ซูซานหลางรีบโบกมือ "อาจารย์ฝูผิดเข้าใจแล้ว ข้าไม่ได้ขายให้บ้านอื่นหรอก แต่ที่บ้านยุ่งมาก เลยจับได้แล้วเลี้ยงไว้ที่บ้านมาตลอด วันนี้เพิ่งมีเวลามาที่เมืองนี้"
ซุนฝูมองไปที่ตะกร้าสะพายหลังใบใหญ่ซึ่งเต็มจนล้น ไหนเลยจะไม่เข้าใจ จึงหัวเราะพลางพูดว่า "ไม่เป็นไรๆ แค่ล้อท่านเล่นเท่านั้น ลองให้ข้าดูสิ คราวนี้ท่านหิ้วของดีอะไรมาอีก"
ซูซานหลางวางตะกร้าสะพายหลังลง แล้วแกะถุงกระสอบออก เขากล่าวว่า "ยังเหมือนเดิมกับครั้งก่อน เป็นกระต่ายป่า ไก่ป่า และนกเขา"
สัตว์ที่ซูซานหลางแบกมานั้น ยังคงดีเหมือนกับครั้งก่อน แต่ละตัวดูแข็งแรงมีชีวิตชีวา มองปราดเดียวก็รู้ว่าเลี้ยงดูมาอย่างดี
ซุนฝูหยิบสัตว์ขึ้นมาดูตัวหนึ่งพลางพูดว่า "ของดีจริงๆ"
บางคนมือดีจริงๆ สัตว์ที่ได้มาครั้งก่อน เลี้ยงไว้แค่วันเดียว มันก็ไม่ค่อยกินไม่ค่อยดื่ม เพื่อป้องกันไม่ให้ตาย ต้องฆ่าทั้งหมดในคราวเดียว
"พี่ชาย ท่านเลี้ยงได้ดีมากนะ คราวก่อนข้าเลี้ยงไว้แค่วันเดียว มันก็ไม่กินไม่ดื่มเลย ท่านทำอย่างไรถึงเลี้ยงได้แบบนี้"
ซุนฝูเอ่ยถามความสงสัยในใจออกมา
ซูซานหลางเองก็ไม่รู้ แต่เขาตอบตามความจริงว่า "เป็นลูกๆ ที่บ้านข้าดึงหญ้ากับจับแมลงมาเลี้ยงมัน"
นี่คือความจริง เพียงแต่หญ้าและแมลงเหล่านั้นอาจจะพิเศษไปสักหน่อย แต่เหตุผลที่พิเศษนี้ซูซานหลางเลือกที่จะไม่พูด เขายังมีไหวพริบพอ และที่สำคัญเขาไม่ได้โกหก
ซุนฝูไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านี้ คิดเพียงว่าคนแต่ละคนต่างกันออกไป ท้ายที่สุดแล้วบางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นที่รักของสัตว์เล็กๆ จะเลี้ยงอะไรก็เลี้ยงได้ดีไปหมด
แต่บางคนไม่ว่าจะเลี้ยงอะไรก็ตายเร็วทุกครั้ง
ซุนฝูเรียกศิษย์สองคนมาช่วย แล้วชั่งน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดมีน้ำหนักถึงสองร้อยสิบชั่ง ซุนฝูจึงคำนวณเงินให้ซูซานหลางอย่างตรงไปตรงมา
สองร้อยสิบชั่ง คิดชั่งละยี่สิบห้าเหวิน รวมเป็นห้าพันสองร้อยห้าสิบเหวิน ซุนฝูจึงแลกเป็นเงินห้าตำลึงเงินกับอีกสองร้อยห้าสิบเหวิน ส่งให้ซูซานหลาง
หลังจากคำนวณเงินเสร็จ คราวนี้ซุนฝูไม่ได้ปล่อยให้ซูซานหลางกลับไปทันที แต่สั่งให้ศิษย์รินน้ำชามหนึ่งและเอาหมั่นโถวมาให้เขาสองลูก
ซุนฝูพูดว่า "พี่ชาย ข้ามีนามว่าซุนฝูเป็นพ่อครัวของจวนตระกูลซุนแห่งนี้ ท่านชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหนล่ะ"
"ข้าเห็นท่านเดินทางไกลมา ดื่มน้ำสักหน่อย แล้วกินหมั่นโถวสองลูกรองท้องเถอะ"
ซุนฝูไม่คิดอะไร ยิ้มพลางพูดว่า "ท่านลองดูสิ เผื่อจะโชคดีจับได้สักตัวสองตัว หากท่านจับมาได้สักตัวสองตัว วันหน้าบุตรชายท่านก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องหาภรรยาแล้ว"
เมื่อพูดถึงบุตรชายสองคน ซูซานหลางมีสีหน้าเศร้าลง ซุนฝูสังเกตเห็นจึงถามว่า "พี่ซู ท่านมีปัญหาอะไรงั้นหรือ?"
ซูซานหลางเดิมไม่อยากพูด แต่เมื่อนึกได้ว่าซุนฝูอยู่ในเมืองและน่าจะรู้เรื่องในเมืองดี ซูซานหลางมองซุนฝูแล้วเปิดปากพูดว่า "อาจารย์ฝู ไม่ขอปิดบังท่าน บุตรชายสองคนของข้ามีอาการปัญญาอ่อน คนโตตอนเด็กเคยล้มศีรษะกระแทกพื้น กว่าจะเดินได้ก็อายุสองขวบ และสติปัญญายังหยุดอยู่ที่ประมาณเด็กสี่ขวบ ข้าไม่แน่ใจว่าเขาปัญญาอ่อนแต่กำเนิดหรือเพราะล้มศีรษะกระแทกพื้น ส่วนคนรองตอนอายุสี่ขวบเคยมีไข้สูง พอรอดมาก็กลายเป็นคนปัญญาอ่อน ข้าเก็บเงินได้บางส่วนแล้ว ข้าอยากพาพวกเขาไปหาหมอ ท่านช่วยแนะนำหน่อยได้หรือไม่ว่าในเมืองนี้มีหมอดีๆ หรือเปล่า?"
ซูซานหลางพูดจบ ก็มองไปที่ซุนฝูด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง
ซุนฝูไม่คาดคิดว่าซูซานหลางจะมีชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้ เขารู้สึกสะเทือนใจอยู่ครู่หนึ่ง พลางถอนหายใจและพูดว่า "ท่านลำบากมากสินะ"
ซูซานหลางยิ้มขื่นๆ แล้วส่ายหน้า "ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน ข้าก็ไม่กลัว"
ซุนฝูพูดว่า "หากพูดถึงหมอในเมืองนี้ ฝีมือก็พอประมาณ ท่านลองไปที่ตำหนักหมอรักษาสารพัดโรคในเมืองดูนะ ต่อให้ผลลัพธ์จะไม่ดี ท่านก็อย่าเพิ่งหมดหวัง ถ้าท่านเก็บเงินได้มากขึ้น ลองไปที่เมืองฝูหรงดูสิ"
ซูซานหลางจำไว้ในใจ แล้วโค้งคำนับขอบคุณซุนฝู "อาจารย์ฝู ขอบคุณที่บอกข้า"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา