เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา นิยาย บท 30

ไม่กี่วัน ซูซานเม่ยก็เข้าใจนิสัยของซูเสี่ยวลู่ดีแล้ว

ถ้าร้องไห้แล้วไม่ใช่เพราะหิวหรือไม่ได้ถ่าย เช่นนั้นหมายถึงอยากออกไปเดินเล่น

ซูซานเม่ยสังเกตเห็นว่าซูเสี่ยวลู่ชอบดูถังเก็บน้ำที่บ้านมาก ทุกครั้งที่ซูเสี่ยวลู่ร้องไห้งอแง จะต้องพาไปเล่นที่ข้างโอ่งน้ำถังเก็บน้ำ

“เจ้าสี่ เจ้าไยจึงชอบถังเก็บน้ำนี้นักเล่า มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่าดูเลย”

ซูซานเม่ยรู้สึกไม่เข้าใจอย่างยิ่ง

ซูเสี่ยวลู่ขยับมือน้อย ๆ ของนาง นางหาได้ชอบถังเก็บน้ำไม่ แต่นางเพียงอยากจะแหย่นิ้วลงไป ให้น้ำพุวิญญาณจากมิติลับไหลลงถังเก็บน้ำบ้าง คนในครอบครัวได้ดื่มน้ำนี้ ย่อมเป็นคุณไม่มีโทษ

แต่น่าเสียดายที่ซูซานเม่ยไม่เข้าใจความหมายของนาง ทุกครั้งก็แค่ยืนอุ้มอยู่ข้างโอ่งเพียงครู่เดียว

“เอ๊ะ”

ซูซานเม่ยก้มลงมองถังเก็บน้ำ เห็นเงาสะท้อนของตนอยู่ในน้ำ นางรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก จึงย่อตัวลงไปดูใกล้ ๆ

นางหาได้สังเกตไม่ว่า ในที่สุดซูเสี่ยวลู่ก็เอาปลายนิ้วแตะลงไปในถังเก็บน้ำแล้ว

น้ำพุวิญญาณจากห้วงมิติของนางได้ไหลเข้าสู่ถังเก็บน้ำทันที

“ที่แท้เจ้าสี่อยากจะดูเงาของตนเองหรือ เจ้าสี่ช่างฉลาดยิ่งนัก แต่เจ้ายังเด็กเกินไป อย่าเข้าไปใกล้มากนักนะ ถังเก็บน้ำนั้นอันตรายมาก”

พูดจบ ซูซานเม่ยก็อุ้มซูเสี่ยวลู่ลุกขึ้นยืน

ซูเสี่ยวลู่ก็ชักมือกลับมา สำเร็จแล้ว ไม่มองก็ไม่มองเถิด

ซูซานเม่ยอุ้มซูเสี่ยวลู่ไปยังลานบ้านเพื่ออาบแสงตะวัน แสงแดดยามต้นฤดูหนาวสาดส่องลงมาอบอุ่นยิ่งนัก ซูเสี่ยวลู่ชอบอาบแดดเป็นยิ่งนัก

ไม่นานนัก นางก็รู้สึกถึงเงาครึ้ม ซูเสี่ยวลู่คิดว่าเมฆมาบังแสงอาทิตย์ จึงลืมตาขึ้นมองดู ก็พบว่าพี่ชายใหญ่และพี่ชายรองของนางยืนมองด้วยท่าทีใคร่รู้ดั่งเด็กน้อย

“เจ้าสี่ ข้าคือพี่ชายใหญ่ของเจ้า”

ซูฉงกล่าว

“เจ้าสี่ ข้าคือพี่ชายรองของเจ้า”

ซูหัวกล่าว

ซูเสี่ยวลู่ยิ้มให้ทั้งสองคน ทำเอาซูฉงและซูหัวหัวเราะออกมา

“เจ้าสี่ช่างงามเหลือเกิน เจ้าสี่คงเป็นเทพเซียนแน่แท้”

ซูฉงเอ่ยคำชมจากใจ เขาไม่เคยเห็นผู้ใดงามเกินกว่าเจ้าสี่ของเขาเลย ด้วยเหตุนี้เจ้าสี่ของเขาจึงต้องเป็นเทพเซียนเป็นแน่

ซูหัวพยักหน้าเห็นด้วยพลางกล่าวว่า “เทพเซียนเจ้าสี่ ฮิฮิ”

ซูซานเม่ยหัวเราะออกมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าสี่มิใช่เซียน นางเป็นลูกที่ท่านแม่คลอดมา เช่นเดียวกับพวกเรา ล้วนเป็นลูกของท่านแม่และท่านพ่อ”

ซูฉงและซูหัวมิอาจเข้าใจในความลึกล้ำนี้ มิได้ใส่ใจจะฟังหรือครุ่นคิด พวกเขายังคงยึดมั่นในความเชื่อของตนว่าเจ้าสี่ที่งามเพียงนี้ ก็คือเทพเซียนอย่างแน่นอน

ซูซานหลางกับจ้าวซื่อที่อยู่รอบลานบ้านได้ยินดังนั้น ก็หันมายิ้มให้กัน

ซูซานหลางกล่าวว่า “แม่ บางทีเจ้าสี่ของเราอาจจะเป็นเทพเซียนจริงๆ ก็เป็นได้”

จ้าวซื่อยิ้มอย่างจนใจแล้วกล่าวว่า “พ่อ ลูก ๆ พูดเล่นเจ้าก็เชื่อด้วยหรือ”

ซูซานหลางกล่าวอย่างจริงจังว่า “แม่ ข้าพูดเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล เจ้าดูสิ ตอนคลอดเจ้าสี่อันตราย นางก็ร้องไห้ไม่หยุด อีกทั้งซานเม่ยก็มักจะไปซักผ้าอ้อมอยู่ที่นั่น บริเวณนั้นแมลงชุกชุม หญ้าก็เขียวชอุ่ม ทำให้สัตว์เลี้ยงของเราเจริญงอกงาม ข้าจึงเชื่อว่าเจ้าสี่ของเราต้องเป็นเทพเซียนมาเกิด”

ซูซานหลางเชื่อมั่นอย่างแท้จริง เขารู้สึกว่าตั้งแต่ลูกสาวคนนี้มา บ้านของเขาก็ค่อยๆ ดีขึ้นทีละน้อย ไม่มีความลำบากเรื่องอาหารการกินอีก

จ้าวซื่อยิ้มพลางกล่าวว่า “หวังว่าเจ้าสี่จะเป็นผู้มีวาสนา”

จ้าวซื่อจัดการเรือนให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อย ที่ดินสี่ไร่หลังเรือนก็มีต้นกล้าผักเล็ก ๆ งอกขึ้นมา ทุกวันต้องรดน้ำ จ้าวซื่อยังให้ซูซานหลางทำโอ่งใส่น้ำปัสสาวะไว้ เพื่อเก็บน้ำหมักรดต้นกล้าผักด้วย

ซูซานหลางเข้าเมืองตามปกติ มุ่งตรงไปยังจวนซุนตามเคย

เด็กรับใช้เห็นเขาก็ทักทายอย่างคุ้นเคยว่า “พี่ชายท่านนี้ ในที่สุดท่านก็มาจนได้ ของที่ท่านล่ามาช่างดีนัก นายท่านของข้ากินของจากที่อื่นไม่ถูกปากเลย พ่อบ้านซุนกับเหล่าฟู่ยังมาถามถึงท่านกับข้าตั้งหลายครา”

ซูซานหลางมิได้มาเสียยี่สิบวันเต็ม

ซูซานหลางยิ้มพลางกล่าวว่า “ที่เรือนยุ่ง ข้าจึงมิได้เข้าเมือง”

เด็กรับใช้เห็นตะกร้าหนักอึ้งที่เขาสะพายอยู่ ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ดีแล้ว ท่านรีบเข้าจวนไปเถิด เหล่าฟู่บอกไว้แล้วว่าถ้าท่านมาอีก ไม่ต้องแจ้งข่าว นำของไปส่งที่ครัวให้เขาตรวจดูได้เลย”

ซูซานหลางก็ดีใจ ตอบกลับว่า “เช่นนั้นก็ดี พี่ชายเจ้าทำงานต่อเถิด ข้าจะเข้าไปก่อน”

เด็กรับใช้ยิ้มพลางพยักหน้า อารมณ์ดีอยู่ในใจ เพราะก่อนหน้านี้ซุนฟู่และพ่อบ้านซุนได้กำชับไว้แล้วว่า หากเห็นซูซานหลางเมื่อใด ให้ต้อนรับเข้ามาในเรือน นายท่านมีรางวัลให้ เขาก็จะได้ด้วย

เด็กรับใช้เรียกซูซานหลางตรงๆ ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภของเขา เพราะเงินที่ซูซานหลางให้นั้นนับว่าเล็กน้อย แต่รางวัลจากนายท่านต่างหากที่มีค่าเสียจริง ดังนั้นเด็กรับใช้จึงตั้งใจจะผูกมิตรกับซูซานหลางให้ดี

ซูซานหลางมุ่งตรงไปยังลานครัว ในครัวนั้นวุ่นวายกันอย่างครึกโครม เสียงด่าทอดังก้องออกมาเป็นระยะ

“เร่งไฟให้แรงขึ้นอีก ข้าสอนไว้อย่างไร พวกเจ้านี่ทำให้รสชาติจืดจางไปหมด ของไม่อร่อยแบบนี้ แม้แต่สุนัขยังไม่อยากกิน!”

“หั่นผักให้ไวขึ้นอีก เส้นก็ไม่เป็นเส้น ชิ้นก็ไม่เป็นชิ้น พวกเจ้าอยากกินข้าวกันหรือไม่ ฝีมือห่วยกันเช่นนี้ เมื่อใดจะเรียนจบเสียที?”

ซุนฟู่อารมณ์ร้อน ครั้นในครัวเต็มไปด้วยควันน้ำมันจนหายใจไม่สะดวก เขาจึงออกมาข้างนอก พอออกมาก็เห็นซูซานหลางอยู่ตรงนั้น ซุนฟูที่กำลังหงุดหงิดอยู่ก็ยิ้มออกมาในทันที แล้วเดินตรงไปหาซูซานหลาง

“พี่ชาย นานเลยที่มิได้มา หรือว่าเจ้าพบที่อื่นที่ให้ประโยชน์ดีกว่าแล้วหรือ?”

ซุนฟู่กล่าวทักทายพร้อมกับพิจารณาซูซานหลางไปด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา