หลังจากซ่งรั่วเจินและพวกกลับมายังจวนสกุลซ่งแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เมื่อได้ยินผลลัพธ์ดังกล่าว ทั้งสองก็ไม่ได้ตกใจมากนัก อย่างไรเสียแต่ไหนแต่ไรสกุลหลิ่วก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว มักกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะนำสิ่งของทุกอย่างของท่านแม่ไปเติมเต็มให้กับท่านน้าและคนสกุลหลิ่วด้วยกันทั้งสิ้น
เพียงแต่ เมื่อซ่งรั่วเจินเผยว่าท่านแม่ไม่ได้เป็นบุตรสาวในไส้ของหญิงสกุลหลิ่ว สีหน้าทั้งสองก็ฉายชัดถึงความตกตะลึง
“พวกเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลใจ เดิมทีแม่ก็เพียงแต่รู้สึกติดค้างในใจ บัดนี้รู้แล้วว่าแม่ไม่ได้เป็นบุตรในไส้ของพวกเขาทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว”
“นับเป็นเรื่องดีทีเดียว จากนี้ไปพวกเขาคงมิกล้ายกเรื่องอกตัญญูมาบีบคั้นแม่อีก!” หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันพยักหน้า เห็นมารดาหายข้องใจในทุกสิ่งแล้ว ต่างก็รู้สึกยินดีในใจอย่างบอกไม่ถูก
แท้จริงแล้วความทุกข์ของคนเรานั้นเกิดจากความใส่ใจ บัดนี้เมื่อไม่ใส่ใจแยแสอีกต่อไปแล้ว สกุลหลิ่วก็หาได้มีอิทธิพลใดๆ อีก
จนกระทั่งหลิ่วหรูเยียนไปแล้ว ซ่งอี้อันจึงหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน “น้องหญิงห้า เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าพ่อแม่บังเกิดเกล้าของท่านแม่เป็นใคร?”
เขาเชื่อว่าด้วยความหลักแหลมของน้องหญิงห้า บางทีอาจจะรู้เรื่องนี้อยู่นานแล้ว เพียงแต่มิได้กล่าวออกมาต่อหน้าท่านแม่ก็เท่านั้น
เพียงแต่...เมื่อนางไม่ได้พูดออกมา จะเป็นไปได้ไหมว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของท่านแม่จะไม่ใช่คนดีเช่นกัน?
ซ่งรั่วเจินเมื่อเห็นซ่งอี้อันไล่ซ่งจืออวี้และซ่งจิ่งเซินออกไป ก็พอเข้าใจว่าพี่ชายกังวลว่าทั้งสองจะพลั้งปากแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปจึงกล่าว
“ข้าสืบรู้มาแล้วจริงๆ ทว่าที่ข้ามิได้บอกท่านแม่ ก็เพียงเพราะยังมิมั่นใจในท่าทีของพวกเขาเจ้าค่ะ”
“เป็นคนบ้านใดสกุลใดหรือ?” ซ่งเยี่ยนโจวจ้องมองพลางเอ่ยถาม
ซึ่งซ่งรั่วเจินก็มิได้ปิดบัง “สกุลกู้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง