ซูซานหลางกลับมาถึงเรือน เด็กทั้งสามคนก็รีบเข้ามารุมล้อม ช่วยพยุงตะกร้า ช่วยขนข้าวสาร
ครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่นและอ่อนโยน ช่วยขจัดความเศร้าในใจของซูซานหลางได้อย่างรวดเร็ว
พอเก็บข้าวสารเสร็จแล้ว ซูซานหลางก็เข้าไปในเรือน
เห็นจ้าวซือกำลังทำผ้าห่ม ซูซานหลางยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แม่ ข้าจะบอกเจ้าว่า วันนี้พอข้าเข้าตัวเมืองก็ไปที่จวนซุนก่อน คิดว่าพวกเขาคงซื้อไม่หมด ที่ไหนได้ จวนซุนเหมาหมดในคราวเดียวเลย”
“พวกเราโชคดีดีนัก ข้าซื้อข้าวสารกับเมล็ดพันธุ์ผักกลับมาเรียบร้อย เดี๋ยวข้าจะเอาเมล็ดพันธุ์ผักไปหว่านเลย”
ซูซานหลางดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขกับจ้าวซื่อ เห็นประกายแวววาวในดวงตาของนาง เขารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างยิ่ง
จ้าวซื่อยิ้มพยักหน้าแล้วพูดว่า “ช่างดีเหลือเกิน”
นางรู้สึกโล่งใจแล้ว สำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง นางก็ไม่กลัวอีกแล้ว
ซูซานหลางยิ้ม หยิบห่อกระดาษออกมาจากอกเสื้อแล้วพูดกับซูซานเม่ยและสามพี่น้องว่า “มานี่สิ วันนี้พ่อซื้อลูกอมกลับมาด้วย”
ทันทีที่ได้ยินว่ามีลูกอม ซูฉงกับซูหัวก็รีบล้อมเข้ามาด้วยความดีใจ กลืนน้ำลายพลางทำหน้าอยากกิน
มีลูกอมทั้งหมดสิบสองก้อน แต่ละก้อนมีขนาดเท่าครึ่งปลายนิ้วของเด็กเท่านั้น
ซูซานหลางหยิบลูกอมสองก้อนใส่มือจ้าวซื่อ แล้วส่งที่เหลือให้ซูซานเม่ยพร้อมพูดว่า “เหลืออีกสิบก้อน พวกเจ้าสามคนคนละสามก้อน ส่วนก้อนที่เกินมาให้ซูซานเม่ยกิน”
ซูฉงกับซูหัวไม่มีข้อโต้แย้ง พวกเขาไม่เคยโลภ หลังจากแบ่งลูกอมจากซูซานเม่ยคนละก้อนแล้วอมไว้ในปาก ก็ไม่จ้องห่อกระดาษอีก
จ้าวซื่อหยิบลูกอมหนึ่งก้อนใส่ปาก แล้วหยิบอีกก้อนหนึ่งป้อนให้ซูซานหลาง นางพูดว่า “พ่อ เจ้าก็กินด้วยเถอะ พวกเราคนละก้อน หวานด้วยกัน”
ซูซานหลางมองดวงตาของจ้าวซื่อที่เต็มไปด้วยความหวังและความอ่อนโยน คำปฏิเสธพูดไม่ออก เขาอ้าปากรับลูกอมกินเข้าไป
เห็นทุกคนในครอบครัวยิ้ม ซูซานหลางก็ยิ้มตาม
ยามบ่าย ซูซานหลางก็ออกไปหว่านเมล็ดพันธุ์ผักลงในแปลง
ผืนดินที่แห้งแล้งมีเพียงเถ้าหญ้าไม้ชั้นหนึ่งเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าผักที่ปลูกจะงอกงามดีหรือไม่
หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ผักเสร็จ ซูซานหลางก็ไปตักน้ำมารด
เรื่องเล็กเช่นนี้ เขาไม่ให้ลูกทั้งสามมาช่วย
ซูฉง ซูหัว และซูซานเม่ย ทั้งสามคนก็ไปถอนหญ้าจับแมลงแถว ๆ นั้น ให้อาหารไก่และกระต่าย หรือเล่นขว้างหินกันในลานเรือน
เวลาซูซานหลางเหนื่อย เขาก็พักสักครู่ มองดูรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขของเด็กทั้งสาม หัวใจของเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย
พอถึงยามพลบค่ำ เรือนทุกหลังในหมู่บ้านก็เริ่มมีควันไฟลอยขึ้น ซูซานหลางก็กลับเรือนไปทำอาหารเช่นกัน
ชีวิตประจำวันดำเนินไปอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ ต้นเดือนเก้า ซูซานหลางพาลูกชายสองคนเข้าป่าไปตัดฟืนทุกวัน กองเต็มลานเรือนจนเต็มแน่นไปหมด
สิบวันมานี้ ยังจับสัตว์ป่าได้ไม่น้อยเหมือนเดิม จึงเลี้ยงพวกมันไว้ทั้งหมด
วันที่สิบสองเดือนเก้า จ้าวซื่อพ้นเดือนพักฟื้นหลังคลอด นางยืนกรานว่าจะไม่ยอมนอนอยู่บนเตียงอีกแล้ว
วันนี้แดดดี จ้าวซื่อห่อตัวซูเสี่ยวลู่จนมิดชิดแล้วพูดว่า “พ่อ ข้าหายดีแล้วจริง ๆ เจ้าก็บอกเองว่าในเรือนไม่มีงานหนัก ข้าอยู่เรือนซักผ้าทำกับข้าวให้พวกเจ้าก็ไม่เหนื่อยหรอก”
ซูซานหลางขัดนางไม่ได้ จึงต้องยอมตามใจนาง
จ้าวซื่ออุ้มซูเสี่ยวลู่ออกไปตากแดด นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเสี่ยวลู่ได้ออกจากเรือน
โลกภายนอกสดใสสว่างไสว จ้าวซื่อออกจากเรือนก็ส่งซูเสี่ยวลู่ให้ซูซานหลางอุ้มไว้
ซูซานหลางอุ้มซูเสี่ยวลู่อย่างระมัดระวัง จ้าวซื่อก็เดินไปทางเล้าไก่ เล้าไก่นั้นซูซานหลางล้อมไว้สูงครึ่งตัวคน กระต่ายก็เลี้ยงอยู่ในนั้นด้วย
จ้าวซื่อเปิดประตูเข้าไป นางพูดว่า “อยากจะออกมาดูตั้งนานแล้ว แม่ไก่กกไข่มาพักหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าจะฟักออกมากี่ตัว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา