ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 116

เหลิ่งชิงหลางหัวเราะจนตัวสั่น “ยังจะต้องพูดอีกหรือ เจ้าแต่งตัวเป็นแม่หญิง ยังมีเสน่ห์กว่าแม่หญิงเสียอีก หากข้าเป็นบุรุษละก็ เกรงว่าคง...”

คำพูดหลังจากนี้ค่อนข้างโจ่งแจ้ง นางจึงกลืนคำพูดลงไป

ฟังผิ่นจือจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา สายตามีความร้อนแรงเล็กน้อย “พระชายายิ้มขึ้นมาช่างมีเสน่ห์เหลือล้น เย้ายวนน่าดึงดูด หากผิ่นจือเป็นบุรุษ เกรงว่าคง...”

เหลิ่งชิงหลางรู้สึกพอใจยิ่งนัก และถามกลับด้วยรอยยิ้ม “หรือว่าเจ้าไม่ใช่บุรุษหรอกหรือ?”

“ดังนั้นถึงได้พูดว่า ผิ่นจือเกรงว่าคง...”

ประโยคต่อหลังจากนี้ได้กลืนลงไปเสียแล้ว ทำได้เพียงรับรู้ ไม่สามารถพูดออกมาได้

เหลิ่งชิงหลางรู้ทั้งรู้ว่ากำลังถูกหยอด ใบหน้าสวยๆจึงแดงระเรื่อ “บังอาจนัก!”

ฟังผิ่นจือจัดแจงชุดเพื่อคุกเข่าลงบนพื้น “ขอให้พระชายาโปรดประทานอภัย เป็นเพราะผิ่นจือที่อดใจไม่ได้ชั่วขณะ ดังนั้นจึงได้เอ่ยวาจาล่วงเกินไป”

เหลิ่งชิงหลางถูกเขาหยอกล้อจนจิตใจสับสนไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่พักหนึ่ง เหมือนดั่งกวางน้อยที่ถูกชนจนมึนไปหมด “ช่างเถอะ ถอยออกไปก่อน”

ฟังผิ่นจือก้มศีรษะลง “ผิ่นจือบุ่มบ่าม เช่นนั้นขอถอยออกไปก่อนขอรับ แต่ขอบังอาจทูลถามพระชายารองเสียหน่อยว่า หลังจากท่านทานเม็ดยาหนิงเซียงเข้าไปแล้ว หากรู้สึกพอใจ จะเขียนจดหมายให้จินเอ้อร์ หรืออีกกี่วันให้หลังให้ข้าน้อยกลับมาอีกครั้งหลังจากนี้ขอรับ?”

เหลิ่งชิงหลางถือยาเม็ดหนิงเซียงที่เหลืออยู่ในฝ่ามือ จับพลัดจับผลูโพล่งเอ่ยออกมาว่า “เจ้ากลับมาอีกในสองสามวันก็แล้วกัน เอามาให้ข้ากินสักสองกล่องก่อน”

ฟังผิ่นจือยกมุมปากยิ้มตื้นๆราวกับว่าปลากำลังติดเบ็ดก็ไม่ปาน “ถ้าเช่นนั้นเจอกันในอีกสามวันให้หลังขอรับ”

เขาหยิบตะกร้า บิดเอว แล้วเดินออกจากจวนไปทันที

แม่จ้าวมองเขาออกจากเรือนไปอย่างสงสัย จากนั้นจึงผลักประตูเข้าไป

เหลิ่งชิงหลางเพิ่งจะทานยาเม็ดหนิงเซียงพร้อมกับเหล้าอุ่นๆไป ใบหน้าแดงฉ่ำ รู้สึกกระดี๋กระดาเล็กน้อย

แม่จ้าวเดินไปรอบๆห้อง ก่อนที่จะพูดอย่างระมัดระวังขึ้นมาว่า “ผู้หญิงคนเมื่อกี้เท้าใหญ่จริงๆนะเจ้าค่ะ”

มือของเหลิ่งชิงหลางที่ถือถ้วยเหล้าหยุดชะงัก “ร่างกายสูง เท้าย่อมใหญ่เล็กน้อยเป็นธรรมชาติ มีอะไรน่าแปลกใจกัน”

“ดวงตาคู่นั้นก็ดูเจ้าเล่ห์สุด ไม่เหมือนคนปกติทั่วไปเลยเจ้าค่ะ”

“แม่จ้าวอยากจะพูดอะไรกันแน่?”

“ไม่รู้ว่าคุณชายรองจินส่งคนมาหาฮูหยินทำไมนะ?”

เหลิ่งชิงหลางไม่ได้รู้สึกรำคาญกับการเจ้ากี้เจ้าการของแม่จ้าว สำหรับการซักไซ้ไล่เลียงของนางจึงพูดตอบกลับไปแบบขอไปที “มาส่งของ”

“ครั้งก่อนตอนที่ไปจวนรองเสนาบดี ได้เจอกับฮูหยินจิน ก่อนจะจากกันนางกำชับกับบ่าวเอาไว้หนึ่งประโยค บอกว่าจินเอ้อร์ผู้นี้ประพฤติตัวไม่ดี ฮูหยินควรจะอยู่ให้ห่างจากเขาจะดีกว่านะเจ้าค่ะ”

“ข้าจะทำอะไรไม่ถึงกับให้เจ้าต้องมาค่อยชี้นิ้วสั่ง” เหลิ่งชิงหลางวางท่าขึ้นมา “นั่นคือญาติผู้พี่ของข้า จะทำร้ายข้าได้ลงงั้นหรือ? อย่างไรเจ้าก็เคยเป็นบ่าวรับใช้จากจวนรองเสนาบดีมาก่อน มีอย่างที่ไหนมานินทาให้ร้ายลับหลังเจ้านายเก่าเสียได้?”

แม่จ้าวมีใจอยากจะเกลี้ยกล่อมแต่กลับถูกตำหนิ จึงก้มศีรษะลงพร้อมเอ่ย “เพราะเดิมทีบ่าวเคยทำงานอยู่ที่จวนรองเสนาบดี ดังนั้นจึงเข้าใจความประพฤติของคุณชายรองเป็นอย่างดี เพื่อนๆที่อยู่รอบตัวคุณชายรอง ล้วนมีหลากหลายประเภท และทั้งหมดล้วนเป็นพวกเจ้านายที่ชอบเที่ยวเล่นไปวันๆไม่ทำการทำงาน”

ในคำพูดแอบแฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง ดวงตาของแม่จ้าวดูเดือดดาล เห็นได้ชัดว่าเริ่มสงสัยฟังผิ่นจือขึ้นมาแล้ว

เหลิ่งชิงหลางรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย จึงดุด่าอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น “ท่านแม่ของข้าให้เจ้ามารับใช้ข้า ไม่ใช่มาสั่งสอนข้า จะทำสิ่งใดในใจข้าย่อมรู้ดี”

แม่จ้าวเห็นว่านางมีทิฐิสูง ไม่ฟังคำแนะนำของตัวเอง จึงทำได้เพียงปล่อยไป “เป็นบ่าวเองที่พูดมากเกินไปเจ้าค่ะ”

ผ่านไปชั่วพริบตา ก็ถึงเวลาสอบคัดเลือกขุนนางแล้ว

มู่หรงฉีได้เตรียมทุกอย่างล่วงหน้าสำหรับเรื่องที่เหลิ่งชิงเฮ่อจะเข้าร่วมการทดสอบในฤดูใบไม้ผลิแล้ว แม้แต่พู่กันหรือหมึกที่ต้องใช้ก็จัดเตรียมเอาไว้พร้อม หลายวันที่ผ่านมาหลังจากเหลิ่งชิงเฮ่อได้ผ่านการฝึกฝนกำลังมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อารมณ์และจิตใจก็ดูดีมากขึ้น หากต้องรับมือกับสนามสอบทั้งสามสนามไม่เป็นปัญหาแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา