ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 115

เหลิ่งชิงฮวนอยากจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตาออกมา “เขาไม่รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของลูก”

“ต่อให้ไม่รู้ว่ามีลูก แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง กลับเฝ้ามองดูเจ้าแต่งงานกับชายอื่นไปโดยไม่ถามไม่สนใจสักคำ ไม่ใช่ได้แล้วทิ้งแล้วเรียกว่าอะไร? เหลิ่งชิงฮวน เจ้ารักเขามากแค่ไหนกัน ถึงได้ยอมฆ่าตัวตายเพื่อเขา เพื่อเขาแล้วยอมทิ้งความมั่งคั่งรุ่งเรืองของจวนอ๋อง เพื่อเขาแล้วทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้หย่า เพื่อเขาแล้วเจ้าถึงขนาดหมดหนทางให้ถอยหนี!”

มู่หรงฉีที่มักจะพูดน้อย แม้ว่าจะทะเลาะกันกับตัวเอง แต่ก็ไม่ค่อยตำหนิตัวเองด้วยความขุ่นเคืองเช่นนี้

เหลิ่งชิงฮวนถอยห่างออกไปจนไม่มีที่เหลือให้หลบได้อีก จึงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกและก็เห็นดวงตาของมู่หรงฉีที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือว่าเพราะความโกรธที่กำลังแผดเผา

เขาจ้องมาที่นางด้วยความโกรธ ทำให้หัวใจของนางแทบอยากจะกระโดดออกมาเต้นนอกอกและลิ้นก็เริ่มพันกัน

“ข้า แค่อยากให้ท่านอ๋องหย่าให้ข้าเท่านั้น ปล่อยให้ข้ามีชีวิตต่อของข้าเอง”

ปัง มู่หรงฉีต่อยไปที่รถม้า สร้างความตกใจให้กับเหลิ่งชิงฮวนจนเกือบจะกระโดดขึ้นมา

“เหลิ่งชิงฮวน เจ้ามันไม่รู้จักดีชั่ว!”

“ใช่เพคะ ข้ามันไม่รู้จักดีชั่ว”

ตนเองเลือกเวลาเจรจาได้ไม่เหมาะสมจริงๆ แค่รู้สึกว่าวันนี้เขาอารมณ์ดี และเมื่อสักครู่นี้ตัวเองทำตัวร้ายๆแทรกกลางระหว่างเขากับเหลิ่งชิงหลาง ทำลายสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองลง น่าจะทำให้เขาเกิดความเกลียดขึ้นมาบ้างแล้วสิ บางทีอาจจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเตะเธอออกจากจวนไป

ใครจะไปรู้ว่า มู่หรงฉีเวลาที่เมาเหล้าแล้วจะน่ากลัวได้มากถึงเพียงนี้? โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาของเขาคู่นั้น เมื่อต้องตกอยู่ในสายตาที่มองมาจึงรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกครู่หนึ่งและประเดี๋ยวก็รู้สึกร้อนเหมือนไฟแผดเผา มันเหมือนกับเป็นสถานการณ์ที่น้ำแข็งกับเปลวเพลิงปะทะกัน

เหมือนสุนัขพันธุ์ทิเบตันแมสติฟฟ์ที่กำลังบ้าคลั่ง เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด

รถม้าค่อยๆหยุดนิ่ง คนขับรถม้าเอ่ยพูดด้วยความนอบน้อม “ท่านอ๋อง ถึงแล้วขอรับ”

คำพูดของคนขับรถม้าที่ดังขึ้นทำให้มู่หรงฉีฟื้นคืนสติขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆสองครั้งและค่อยๆถอยออกมาจากการเข้าประชิดตัวเหลิ่งชิงฮวน

เสียง เอี๊ยดอ๊าด ดังขึ้น เหลิ่งชิงฮวนชิงปาดหน้าหนีเขาออกมา มือจับกระโปรงขึ้นและกระโดดลงจากรถม้าด้วยท่าทางทุลักทุเล

มู่หรงฉีเอนพิงกับรถม้า พร้อมหลับตาลง พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ คำถามที่ทรมานตัวเองมาตลอด ในที่สุดก็อาศัยตอนที่เมาเหล้าอยู่ถามออกไปจนได้ อารมณ์กลับไม่ได้ดีขึ้นมาแม้แต่น้อย กลับยิ่งแย่ลงไปอีก

เหลิ่งชิงฮวนไม่ยอมพูดออกมา นางยังคงปกป้องชายคนนั้นอยู่ เขาจำเป็นต้องตรวจสอบออกมาให้ได้ ว่าชายคนนั้นเป็นใครกัน เขาจะบีบคอและหั่นมันออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น!

น่าเสียดายที่คนของเขาตรวจสอบมาเป็นเวลานานแล้วแต่ผลลัพธ์ของสิ่งที่ตรวจสอบของทุกคนออกมาตรงกันหมด “พระชายาอยู่แต่ในห้องตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหน ปฏิบัติตามกฎระเบียบและประพฤติตัวดี”

ถ้าหากนางไม่ได้ออกจากจวนจริงๆ ทำไมถึงได้มีความรู้กว้างขวางเช่นนี้ได้?

ถ้าเป็นสิ่งที่พูดออกมาไม่เหมือนกัน ก็จะเป็นพวกเรื่องเล่าที่ไปสอบถามพวกบ่าวๆมา เป็นเพียงข่าวลือไม่มูล เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องตอนที่เหลิ่งชิงฮวนกับเหลิ่งชิงเฮ่อสองพี่น้องตอนที่อยู่ที่จวนมหาเสนาบดีเคยถูกทอดทิ้งและได้รับความอัปยศอดสู ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสิ่งที่เผยแพร่ออกไปภายนอกและสิ่งที่ตัวเองเห็นกับตาในวันนั้น

ตอนที่เขาไปเยี่ยมเหลิ่งชิงเฮ่อเป็นการส่วนตัว เคยเอ่ยถามอย่างอ้อมๆเกี่ยวกับเรื่องของเหลิ่งชิงฮวน นอกจากจะไม่มีอะไร น่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจแล้ว แม้ว่าเหลิ่งชิงเฮ่อจะมีความรู้กว้างขวาง แต่ก็ไม่สามารถคิดหาคำพูดที่จะอธิบายชีวิตของพวกเขาสองพี่น้องที่เหมือนเดิมวันแล้ววันเล่าได้

ตรงกันข้ามกับตอนที่ยังไม่ได้มาที่เมืองหลวง ภาพลักษณ์ของเหลิ่งชิงฮวนนั้นมีชีวิตชีวามากกว่านี้

ผู้ชายคนนี้คือใครกัน ตัวตนที่แท้จริงเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ซ่อนตัวได้แนบเนียนมาก ราวกับเป็นปริศนาอย่างหนึ่งที่ทำให้มู่หรงฉีรู้สึกทรมาน และเพิ่มความเกลียดชังลึกยิ่งขึ้นไปอีก

ในวันรุ่งขึ้นฉีจิ่งอวิ๋นก็เริ่มดูแลกิจการของร้านค้าทั้งสองแห่งอย่างสุดกำลัง เงินลงทุนและแรงงานในระยะแรก ไม่ได้ทำให้เหลิ่งชิงฮวนกังวลใจเลย สิ่งเดียวที่นางต้องทำก็คือตรวจสอบสมุดบัญชีของทั้งสองร้านเท่านั้น

เหลิ่งชิงฮวนไม่ต้องย่างกายออกนอกบ้าน รูปแบบการค้าแบบนี้สำหรับเธอแล้วเหมาะสมที่สุด

เธอเพียงแค่ผลักดันร้านค้าเพียงสองร้าน ก็สามารถทำเงินได้มากมายเช่นนี้ ทำแค่นั่งรอผลกำไรเนอะ ๆ ทำไมจะไม่ทำล่ะ?

ทางด้านเหลิ่งชิงหลางก็รออย่างใจจดใจจ่อ รอคอยข่าวดีจากท่านแม่ ข่าวที่รออยู่นั้นก็คือข่าวจากฟังผิ่นจือเรื่องที่จะส่งยาเม็ดหนิงเซียงมาให้ตัวเอง

นางเชื่อว่าขอเพียงตัวเองได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ จะต้องสร้างความประทับใจของตัวเองให้กับมู่หรงฉีใหม่ได้แน่ และเปลี่ยนมาใส่ใจทุ่มเทกับตัวเองใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน

ศัตรูของตัวเองไม่ได้มีเพียงแค่เหลิ่งชิงฮวนคนเดียวเท่านั้น ยังมีสาวๆที่มีเสน่ห์อีกมากที่แอบชอบมู่หรงฉีอยู่หากตัวเองไม่สามารถเอาชนะทุกคนได้ แล้วจะเป็นที่โปรดปรานอย่างถาวรได้อย่างไร?

ทุกวันตอนช่วงเช้า นางมักจะนั่งอยู่หน้ากระจกอยู่เป็นเวลานาน เมื่อคิดถึงผิวที่เปล่งปลั่งและขาวผ่องของฟังผิ่นจือ ก็ทำให้รู้สึกโหยหา

ได้สั่งกำชับคนเฝ้าประตูเอาไว้เป็นพิเศษ ในที่สุดเป็นช่วงบ่ายของวันนี้ที่คนเฝ้าประตูส่งคนมารายงานบอกว่ามีคนของตระกูลจินมาขอเข้าพบ

นางอดทนรอไม่ไหวรีบเชิญเข้ามาในทันที

คนที่มาไม่ใช่จินเอ้อร์ แต่กลับเป็นหญิงสาวที่มีร่างสูงบาง สาวใช้คนนี้สวมกระโปรงสีเกสรซิ่งฮวา ผมดำเหมือนสีเมฆที่ดำครึ้ม ม้วนมวยขึ้นมาสองข้าง และปักด้วยปิ่นดอกไม้ ริมฝีปากแดงหน้าขาวผ่อง ผิวพรรณขาวดุจหิมะ มีตะกร้าไม้ไผ่ห้อยอยู่ที่ข้อแขน ท่าทางการเดินอ้อนแอ้นเหมือนต้นหลิวที่ปลิวไหวปะทะสายลม เดินกระตุ้งกระติ่ง เป็นหญิงที่งดงามเหลือเกิน

เหลิ่งชิงหลางเห็นหน้าตาของนางก็เกิดรู้สึกคุ้นหน้าเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกแปลกหน้าอย่างบอกไม่ถูก นึกไม่ออกว่าในจวนตระกูลจินมีคนที่โดดเด่นเช่นนี้ด้วย

คนงามก้าวเข้ามาใกล้ๆ และเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาทกับนาง พอเอ่ยปากออกมาก็เหมือนดั่งไข่มุที่หล่นลงไปกระทบกับจานหยก เสียงดังสดใสไพเราะหู “หม่อมฉันขอคารวะพระชายารองเพคะ”

เหลิ่งชิงหลางยกมือให้ลุกขึ้นด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ”

คนงามถือตะกร้าขึ้นและยืนไปอยู่ตรงหน้านางด้วยท่าทางที่สง่า

“ใครกันที่ส่งเจ้ามา?”

คนงามก้มหน้า และเม้มริมฝีปากอย่างยิ้มๆ “เป็นคุณชายรองจินที่ส่งบ่าวมาเจ้าค่ะ เขาสั่งให้หม่อมฉันมามอบของอย่างหนึ่งให้รองพระชายาเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงหลางรู้สึกดีใจขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาเหลือบไปมองที่ตะกร้าไม้ไผ่ “นำขึ้นมาดูเร็วเข้า”

หญิงงามหยิบกล่องขึ้นมาจากในตะกร้าไม้ไผ่ ถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง เหลียวมองซ้ายขวาเล็กน้อย ราวกับว่ามีสิ่งที่หวาดกลัว

“คุณชายรองจินได้กำชับกับบ่าวให้นำความมาบอกกับพระชายาสองสามประโยคด้วยเพคะ”

เหลิ่งชิงหลางเข้าใจความหมายของเขา โบกมือให้แม่จ้าวกับจือชิวที่อยู่ข้างๆให้ออกไป “ขอเหล้าอุ่นให้ข้าแก้วหนึ่ง จากนั้นก็ถอยออกไปเถอะ”

เป็นเพราะเม็ดยาหนิงเซียงมีผงเบญจศิลาอยู่ ดังนั้นเวลากินจำเป็นต้องกินเหล้าอุ่นตามลงไปด้วย ผลลัพธ์ถึงจะออกมาดีที่สุด

จือชิวถือเหล้าอุ่นๆมามอบให้ จากนั้นก็ก้มหน้าและเดินออกไปอย่างเงียบๆ ส่วนแม่จ้าวมองหญิงงามอย่างสงสัยครู่หนึ่ง เกิดความลังเลเล็กน้อย ก่อนจะออกไปพร้อมกับปิดประตูลง

จากนั้นหญิงงามก็ก้าวเข้าไปข้างหน้า เปิดกล่องออก และหยิบเม็ดยาหนึ่งเม็ดขึ้นมา “อีกฝ่ายยืนยันราคาเดิมและไม่ยอมลดราคาแม้แต่นิดเดียว เจรจากันอยู่หลายครั้งกว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ จึงนำมาก่อนสองเม็ด ให้พระชายารองได้ชื่นชมและตรวจสอบสินค้าก่อน ดูว่าเป็นยาเม็ดหนิงเซียงของจริงใช่หรือไม่”

เหลิ่งชิงหลางจดจ่ออยู่กับเม็ดยาเม็ดนั้นอย่างมาก เหลิ่งชิงหลางยกมือขึ้นมารับ ใครจะคิดว่าปลายนิ้วของหญิงงามเกิดสั่นขึ้น ทำให้เม็ดยาร่วงหลุดออกมาจากนิ้วของนาง นางรีบรับมันเอาไว้ทันที แต่กลับคว้ามือของเหลิ่งชิงหลางเอาไว้และก็กำเม็ดยาเอาไว้ในฝ่ามือของนางพร้อมกันๆอย่างแน่น

เหลิ่งชิงหลางผงะไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แสดงสีหน้าออกไปเย็นชาและทำการสะบัดออกให้หลุด คนงามรีบปล่อยมือนางออกทันทีและเดินไปเอาเหล้าอุ่นถ้วยนั้นมาส่งให้ด้วยความกระตือรือร้น

เหลิ่งชิงหลางนำยาเม็ดนั้นมาวางไว้ที่ปลายจมูกเพื่อดมเบาๆ ดวงตาสังเกตไปเห็นว่ามือของนางที่แม้จะดูขาวเนียนละเอียดเกลี้ยงเหมือนดังหยก แต่ข้อต่อของกระดูกค่อนข้างหนาและไม่เรียวเล็กเหมือนผู้หญิงทั่วไป อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองนางอยู่หลายครั้ง

พอได้มอง ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา “เจ้า เจ้าคือ...”

“เม็ดยาหนิงเซียงมีกลิ่นหอมของบัวหิมะ และมีรสขมเล็กน้อย เมื่อรับประทาน หากดื่มเหล้าตามไปรสชาติจะหอมกลมกล่อม พระชายารองดูแล้วไม่ใช่ของปลอมใช่หรือไม่?”

ในที่สุดหลิ่งชิงหลางก็มองออก ลุกขึ้นยื่นเสียงดัง พรวด พร้อมกับเอ่ยขึ้นมา “ฟังผิ่นจือ!”

หญิงงามเงยหน้าขึ้นมาและยิ้มให้เหลิ่งชิงหลาง “พระนางมีสายตาที่เฉียบคมยิ่งนัก”

“เจ้า ทำไมเจ้าแต่งตัวเช่นนี้? และคำพูดคำจาของเจ้า เสียงนี้...”

“ผิ่นจือชอบดูการแสดง เคยไหว้อาจารย์เรียนศิลปะ และเคยเรียนเป็นนางเอกงิ้วมา”

“มิน่าล่ะเจ้าแต่งตัวเป็นผู้หญิงแบบนี้ แต่ยังมีเสน่ห์เหลือล้น มองไม่เห็นจุดบกพร่องใดๆ”

“ผิ่นจือรู้ว่าตระกูลที่สูงศักดิ์อย่างจวนอ๋อง มีกฎระเบียบที่เข้มงวด การไปมาหาสู่บ่อยๆ เกรงว่าจะเป็นเกิดผลเสียต่อชื่อเสียงอันดีงามของพระชายารองได้ ดังนั้นจึงคิดวิธีแบบนี้ขึ้นมา ทำให้พระนางมาเห็นอะไรไม่ควรเสียแล้วต้องขออภัยขอรับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา