เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา นิยาย บท 8

ซูหวาเกาหัวและถามด้วยความสับสน “ท่านพ่อ ตัวซวยคืออะไร?”

ใบหน้าของซูซานหลางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลพราก เขาไม่ตอบคำถามของลูกชายเพราะใจของเขาเจ็บปวดและเจ็บปวด เขาเลยไม่พูดออกมา

เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองดูลูกชาย เพราะกลัวว่าพวกเขาจะตกใจ อยู่ไม่เป็นสุขเมื่อเห็นว่าตนร้องไห้ เพราะเขาคือสวรรค์ของพวกเขา เป็นภูเขาที่คอยค้ำจุนและปกป้องพวกเขา

ซูซานหลางเร่งฝีเท้า ในไม่ช้า ซูฉงและซูหวาก็ลืมคำตอบ รีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไป

ซูซานเม่ยก็อุ้มซูเสี่ยวลู่เดินไปอย่างรวดเร็ว

ซูเสี่ยวลู่ไม่ได้หลับ นางกลัวว่าพี่สามที่ตัวเล็กๆ ผอมๆ จะหกล้มหรือโยนนางทิ้ง โชคดีที่ถึงแม้ว่าพี่สามจะผอม แต่ฝีเท้าที่ก้าวเดินของนางกลับมั่นคง

ระหว่างทาง มีคนจากหมู่บ้านเดียวกันจำนวนมากออกมาดู แต่ไม่มีใครพูดอะไร

ซูซานหลางไม่มีเวลาพูดคุยกับใคร บ้านเก่าของตระกูลซูอยู่ท้ายหมู่บ้าน ห่างจากบ้านของครอบครัวสุดท้ายต้องเดินอีกระยะทางหนึ่ง

บนไหล่เขาด้านหลังหมู่บ้าน พื้นที่ป่าเขาด้านหลังบ้านทอดยาวออกไปไม่กี่ไร่ถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืช ต่อไปก็จะเป็นแหล่งเสบียงอาหารของครอบครัวพวกเขา

หลังคาบ้านเก่าผุพังเล็กน้อย

กำแพงดินหลายแห่งก็พังลง บนกำแพงยังมีตะไคร่น้ำขึ้นด้วย ประตูไม้ด้านล่างเน่าเปื่อย มีรูที่สามารถให้เด็กสามขวบห้าขวบเข้าไปได้

ข้อดีอย่างเดียวคือมีแสงสว่าง

รอบๆ บ้านก็มีวัชพืชสูงเท่าขา บ่อน้ำเก่าบ่อนั้นก็เต็มไปด้วยพืชน้ำ น้ำยังมีกลิ่นเน่าเหม็นด้วย

บ้านหลังเก่าที่ถูกทิ้งร้างมานานหลายสิบปีได้ต้อนรับเจ้าของคนใหม่อีกครั้ง

ในแววตาของจ้าวซื่อมีความโศกเศร้า ซูซานหลางยิ้มให้นางแล้วกล่าวว่า “แม่ เจ้าพักผ่อนเยอะๆ นะ วันนี้เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลย พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเถอะ ข้าจะไปก่อไฟทำอาหารก่อน วันนี้พวกเราครอบครัวกินข้าวให้อิ่ม”

จ้าวซื่อพูดด้วยความกังวล “พ่อ ข้าไม่หิว พวกเรามีอาหารไม่มากนัก หน้าหนาวกำลังจะมาแล้ว กินประหยัดๆ หน่อยเถอะ”

เสบียงอาหารแบ่งมาเยอะก็จริง แต่จ้าวซื่อไม่อยากจะกินเยอะ

อย่างไรก็ตาม ซูซานหลางลูบผมของจ้าวให้เรียบแล้วพูดว่า “แม่ เจ้าไม่ต้องห่วง บนเขามีของเยอะแยะเลยนะ ครอบครัวของพวกเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ อาหารมื้อแรกก็ต้องกินให้อิ่ม เริ่มต้นด้วยดี ต่อไปจะได้กินข้าวอิ่มทุกมื้อไงล่ะ”

จ้าวซื่อไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นนางจึงพยักหน้าแรงๆ ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “อื้อ”

ไม่ว่าฤดูหนาวนี้จะผ่านไปได้หรือไม่ ครอบครัวของพวกเขาก็ได้อยู่ด้วยกัน มีชีวิตก็มีด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน

จ้าวซื่อยังอ่อนแอมาก ไม่อาจลุกจากเตียงได้ แต่ความคิดของนางก็ยังเป็นห่วงครอบครัว

นางได้ยินซูซานหลางสั่งซูซานเม่ยให้จุดไฟ และทำอาหารด้วยกัน นางได้ยินซูซานหลางสั่งให้เจ้าฉงและเจ้าหวาไปถางวัชพืชในลานบ้านออก ให้ลูกชายทั้งสองถอนหญ้าแข่งกัน ใครชนะคืนนี้ก็จะได้กินเนื้อหนึ่งชิ้น

พี่น้องทั้งสองแข่งขันกัน ตั้งใจทำงานอย่างหนัก

นางยังได้ยินเสียงไก่ขันอยู่นอกบ้าน

ไม่นานกลิ่นครัวไฟก็โชยมา

จ้าวซื่อหรี่ตามองซูเสี่ยวลู่ที่กำลังหลับอยู่อย่างอ่อนโยน พร้อมกับพึมพำว่า “ซื่อเม่ย ชีวิตของพวกเราจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหม?”

พระอาทิตย์ทางทิศตะวันตกกำลังคล้อยลง แสงอัสดงในเวลาพลบค่ำก็งดงามมาก จ้าวซื่อมองดูแสงที่ลอดผ่านเข้ามา ก็รู้สึกว่ามันช่างงดงามเหลือเกิน

ในบ้านนั้น ครอบครัวของพวกเขาอาศัยอยู่ในห้องด้านหลังที่มืดสลัว ไม่เคยเห็นแสงสว่างมาก่อน

ช่างงดงามจริงๆ

หลังจากฟ้ามืด ซูซานหลางทำซุปผักหมูสามชั้น และต้มข้าวสาลีที่มีกลิ่นหอม ตักให้กับจ้าวซื้อกินชามใหญ่

ซูซานหลางช่วยพยุงจ้าวซื่อให้นั่งลง พร้อมกับพูดอย่างละอายใจว่า “ไก่สองตัวนั้นตัวผู้หนึ่งตัว ตัวเมียหนึ่งตัว ไก่ตัวเมียไม่ได้ออกไข่ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็สามารถกินไข่ได้ ปีหน้าพวกเราก็จะได้เลี้ยงไก่เต็มเล้า พอถึงตอนนั้นข้าจะได้ฆ่าไก่สองตัวให้เจ้ากิน”

ในช่วงดึก ซูเสี่ยวลู่วางมือเล็กๆ ของนางไว้บนริมฝีปากของจ้าวซื่อ ป้อนน้ำพุวิญญาณให้นางดื่มต่อ

จ้าวซื่อตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ นางตกใจรีบผลักซูเสี่ยวลู่ออกไป แล้วบ่นพึมพำว่า “ทั้งที่ตอนเย็นก็กินอิ่มแล้ว แม่จะกินมือเล็กๆ ของเจ้าได้อย่างไร”

เมื่อพูดเช่นนั้น จ้าวซื่อก็ลุกขึ้น เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ซูเสี่ยวลู่ จากนั้นก็ห่อมือน้อยๆ ของนางเข้าไปด้วย ใช้ผ้าพันเป็นเชือกมัดนางเอาไว้เบาๆ

ซูเสี่ยวลู่ “...”

คำนวณพลาดแล้ว

จ้าวซื่อมองซูเสี่ยวลู่ที่ทำตัวดี ก็อดไม่ได้ที่จะจูบแก้มของนางแล้วพูดว่า “ซื่อเม่ยเป็นเด็กดีจริงๆ”

หลังจากห่อตัวลูกสาวแล้ว จ้าวซื่อก็ป้อนอาหารให้ซูเสี่ยวลู่อีกมื้อ ก่อนจะหลับต่อไปอย่างสบายใจ

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางรู้สึกสบายตัว ไม่ได้หนักเลยสักนิด

ซูเสี่ยวลู่ที่กินอิ่มแล้ว ก็เรอออกมา ก่อนจะหลับไป

นางยังเด็กมาก ธรรมชาติก็คือนอนเป็นหลัก

รุ่งสาง ซูซานหลางตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอาหาร

ยังต้องใช้ชีวิตผ่านฤดูหนาวนี้ไปให้ได้ อาหารวันนี้จึงไม่ดีเท่าเมื่อวาน ในข้าวผสมเมล็ดข้าวโพดบด และกินน้ำซุปที่ไม่มีน้ำมันมากเช่นนี้

ตอนที่จ้าวซื่อกินข้าว ซูเสี่ยวลู่ก็มองดูอยู่

นางรู้จักข้าว มันมีประวัติมานาน ในข้าวควรจะมีข้าวโพดผสมอยู่ด้วยล่ะมั้ง ข้าวโพดนี้ บันทึกไว้ใน (พงศาวดารก่งเซี่ยน) ที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ช่วงปีที่สามสิบสี่ของราชวงศ์เจียจิ้ง ถูกเรียกว่าอวี้ม่าย

ซูซานหลางและจ้าวซื่อต่างก็เป็นคนยุคโบราณ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ในราชวงศ์ไหน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา