เงินที่ครอบครัวของซูซานหลางหามาได้ ก็ต้องถูกส่งคืนให้ตระกูลซูด้วยเช่นกัน
ในวันที่หนาวเหน็บเช่นนี้ ต่อให้ซูซานหลางมีความสามารถมากเพียงใด เขาจะสามารถฝืนฟ้าฝืนดินได้หรือ?
......
ซูซานหลางเดินออกมาจากบ้านตระกูลซูพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ทุกย่างก้าวราวกับมีหินถ่วงไว้ เขาเดินลากเท้ากลับมาถึงบ้าน
เขามองไปยังกระท่อมหญ้าคาที่เห็นเลือนรางอยู่ในความมืด น้ำตาไหลรินลงมาอย่างเงียบงัน ฝีเท้าของเขาหนักอึ้งในทุกย่างก้าว ในใจมีแต่ความเจ็บปวดและเกลียดชังตัวเองที่ไร้ความสามารถ จนต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ในวันนี้
แม้จ้าวซื่อจะเป็นสตรีที่ถูกซื้อเข้ามา แต่หลังจากอยู่ร่วมกันมาหลายปี ความซื่อตรงและจริงใจที่นางมีต่อเขา ซูซานหลางหาใช่คนไร้หัวใจ เขาไม่อาจนิ่งเฉยต่อสิ่งนั้นได้
เมื่อเดินมาถึงหน้ากระท่อม เขาปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ขณะที่กำลังครุ่นคิดว่าจะบอกเรื่องราวทั้งหมดกับจ้าวซื่ออย่างไร เสียงอ่อนโยนของนางก็ดังขึ้นจากข้างรั้วไม้ “พ่อ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
จ้าวซื่อไม่รู้ว่านางยืนอยู่ข้างนอกนานเพียงใด นางพิงรั้วไม้เอาไว้ ราวกับหลอมรวมไปกับความมืดของราตรี นั่นจึงทำให้ซูซานหลางมองไม่เห็นนาง
เมื่อได้ยินเสียงของจ้าวซื่อ หัวใจของซูซานหลางก็ปวดร้าวจนแทบทนไม่ไหว
จ้าวซื่อเอง คล้ายกับรู้เรื่องราวทั้งหมดโดยไม่ต้องถาม นางไม่เอ่ยถามสิ่งใดออกมา มีเพียงน้ำเสียงอ่อนโยนที่กล่าวว่า “พ่อ เข้าบ้านกินข้าวเถิด เจ้าคงหิวแล้ว เด็ก ๆ กำลังรอเจ้าอยู่”
จ้าวซื่อเปิดประตูรั้วออก และเมื่อซูซานหลางก้าวเข้ามา จ้าวซื่อก็ยื่นมือมาจับมือของเขาไว้แน่น นางกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง “พ่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าชีวิตจะเป็นหรือตาย ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า เจ้าอย่ากลัว เจ้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”
จ้าวซื่อไม่รู้ว่าซูซานหลางต้องเจออะไรมาจากบ้านตระกูลซู แต่จากที่เห็นร่างกายของเขา นางก็รู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ท่าทางการเดินที่เชื่องช้าและไร้เรี่ยวแรงนั้น ช่างหนักอึ้งและโซเซราวกับถูกทุบจนแทบทรุด
ทุกครั้งที่เขายกมือขึ้นปาดใบหน้า แม้นางมองไม่เห็นในความมืด นางก็รู้ดีว่าเขากำลังเช็ดน้ำตาอยู่
ในวันที่พวกเขาย้ายบ้าน จ้าวซื่อไม่เคยเห็นเขาร้องไห้เลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ น้ำตาของซูซานหลางกลับไหลไม่หยุด สิ่งนี้ทำให้หัวใจของจ้าวซื่อปวดร้าว นางเพียงอยากให้เขารู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
หัวใจที่เย็นชาและบอบช้ำของซูซานหลางอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย เขาจับมือนางไว้แน่น น้ำเสียงสั่นเครือขณะกล่าว “แม่ ข้าทำให้เจ้าลำบากแล้ว มันเป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ ข้าขอโทษพวกเจ้า ตอนนี้พวกเขาจะลบชื่อเราออกจากวงศ์ตระกูลแล้ว ข้าขอโทษจริง ๆ”
จ้าวซื่อสะท้านเล็กน้อยก่อนน้ำตาไหลพราก
นางรู้ดีว่าการถูกลบชื่อจากวงศ์ตระกูลหมายถึงอะไร
นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างยากลำบาก ก่อนฝืนยิ้มให้เขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พ่อ ไม่เป็นไรหรอก มานั่งกินข้าวกันก่อนเถิด วันนี้ข้าตุ๋นไก่กับกระต่ายไว้ กลิ่นหอมมากเลย”
“พ่อ ข้าไม่กลัวหรอก เจ้าก็อย่ากลัวเลย เจ้าทำเพื่อเรามาถึงเพียงนี้ ข้าก็ไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรแล้ว หากเจ้าไม่รังเกียจ ไม่ว่าชีวิตจะเป็นหรือตาย พวกเราทั้งครอบครัวจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอดีหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา