ตอน ตอนที่ 118 ที่แท้ต้องการลดตำแหน่งภรรยาเอกไปเป็นอนุนั้นเอง จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 118 ที่แท้ต้องการลดตำแหน่งภรรยาเอกไปเป็นอนุนั้นเอง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่เขียนโดย เฉลิมพล เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
แม้ว่าพระสนมฮุ่ยเฟยจะไม่ชอบขี้หน้าเหลิ่งชิงฮวน แต่ไม่ได้คาดหวังอยากให้มีเรื่องอื้อฉาวใดๆเกิดขึ้น และกลายเป็นตัวตลกของคนอื่น ดังนั้นจึงเหล่มองไปที่เหลิ่งชิงหลาง ฟังที่นางเรียกท่านพี่อย่างนี้ท่านพี่อย่างนั้นแบบสนิทสนม แต่กลับวางกับดักอยู่ร่ำไป มีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนดีอะไร จึงยิ้มอย่างเย็นชา
“ในตอนแรกฉีเอ๋อร์เอะอะโวยวายจะขอเจ้าแต่งงานให้ได้ แต่ตอนนี้กลับทอดทิ้งเจ้าไม่เหลียวแลเช่นนี้ ควรจะพิจารณาตัวเองหรือไม่ว่าคำพูดและการกระทำของเจ้าดีพอหรือไม่? ควรจะปรนนิบัติรับใช้ท่านอ๋องอย่างไร คงไม่ต้องให้แม่สามีอย่างข้าต้องพูดมากกระมัง?”
เหลิ่งชิงหลางไม่กล้าพูดอะไรมากอีก ทำเพียงตอบรับอย่างระมัดระวัง “หม่อมฉันน้อมรับผิดเพคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นพระสนมฮุ่ยเฟยจึงหันไปมองเหลิ่งชิงฮวนอีกครั้ง และพยายามที่จะจับผิด โดยการใช้สายตาอันเข้มงวด มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของนาง
“เมื่อเร็วๆนี้ข้าได้ยินข่าวลือเสียๆหายๆเกี่ยวกับเจ้าในวังมามากมาย รู้สึกระคายหูยิ่งนัก มีคำกล่าวที่ว่า หากไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่นได้ ข่าวลือต่างๆนานาของเจ้าต้องไม่ใช่แค่การปั้นน้ำเป็นตัวเป็นแน่ จะต้องมีสาเหตุและที่มาอย่างแน่นอน
ดังนั้นต่อแต่นี้เป็นต้นไปพระชายาจะต้องทบทวนตัวเอง ว่ามีข้อบกพร่องอะไรหรือไม่ และมีตรงไหนที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไป หากมีก็แก้ไขเสีย หากไม่มีก็ถือเป็นข้อเตือนใจ เก็บเนื้อเก็บตัวทำตัวให้สงบเสงี่ยมอยู่ในจวนอ๋อง ไม่มีเหตุอันใดก็ไม่ต้องโผล่หน้าออกไป
เมื่อกลับวังไป พวกบ่าวรับใช้ทั้งหลายที่พูดจาไร้สาระพวกนั้น ข้าย่อมกลับไปลงโทษอย่างรุนแรงไม่ละเว้นอย่างแน่นอน แต่ว่าข้าก็ไม่อยากได้ยินคําวิจารณ์ใด ๆ เกี่ยวกับเจ้าที่ทำให้ฉีเอ๋อร์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอีก
หัวใจของเหลิ่งชิงฮวนเต้นรั่ว แอบหันหน้าไปมองเหลิ่งชิงหลางเล็กน้อย รู้ว่าการมาถึงของพระสนมฮุ่ยเฟยในวันนี้ต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน
ตอนเจ้ายังอยู่ในวัยรอออกเรือน หากไม่เคยออกนอกจวนหรือติดต่อกับผู้คนภายนอก เก็บเนื้อเก็บตัวทำตัวสงบเสงี่ยมจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชื่อเสียงที่ไม่ดี
แต่หลังจากตัวเองแต่งงานมา นอกจากจะเคยไปมาหาสู่กับสุภาพบุรุษเสิ่นหลินเฟิงกับฉีจิ่งอวิ๋นแล้ว ก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับผู้ชายคนอื่นมาก่อน พระสนมฮุ่ยเฟยก็อยู่แต่ข้างในวัง เป็นใครกันที่จงใจยุแยงให้ต้องแตกแยกกัน?
คนงามหรือว่าเหลิ่งชิงหลาง?
เมื่อนึกดูแล้ววันนี้เหลิ่งชิงหลางดูไม่รู้สึกร้อนรนและไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด ยังเสนอให้พระสนมฮุ่ยเฟยตรวจสอบแต้มพรหมจรรย์ของตัวเองอีก แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงว่าสองวันมานี้นางถึงได้ดูสงบนิ่งอยู่ได้ ที่แท้กำลังเก็บซ่อนเล่ห์กลเอาไว้นี้เอง
ประเด็นนี้ผ่านพ้นไปได้ชั่วคราว จากนั้นพระสนมฮุ่ยเฟยก็หาเรื่องทั้งสองคนต่อแม้ว่าจะไม่มีเรื่องให้ว่าก็ตาม บ่นอยู่พักหนึ่ง พอหมดเรื่องไม่มีอะไรแล้วก็ลุกขึ้นกลับเข้าวังไป
หลังจากส่งพระสนมฮุ่ยเฟยกลับ เหลิ่งชิงหลางก็ส่งเสียงฮึกฮักอย่างเย็นชาใส่เหลิ่งชิงฮวน “ดูท่าท่านพี่จะเตรียมการมาอย่างดี ถึงได้อาจหาญเช่นนี้ สั่งให้ข้ารับใช้ที่อยู่เบื้องล่างช่วยปกปิดความจริง ความผิดนี่มีโทษฐานหลอกลวงเบื้องบนเลยนะเจ้าค่ะ”
เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเล็กน้อย “คำพูดที่เจ้าพูดในวันนี้ควรจะไปพูดให้กับท่านอ๋องฟังนะ ทำไมต้องอุตสาหะไปไกลๆ ทำให้พระสนมฮุ่ยเฟยตื่นตระหนกจนต้องเสด็จมาถึงที่นี่ด้วยเล่า?”
“ในไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องเปิดโปงออกไปแน่!” เหลิ่งชิงหลางพูดออกมาอย่างแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว “ในใต้หล้านี้ไม่มีผู้ชายคนใดสามารถยอมรับผู้หญิงสำส่อนอย่างเจ้าได้หรอก ผู้หญิงไม่รักนวลสงวนตัว”
เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเยาะเย้ยอย่างมีนัยแอบแฝง จากนั้นก็หันหลังและเดินกลับไปที่ตำหนักฉาวเทียน
แม่นมเตียวกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวัน เมื่อเห็นเหลิ่งชิงฮวน ก็ก้มหน้าอยู่นานไม่แหงนหน้าขึ้นมามอง ทำงานต่อไม่หยุดมือ
เหลิ่งชิงฮวนเดินมาหยุดตรงหน้านาง แต่ยังไม่ได้พูดอะไร แม่นมเตียวก็พูดเสียงอู้อี้ขึ้นมาเสียก่อน “ท่านอ๋องกำลังรอพระชายาอยู่ที่ห้องเจ้าค่ะ หากท่านมีคำถามอะไรไปทูลถามท่านอ๋องได้เลยเจ้าค่ะ”
มู่หรงฉีกลับมาแล้วงั้นหรือ? แล้วทำไมเขาไม่ไปพบพระสนมฮุ่ยเฟยล่ะ?
เหลิ่งชิงฮวนผลักประตูเปิดเข้าไปข้างใน กลิ่นหอมที่คุ้นเคยโชยเข้ามาแตะจมูกทันที
มู่หรงฉีนั่งอยู่ที่ข้างๆโต๊ะ ในมือถือชามเอาไว้ถ้วยหนึ่ง และกำลังจดจ่อพินิจพิจารณาอาหารที่อยู่ในชามอยู่
เหลิ่งชิงฮวนไม่ต้องดู ก็รู้ว่าอะไรอยู่ในชามของเขา เป็นสิ่งที่ตัวเองใช้เวลาค้นคว้าถึงสองวัน กว่าจะพัฒนาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสเนื้อตุ๋นขึ้นมาได้สำเร็จ
แม่นมเตียวใช้น้ำร้อนเดือดๆต้มให้เขาแล้ว เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาคนไปมา ราวกับกำลังลังเลว่าจะกินมันอย่างไรดี เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง จึงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“แม่นมเตียวบอกว่าของกินประหลาดพิลึกสิ่งนี้เป็นเจ้าที่สอนนางทำ”
เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “แม้ว่าข้าไม่รู้วิธีหุงข้าว แต่ก็เคยพออ่านพอเรียนมาบ้าง ปลอดภัย ไม่มีพิษ แถมรสชาติยังดีอีกด้วยเพค่ะ”
มู่หรงฉีใช้ตะเกียบเลือกๆและคีบขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเอาเข้าปากไปและเคี้ยวอย่างละเอียด เหมือนกำลังลิ้มรสอาหารชั้นเลิศที่เป็นอาหารป่าและอาหารทะเลก็ไม่ปาน
“ตัวเส้นมีความนุ่มลื่นกว่าปกติที่เคยกินเป็นประจำเล็กน้อย น้ำซุปก็พอจะถูไถได้ คนบางคนมีความฉลาดเล็กน้อยอยู่ในตัว แต่น่าเสียดายที่ใช้ไม่ถูกที่”
เมื่อเหลิ่งชิงฮวนเห็นสิ่งที่เขาเอาไปใช้ในการลองชามก็นั้นก็คือสมุดภาพเต่าในอิริยาบถต่าง ๆ ที่ตัวเองวาดขึ้นมาอย่าง "ยากลำบาก" จึงเข้าใจทันทีว่าเขากำลังหมายถึงอะไร
อยู่ดีๆ เหลิ่งชิงฮวนก็เอื้อมมือออกไปจับมือของเขาเอาไว้ทันที “มือท่านไปโดนอะไรมา?”
หางตาของเธอเหลือบไปเห็นปลายนิ้วมือของมู่หรงฉีถูกบาด และเลือดเพิ่งจะหยุดไหลไป
มุมปากของมู่หรงฉียกขึ้นยิ้มเล็กน้อย “วันนี้เป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาข้าก่อนแบบนี้? หรือว่าเจ้าจะซาบซึ้งจนอยากถวายตัวให้เพื่อตอบแทนใช่หรือไม่?”
มือของเหลิ่งชิงฮวนที่จับมือเขาบีบแน่นขึ้น ปลายนิ้วถึงกับซีดลงเล็กน้อย ไม่แปลกใจเลยที่เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่และไม่ยอมออกไปพบพระสนมฮุ่ยเฟย เจ้าคนทึ่มเอ้ย ไม่รู้เลยว่าสมองจะฉลาดได้ถึงขนาดนี้
นางกัดริมฝีปากล่างเบาๆ “เลือดจากปลายนิ้ว จากนั้นก็ใช้ไฟทำให้แห้งใช่หรือไม่? จำเป็นด้วยหรือ? ท่านไม่คิดจะปล่อยข้าไปจริงๆงั้นหรือ? เห็นชัดๆว่าพระสนมฮุ่ยไม่ชอบข้ามากๆ”
มู่หรงฉีดึงมือของตัวเองออกอย่างเย็นชา “อย่าได้คิดว่าเสด็จแม่ของข้าไม่ชอบเจ้า เจ้าก็จะสามารถออกจากจวนอ๋องฉีได้อย่างสบายอกสบายใจ บางทีอาจจะไม่สมหวังยิ่งกว่าตอนนี้ก็เป็นได้”
ดวงตาของเหลิ่งชิงฮวนเปล่งประกายขึ้นมา “พระสนมฮุ่ยเฟยต้องการให้ท่านแต่งงานกับจิ่นอวี๋จวิ้นจู่ใช่หรือไม่?”
ถึงมู่หรงฉีไม่ได้ยอมรับออกมา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“ดังนั้นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้พระสนมฮุ่ยเฟยเห็นข้าครั้งแรกก็ไม่ชอบขี้หน้า แน่นอนว่ายังเป็นเพราะข้าประพฤติตัวไม่เหมาะสมในวันแต่งงานนั้นด้วย”
มู่หรงฉีลูบปลายนิ้วไปมา “อย่าได้คิดฟุ้งซ่านไป”
เหลิ่งชิงฮวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ข้าเข้าใจแล้ว สิ่งที่ท่านกับจิ่นอวี๋พูดกันในวันนั้น อุบายของพระสนมฮุ่ยเฟยที่แท้จริงคือเช่นนี้เอง หากพระสนมฮุ่ยเฟยต้องการยกจิ่นอวี๋ให้ท่านก็แค่เอ่ยพูดเพียงคำเดียวเท่านั้น นอกเสียจากจิ่นอวี๋จะโลภมาก ต้องการตำแหน่งพระชายาเสียเอง”
พระสนมฮุ่ยเฟยยอมรับข้าในฐานะพระชายาตามความประสงค์ของไทเฮา แต่ว่าพระนางสามารถทำทุกวิถีทางเพื่อหาเรื่องเอาผิดข้า และลดให้ข้าไปเป็นพระชายารอง ถ้าเป็นเช่นนั้นตำแหน่งพระชายาก็จะว่างขึ้นมา ครั้งแรกที่เห็นจิ่นอวี๋ในอุทยานสวนหลวงในวันนั้น คือนางกำลังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ท่านเห็นด้วยกับความคิดของพระสนมฮุ่ยเฟย หากไม่สามารถหย่าขาดกันได้ ก็ให้ลดตำแหน่งของข้าให้เป็นอนุ
อยู่ ๆ มู่หรงฉีก็รู้สึกว่า มีภรรยาควรจะหาไม่ฉลาดเล็กน้อย ฉลาดเกินไปยากที่จะรับมือได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...