หลินจือเยว่คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ เหตุใดฉู่อ๋องจึงให้ท้ายซ่งรั่วเจิน
ฉู่อ๋องถึงวัยออกเรือนแล้ว แต่กลับยังไม่แต่งงาน คุณหนูในเมืองหลวงมากมายล้วนหลงใหล กลับไม่มีผู้ใดสามารถเข้าตาของเขาได้ เหตุใดบัดนี้กลับปกป้องซ่งรั่วเจิน?
“เมื่อครู่เป็นข้าเข้าใจผิดไป ขออภัย”
หลินจือเยว่พูดขอโทษอย่างฝืนๆ อึดอัดคับข้องใจเป็นที่สุด เขาเป็นขุนนางใหม่ในราชสำนัก เมื่อหลายวันก่อนทุกคนในราชสำนักล้วนชื่นชม ทุกคนที่ได้พบต่างเข้ามาผูกไมตรีกับเขา ทว่านับตั้งแต่เมื่อวานก็เริ่มขายหน้าอย่างต่อเนื่อง
“หวังว่าท่านโหวจะจดจำไว้ อย่าเปิดปากขอโทษเพราะทำผิดบ่อยเกินไปนัก ข้าฟังแล้วเลี่ยนนัก” ซ่งรั่วเจินรับคำนิ่งๆ ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
สายตาฉู่จวินถิงกวาดมองบนตัวพวกซุนฮั่นเฟย “เมื่อครู่คนพูดจาส่งเดชคล้ายมิใช่เพียงหลินโหวคนเดียวกระมัง?”
เห็นสถานการณ์แล้ว หลิ่วเฟยเยี่ยนที่กำลังวางแผนหลบหลีกเข้ากลุ่มคนพลันชะงักฝีเท้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มประจบเอาใจ “รั่วเจิน ล้วนเป็นน้าไม่ดีเอง เข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว น้าเองก็กังวลเจ้าพูดผิดไปจะสร้างปัญหาเอาได้ เจ้าไม่ถือสาน้าใช่หรือไม่?”
“ญาติผู้น้อง พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน” ซุนฮั่นเฟยพูดยิ้มๆ
ซ่งรั่วเจินดึงมือกลับจากมือของหลิ่วเฟยเยี่ยน “พูดได้น่าฟัง สาวใช้ของข้าถูกฉินซวงซวงซื้อตัวไปแล้ว ท่านน้าก็พานักตุ้มตุ๋นที่ฉินซวงซวงพามาไปที่บ้านข้า ทั้งยังฝังภัยพิบัติไว้อีก”
“เมื่อครู่ยามข้ามาขอความเป็นธรรม ท่านน้าและญาติผู้พี่กลับไม่คิดว่าข้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ตรงกันข้ามช่วยเหลือฉินซวงซวงไปทุกอย่าง นี่คือหลักการอะไรกัน? คงมิใช่ว่า...พวกท่านสมคบคิดกันหรอกกระมัง? หาไม่แล้วเหตุใดนักต้มตุ๋นผู้นี้จึงไม่อาศัยอยู่ที่จวนสกุลฉิน ทั้งยังมิใช่จวนหลินโหว แต่กลับอยู่ที่จวนสกุลหลิ่วเล่า?”
พวกตัวการทำร้ายเจ้าของร่างเดิมเหล่านี้ นางไม่คิดปล่อยไปแม้คนเดียว
ฉู่จวินถิงปรากฏตัวออกมาพอดีให้นางมีโอกาสโวยวายใหญ่โต นางย่อมคว้าไว้
หลิ่วเฟยเยี่ยนร้องไห้โศกเศร้าเสียใจ คล้ายล้วนทำเพราะปรารถนาดีต่อซ่งรั่วเจิน สุดท้ายกลับถูกคนเข้าใจผิด
“เก็บน้ำตาของท่านไปซะ!” ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้นอย่างหมดความอดทน “มีธุระอะไรก็รีบพูด อยากร้องไห้ก็รอพูดจบแล้วค่อยร้อง!”
หลิ่วเฟยเยี่ยนมองโง่งม ฝืนไม่ให้น้ำตาไหล สายตาตกลงบนตัวซ่งรั่วเจิน ไม่เข้าใจเหตุใดคนอ่อนโยนดุจพลับอ่อนปล่อยให้นางบดขยี้จึงกลายเป็นคนรับมือยากเพียงนี้
“อยู่ต่อหน้าคนมากเพียงนี้ มิสู้ท่านน้าพูดออกมาให้ชัดเจน” ซ่งรั่วเจินพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
หลิ่วซวี่หยางสบมองหลิ่วเฟยเยี่ยนปราดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางมองไปทางซ่งรั่วเจิน “รั่วเจิน พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน มีเรื่องใดมิสู้ปิดประตูพูดกันดีๆ ข้าจะต้องให้น้าของเจ้ามอบคำชี้แจงให้เจ้าเป็นแน่ ไยต้องให้คนมากมายเพียงนี้เห็นเรื่องตลกด้วยเล่า?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...