“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินส่ายหัว “ช่วงนี้ถังเสวี่ยหนิงอารมณ์เสียมาก คาดว่าเพราะถูกลงโทษให้คุกเข่าในห้องบรรพชน เวลากลางคืนก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงอ่อนเพลียเป็นลมลง”
“เมื่อครู่ข้าก็เตือนแล้วว่านางป่วย นางกลับไม่เชื่อและยังบอกว่าข้าด่าทอนาง"
สามพี่น้องตระกูลซ่ง “???”
“แม่นางหลิง โปรดอย่าพูดไร้สาระเลย เมื่อครู่น้องสาวของข้าเตือนนางไปว่าหากป่วยก็ให้ไปหาหมอ เจ้ากับนางล้วนไม่เชื่อและยังพูดว่าน้องสาวของข้าใจร้าย ยามนี้นางเป็นลมไปแล้ว จะยังมาโทษน้องสาวข้าได้อย่างไร?”
ซ่งจืออวี้เร็วที่สุด เมื่อได้ยินใครพูดจาใส่ร้ายน้องสาว ก็พูดอย่างไม่ให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ตกตะลึง นึกขึ้นได้ว่าซ่งรั่วเจินเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าถังเสวี่ยหนิงป่วย ป่วยจริงงั้นหรือ?
“ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ แค่…”
“แค่อะไร? น้องสาวข้าเตือนด้วยเจตนาดี เจ้ากลับช่วยนางพูดว่าน้องสาวข้าหาว่านางป่วย ช่างประหลาดเสียจริง!”
ซ่งจืออวี้มีสีหน้ารังเกียจ สายตาคู่นั้นราวกับกำลังมองคนโง่
เดิมทีถังหงจี้พี่ชายของถังเสวี่ยหนิงกำลังรีบร้อนหาหมอหลวง ได้ยินสิ่งที่ซ่งจืออวี้พูดก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? น้องสาวข้าร่างกายไม่แข็งแรง หากพวกเจ้ามีเจตนาดีจริงๆ แค่เตือนสองสามประโยคก็พอแล้ว ทว่าพวกเจ้ากลับยืนกรานว่านางป่วย! ”
“เช่นนั้นเจ้าก็พูดมาว่านางป่วยหรือไม่?” ซ่งจืออวี้ถามกลับ “เป็นลมไปโดยไม่มีสาเหตุ ไม่ป่วยแล้วจะเป็นอะไรได้? ป่วยแล้วยังไม่ให้พูด ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเจ้าจะปิดบังความเจ็บป่วยเพราะกลัวหมอ เตือนไปด้วยเจตนาดีก็ยังต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนใจร้าย!”
เมื่อได้ยินว่าทุกคำทุกประโยคของซ่งจืออวี้มีคำว่าป่วย ถังหงจี้ก็รู้สึกเหมือนบัณฑิตพบทหาร มีเหตุผลก็พูดไม่ได้ ถูกคนผู้นี้พูดเสียจนตัวเองก็สับสนไปด้วย!
"เงียบปากเสีย!"
ซ่งจืออวี้หัวเราะเยาะ “เจ้าบอกให้ข้าเงียบปากข้าก็ต้องเงียบรึ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง