหลางยอมเป็นลูกชายที่เชื่อฟัง พ่อเฒ่าซูและหวังซื่อก็คงไม่ถึงกับรับเขาไม่ได้ ขอเพียงเขายอมเชื่อฟัง ทิ้งลูกสาวไป และปล่อยให้หญิงที่ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายเช่นนางตายไปเสียก็พอ

ซูซานหลางไม่อาจใจแข็งพอที่จะทอดทิ้งนางได้ เขาจึงยอมพาครอบครัวออกมาใช้ชีวิตนอกเรือน ต่อให้พวกเขาต้องอดตายหรือตายจากความหนาวในฤดูหนาวนี้ก็ตาม

ซูเสี่ยวจือรู้สึกหลากหลายอารมรณ์จนบอกไม่ถูก นางเห็นน้ำตาในดวงตาของจ้าวซื่อ และรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย จึงยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้จ้าวซื่อพร้อมกับกล่าวว่า “พี่สะใภ้ เจ้าอย่าคิดมากนัก นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย ส่วนพี่ชายสามของข้าที่ทำเช่นนี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าชายแท้ เขาไม่ทำให้ข้าผิดหวังที่เคารพนับถือ”

ซูซานหลางเป็นคนที่มีทั้งความรักและความยุติธรรม เขาจึงไม่อาจทำเรื่องทอดทิ้งภรรยาและลูกสาวได้ เช่นเดียวกับในอดีตที่เขายืนหยัดเพื่อน้องสาวแท้ๆ ของเขา

ซูเสี่ยวจือล้วงเอากำไลเงินออกจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้จ้าวซื่อพลางกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ข้าช่วยพวกเจ้าได้ไม่มาก นี่คือสิ่งเดียวที่ข้าพอจะให้ได้ เจ้าอย่าปฏิเสธเลย หากบ้านเรือนลำบากจริง ๆ ค่อยเอามันไปจำนำใช้ประทังชีวิต พอผ่านปีนี้ไป ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

จ้าวซื่อทั้งตกใจและซาบซึ้งใจ อยากจะปฏิเสธ แต่คำปฏิเสธกลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก เอ่ยไม่ออก กลับกลายเป็นน้ำตาที่ไหลลงมาแทน นางพูดทั้งน้ำตาคลอว่า “เสี่ยวจือ ขอบคุณเจ้ามาก...”

ซูเสี่ยวจือก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน แต่ยิ้มพลางกล่าวว่า “เราต้องผ่านมันไปได้แน่นอน”

จ้าวซื่อพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

ซูเสี่ยวจือเช็ดน้ำตาให้นางแล้วกล่าวว่า “พอเถอะ อย่าร้องไห้เลย เจ้ายังอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังคลอดอยู่หนา”

ทั้งสองเช็ดน้ำตาเสร็จแล้ว ซูเสี่ยวจือหันไปมองซูเสี่ยวลู่ จึงสังเกตเห็นว่าหนูน้อยดูเหมือนจะจ้องมองนางอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับเม้มปากน้อย ๆ ของนาง

ดวงตาอันฉลาดเฉลียวคลอด้วยน้ำตา แต่นางกลับไม่ร้องไห้เสียงดังออกมา

ซูเสี่ยวจือยื่นมือออกไปอย่างแผ่วเบาพลางกล่าวว่า “เจ้าสี่คนดี ให้อาหญฺงอุ้มหน่อยได้หรือไม่?”

น้ำตาของซูเสี่ยวลู่ไหลพรั่งพรูออกมา

ตั้งแต่ซูเสี่ยวจือมา นางก็คอยจับตาดูอาหญิงผู้นี้อยู่ตลอด

นางคิดอยู่เลยว่าอาหญิงผู้นี้อาจมาหาเรื่อง แต่คาดผิดไป อาหญิงกลับมาช่วยเหลือในยามลำบาก นี่ช่างเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและหาได้ยากยิ่งนัก

ซูเสี่ยวลู่รู้สึกซาบซึ้งใจ และนางก็จดจำความซาบซึ้งนี้ไว้ในใจ

ซูเสี่ยวจืออุ้มซูเสี่ยวลู่ขึ้น นางยังกลัวว่าหนูน้อยจะร้องไห้ออกมา แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ หลังจากอุ้มนางขึ้นแล้ว น้ำตาในดวงตาของซูเสี่ยวลู่ค่อย ๆ หายไป นางอ้าปากน้อย ๆ แล้วยิ้มให้

ซูเสี่ยวจือตกใจและดีใจ กล่าวว่า “เจ้าสี่ช่างว่าง่ายนัก ราวกับฟังพวกเราพูดรู้เรื่องเลยทีเดียว”

ซูเสี่ยวจือมองจ้าวซื่อ ด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยความเวทนาสงสาร

จ้าวซื่อยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าสี่ว่าง่ายจริงๆ ไม่ร้องไม่อแง เลี้ยงนางไม่เหนื่อยเลยสักนิด”

ซูเสี่ยวจือมองด้วยสายตาอ่อนโยน กล่าวว่า “ก็ดีแล้ว ๆ ครั้งหน้าข้าจะมาเยี่ยมพวกเจ้าอีก ตอนนั้นเจ้าสี่ก็คงจะเริ่มจำคนได้แล้ว”

ซูเสี่ยวจือถอนหายใจ นางกลับเรือนเพียงปีละครั้งเท่านั้น ครั้งนี้นางคำนวณไว้ว่าจ้าวซื่อน่าจะคลอดลูกแล้ว แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ภายในเวลาไม่ถึงปี ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายเช่นนี้

ในเมื่อไม่อาจหวนคืนได้ นางจึงได้แต่ภาวนาจากใจให้พี่ชายสามผู้ซื่อตรงและมีเหตุผลผู้นี้ ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและมีสุขภาพดีร่วมกับครอบครัวตลอดไป

ตอนที่ถูกล็อก
คุณจะสามารถอ่านตอนนี้ได้ฟรีในอีก:--:--:--:--

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา