หลายเดือนมานี้ นางได้เชิญหมอมาดูอาการของหูต้าหนิวครั้งแล้วครั้งเล่า
หมอทุกคนล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่อาจฟื้นคืนสติได้ เว้นเสียแต่จะมีเทพเซียนมาโปรด
นางเองที่ไม่อาจตัดใจ นางเองที่ยังคงโอบอุ้มความหวังอันลมๆ แล้งๆ เอาไว้ นางคิดเสมอว่าตราบใดที่นางไม่ยอมแพ้ ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งเขาจะค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา
แต่ความจริงนั้นไม่อาจหลอกลวงผู้ใดได้
หูต้าหนิวไม่อาจกลืนอาหาร ร่างกายซูบผอม ร่างกายสูญเสียความแข็งแรง ไม่อาจเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวอีกต่อไป สัญญาณทุกอย่างบ่งบอกว่า เขาไม่อาจยืนหยัดต่อไปได้อีกนานแล้ว
ซูเสี่ยวจือหลับตาลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้าต้องไปหารือกับแม่สามีก่อน จึงจะให้คำตอบแก่เจ้าได้”
เรื่องราวใหญ่หลวงเช่นนี้ นางไม่อาจตัดสินใจเองได้ นางจำต้องไปสอบถามความคิดเห็นจากเฉาซื่อดูเสียก่อน
ซูเสี่ยวลู่กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ท่านอาหญิงไปถามเถิดเจ้าค่ะ”
เรื่องราวใหญ่หลวงเช่นนี้ ซูเสี่ยวจือไม่อาจตัดสินใจเองได้อย่างแน่นอน
ซูเสี่ยวจือเดินออกไปแล้ว
จ้าวซื่อถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เฮ้อ หากรู้เร็วกว่านี้ก็คงดี”
หากรู้เร็วกว่านี้ ไม่แน่ว่าหูต้าหนิวยังมีทางรอด
ซูซานหลางก็ถอนหายใจเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ในโลกนี้ไม่มีคำว่าหากรู้เร็วกว่านี้
ซูเสี่ยวลู่ไม่พูดอะไร ในเวลานี้ ผู้ที่เจ็บปวดที่สุดคงจะเป็นท่านอาหญิงซูเสี่ยวจือของนาง
หากจะต้องกล่าวโทษผู้ใด ก็คงต้องโทษโชคชะตา เรื่องที่ถูกกำหนดไว้โดยโชคชะตาแล้ว ย่อมไม่มีคำว่าหากรู้เร็วกว่านี้
ร่างของหูต้าหนิวถูกปักไว้ด้วยเข็มเงินมากมาย หนังตาของเขาสั่นระริก น้ำตาไหลรินไม่หยุด ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะสื่อความหมายบางอย่าง แต่เพราะไม่อาจฟื้นคืนสติ คำพูดมากมายจึงไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้
การถูกจองจำเช่นนี้ ย่อมเป็นความทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย
หูซวงซวงเช็ดน้ำตาให้หูต้าหนิว พลางร่ำไห้เรียกหา “ท่านพ่อ ท่านพ่อ”
“ซวงซวง เด็กดี อย่าร้องไห้เช่นนี้ เจ้าทำเช่นนี้ บิดาของเจ้าจะยิ่งทุกข์ใจ”
จ้าวซื่อโอบไหล่ของหูซวงซวง ปลอบโยนนางอย่างอ่อนโยน
ลูกๆ คือดวงใจของบิดามารดา หูต้าหนิวสามารถรับรู้ได้ ดังนั้นเสียงเรียกของหูซวงซวงทุกครั้ง หูต้าหนิวย่อมรับรู้ได้ทั้งหมด แต่เขาไม่อาจตอบสนอง ไม่อาจปลอบประโลมบุตรสาวที่กำลังร่ำไห้เสียใจ ไม่อาจทำสิ่งใดได้เลยแต่กลับสามารถรับรู้ได้ทุกสิ่ง นี่ช่างเป็นความทุกข์ทรมานอย่างแท้จริง
หูซวงซวงโตพอที่จะรู้ความแล้ว นางข่มกลั้นตนเองไม่ให้ร่ำไห้เสียงดัง ทว่าหยาดน้ำตายังคงไหลรินอย่างเงียบงัน
หูฉางโซ่วเองก็หลั่งน้ำตาอย่างเงียบงันเช่นกัน
แม้แต่หูฉางหยางผู้เยาว์วัยที่สุด ดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา พยายามอย่างยิ่งที่จะข่มกลั้นอารมณ์ที่แทบจะควบคุมไม่อยู่
ซูเสี่ยวลู่เองก็รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก
สิ่งที่นางทำได้ มีเพียงแค่รอคอยคำตอบเท่านั้น

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา