สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่านางช่างก้าวร้าวเสียจริง ส่วนว่าของสกปรกดังกล่าวคืออะไรกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
หรือนางจะเข้าใจฮวงจุ้ยจริงๆ? นั่นเป็นไปไม่ได้!
ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นมา ไต้ซือเทียนสุ่ยก็ปัดทิ้งไปโดยไม่ลังเล ถ้ารู้จริงก็ควรค้นพบไปนานแล้ว จะเพิ่งมาคิดบัญชีเอาป่านนี้ได้อย่างไร?
“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”
น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงอ่อนหวานดังตามมาติดๆ
“ท่านโหว ท่านอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้อาจมีอะไรเข้าใจผิดกันก็เป็นได้”
ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของฉินซวงซวงฉายแววบริสุทธิ์ใจ สายตาที่มองมาทางซ่งรั่วเจินยังสะท้อนความไม่สบายใจอยู่ในนั้น “คิดว่าแม่นางซ่งคงรู้สึกไม่ดีจึงได้มาก่อเรื่องเช่นนี้ ท่านโหวอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ”
“ซ่งรั่วเจิน เมื่อวานข้าขอโทษเจ้าไปแล้ว เป็นเจ้าที่ไม่อยากแต่งกับข้า ไฉนตอนนี้ยังมาให้ร้ายซวงซวงอีก?”
ซ่งรั่วเจินกวาดสายตาไปมองก็สบเข้ากับแววตาคาดคั้นของหลินจือเยว่ “ข้าประลองกับไต้ซือเทียนสุ่ยเกี่ยวอันใดกับฉินซวงซวง? หลินโหว สมองท่านถูกประตูหนีบมารึ เรื่องอะไรก็ต้องเข้ามาเอี่ยว มาค้นหาความมีตัวตนหรือเจ้าคะ?”
หญิงสาวเอ่ยวาจาเชือดเฉือน ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อย หลินจือเยว่เก็บสีหน้าไม่อยู่ น้ำเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม “เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าซวงซวงเป็นคนเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมา เจ้ายังดั้นด้นมาหาเรื่องเขา ไม่ใช่ใส่ร้ายซวงซวงแล้วจะเรียกว่าอะไร?”
“ไต้ซือเทียนสุ่ยดูฮวงจุ้ยให้ตระกูลซ่งเพื่อช่วยแก้ชะตาให้พวกเจ้า แต่เจ้าช่างกล้านัก หาว่าเขาฝังของสกปรกไว้ในบ้านเจ้า นี่ไม่ใช่แค่ว่าร้ายแล้ว แต่เป็นการใส่ร้ายกันชัดๆ!”
ฉินซวงซวงที่อยู่ข้างๆ กัดริมฝีปาก ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั้นแลดูเจ็บช้ำใจสุดแสน “ข้าเข้าใจว่าแม่นางซ่งไม่พอใจที่ข้ามาอยู่ข้างกายท่านโหว แต่ข้าไม่มีเจตนาทำร้ายท่านจริงๆ หวังว่าท่านจะเชื่อข้า ข้าอยากอยู่ร่วมกับท่านอย่างสงบ”
“ที่แท้แม่นางฉินก็เป็นคนเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมาหรือนี่?”
ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว ก่อนหน้านี้นางเคยนึกสงสัย แต่จากข่าวที่สืบมาล้วนพูดกันว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนเป็นคนเชิญมา เดิมนึกว่าการเปิดโปงความสัมพันธ์ระหว่างฉินซวงซวงกับไต้ซือเทียนสุ่ยต้องทุ่มเทแรงใจกว่านี้เสียอีก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะยอมรับเสียเอง นับว่าตัดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย
“เจ้ารู้อยู่แล้วชัดๆ ยังจะมาเสแสร้งอะไรอยู่ตรงนี้?”
หลินจือเยว่สีหน้าดำคล้ำ คืนวานเขายังนึกละอายใจต่อซ่งรั่วเจิน วันนี้ซวงซวงเห็นเขาอารมณ์ไม่สู้ดีจึงมาเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยเพื่อขอคำชี้แนะ คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นซ่งรั่วเจินก่อความวุ่นวายอยู่ที่นี่
เขานึกว่านางใจกว้างจริงๆ เสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะใช้ลูกไม้ลับหลังแบบนี้ นอกจากสถานะคุณหนูตระกูลซ่งก็หาดีอย่างอื่นไม่ได้แล้ว!
จิตใจคับแคบ ชั่วร้ายเห็นแก่ตัว ต่อให้เขาสามารถคลี่คลายดวงพิฆาตของซ่งรั่วเจิน เขาก็ไม่ยินดีช่วยเหลืออีกแล้ว ผู้หญิงเช่นนี้ ต่อให้แต่งเข้าเรือนมาก็มีแต่จะทำให้ครอบครัวอยู่ไม่เป็นสุข
“ข้าแสร้งไม่รู้เรื่องเกี่ยวอันใดกับท่าน? จำเป็นต้องให้ท่านมาสั่งสอนด้วยหรือ? ถ้าว่าตามคำท่าน ร้านที่หลินโหวเคยชมเชย หรือว่าขนมที่ฉินซวงซวงเคยกิน ข้าไม่สามารถพูดว่าไม่ดี มิฉะนั้นจะเท่ากับว่าข้าจงใจหาเรื่องพวกท่านงั้นรึ?”
“ก่อนหน้าวันนี้ กระทั่งว่าฉินซวงซวงอยู่หรือไม่อยู่ในเมืองหลวงข้ายังไม่รู้ ถ้าจะหาเรื่องข้าคงไปหานางโดยตรงแล้ว ไยต้องมาหานักต้มตุ๋นพรรค์นี้ด้วย?”
ทุกคนรู้สึกว่าที่ซ่งรั่วเจินพูดมาก็มีเหตุผล ดูจากนิสัยที่แม่นางซ่งแสดงออกมาในยามนี้ นางไม่ใช่คนที่จะยอมกล้ำกลืนโทสะอย่างแน่นอน ถ้าจะใช้เล่ห์มาหาเรื่องไต้ซือเทียนสุ่ยเพื่อใส่ร้ายฉินซวงซวงก็ออกจะอ้อมค้อมเกินไปแล้ว
“เจ้า เจ้าหาว่าใครเป็นนักต้มตุ๋น? ใส่ร้ายกันชัดๆ!”
ไต้ซือเทียนสุ่ยเห็นซ่งรั่วเจินอ้าปากทีก็เรียกตนเองว่านักต้มตุ๋นก็อดจะร้อนใจไม่ได้ ตอนนี้เขาหาเงินในเมืองหลวงได้เป็นกอบเป็นกำ กำลังอยู่ในช่วงมีความสุขเลยทีเดียว ถ้าถูกใส่ร้าย ต่อไปยังจะหาเงินได้อย่างไร?
“ไต้ซือเทียนสุ่ยเป็นผู้มีความสามารถที่ซวงซวงเชิญมา เจ้าใส่ร้ายกันแบบนี้ออกจะเกินไปแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง