ซ่งรั่วเจินไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเมืองอื่นๆ สักเท่าไร แต่ก่อนนี้ได้ยินคนพูดกันว่าเมืองหยางโจวงดงามมาก
โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ ทัศนียภาพที่ร้อยบุปผาเบ่งบานชวนให้คนหลงใหลจนไม่อยากจากลา
ความจริง เทียบกับความศิวิไลซ์ในเมือง นางชอบความงามของธรรมชาติมากกว่า สถานที่ที่อยากไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติจึงอยากไปดูทิวทัศน์ที่มีเอกลักษณ์สักหน่อย
ฉู่จวินถิงได้ยินคำพูดของนางแล้วก็ไม่รู้สึกประหลาดใจ
ก่อนนี้ตอนล่องเรือไปเมืองผิงหยาง เขาก็พบว่าแม่นางผู้นี้ชมภูเขาสองฝั่งน้ำพลางทอดถอนใจชมเชยอยู่หลายที
ครั้นพบว่าเทือกเขาเหมือนอะไรก็จะมาบอกเขาโดยเฉพาะ ยิ้มถามว่าเหมือนหรือไม่เหมือน และก็เพราะว่ามีนาง เขาจึงไม่รู้สึกว่าการเดินทางคราวนั้นยาวนาน
“เจ้าอยากไป พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
ซ่งรั่วเจินได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมา นางกอดฉู่จวินถิงจุมพิตไปหนึ่งที
“เยี่ยมไปเลยเพคะ!”
ทอดมองหญิงสาวที่งดงามจับตา ดวงตาคู่นั้นราวกับว่ามีเพียงเงาของตนเองเท่านั้น แววตาฉู่จวินถิงก็เข้มขึ้นหลายส่วน “แค่นี้ยังไม่พอหรอกนะ...”
จนกระทั่งซ่งรั่วเจินรู้สึกว่าริมฝีปากของตนเองถูกจูบจนบวมเจ่อไปหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงปล่อยนางอย่างพึงพอใจ
เห็นปากจิ้มลิ้มสีผลอิงเถานั่นแล้ว เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่เลยจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะออกเดินทางเมื่อไรดีเพคะ?”
ดวงตาพราวระยับของซ่งรั่วเจินสะท้อนความตื่นเต้นยินดี ในหัวเริ่มคิดว่าจะนำอาภรณ์ชุดไหนไปเมืองหยางโจว
“ไปเมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น แต่ก่อนไปควรไปบอกกล่าวพ่อตาแม่ยายเสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เตรียมของกันตอนนี้เลย? อีกประเดี๋ยวค่อยไปบอกท่านพ่อท่านแม่ พร้อมกันนั้นจะได้ฝากฝังเรื่องร้านค้าไว้ด้วย หม่อมฉันยังต้องแวะไปหาพี่สี่สักหน่อย”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...