“ข้าไม่รับปาก” มู่หรงฉีอธิบายเบา ๆ “และจะไม่รับปากด้วยเช่นกัน”
งั้นสิ่งที่คิดนั้นถูกต้องแล้ว
“เช่นนั้นวันนั้นท่านจงใจแสดงความรักกับหม่อมฉันต่อหน้านาง และยังขอให้แม่นมเตียวมอบผ้าเช็ดหน้าสีแดงให้ ไม่ใช่เพื่อช่วยหม่อมฉัน แต่เพราะอยากให้นางตายใจใช่หรือไม่”
มู่หรงฉีมองเธออย่างจริงจัง “หากเจ้าต้องการอธิบายแบบนี้ก็ไม่เป็นไร”
“ที่ท่านไม่ปล่อยหม่อมฉันไป เป็นเพราะไม่อยากแต่งงานกับนางงั้นหรือ”
ปลายนิ้วของมู่หรงฉีสั่นระรัว ก่อนจะกำเข้าหากันอย่างเชื่องช้าราวกับลังเล
จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “ใช่”
เหลิ่งชิงฮวนสูดหายใจเข้า “แล้วเมื่อไรหม่อมฉันจะได้ไปจากที่นี่เสียที”
รอยยิ้มบนริมฝีปากของมู่หรงฉีลึกล้ำมากขึ้น “ง่ายมาก ทำดีกับข้าให้มากกว่านี้สิ ขอแค่พวกเราสองคนรักกัน นางก็จะยอมตายใจ”
“นางน่ะหัวดื้อจะตาย นางไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่! ในฐานะที่ท่านเป็นตัวต้นเรื่อง ท่านควรจะปฏิเสธนางอย่างเด็ดขาด ถ้าท่านมัวแต่เกรงใจ นางก็จะเป็นแบบนี้เรื่อยไป”
“รู้ได้ไงว่าข้าไม่ปฏิเสธ”
“ยังไม่หนักแน่นพอน่ะสิ”
มู่หรงฉีถอนหายใจเบา ๆ “ตอนนั้นพ่อของนางมีบุญคุณกับข้ามาก”
ใช่ นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลของความยุ่งเหยิง
“ถ้าอย่างนั้นท่านควรตอบแทนน้ำใจให้นาง หาบ้านที่ดีให้นางเสียแต่เนิ่นๆ ในราชสำนักมีเด็กหนุ่มมากความสามารถ ท่านก็หามาสักคนไม่ได้หรือ”
“ท่านแม่รักและเอ็นดูนางมาก ข้าไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานของนางได้”
“ว่ากันตามเหตุผลขนาดตัวท่านเองยังควบคุมเรื่องการแต่งงานของตัวเองไม่ได้ จะคาดหวังอะไรกับควบคุมเรื่องของคนอื่น”
มู่หรงฉีสำลักและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ราวกับว่าได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้ง “ท่านไม่ต้องวางแผนต่อต้านหม่อมฉันด้วยวิธีนี้ แบบนี้เหมือนท่านใช้หม่อมฉันเป็นตัวรับกระสุนและเป็นหนี้บุญคุณ ดังนั้นต่อไปท่านต้องปกป้องหม่อมฉัน ห้ามรังแกหม่อมฉันอีก ไม่อย่างนั้นหม่อมฉันจะเลิกช่วยท่านเมื่อไรได้ทุกเมื่อ!”
ดวงตาของมู่หรงฉีแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ “ได้”
ทันใดนั้นเหลิ่งชิงฮวนก็ค้นพบว่าเขาดูดีมากจริงๆ เมื่อยิ้ม ดวงตาของเขาเหมือนดวงอาทิตย์อบอุ่นและดวงดาวส่องแสง ทำให้เธอรู้สึกราวกับได้สัมผัสสายลมฤดูใบไม้ผลิ ดอกท้อบานสะพรั่งไปทุกที่
เขายังคงเป็นคนบ้าเผด็จการและไม่มีเหตุผลอยู่ไหม
ชั่วขณะหนึ่งเธอได้ตกหลุมพรางความงามจนกระทั่งลืมคำพูดในลำคอ
แน่นอนว่าผู้หญิงก็หื่นกามได้เช่นกัน
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อรอการตรวจการสอบขุนนางของพี่ชาย เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้อยู่เฉยๆ
มีร้านค้าสองร้าน ร้านหนึ่งถูกดัดแปลงเป็นร้านขายผ้าไหมและผ้าซาติน ส่วนอีกร้านเชี่ยวชาญด้านปากกา หมึก กระดาษและหินหมึก กระดาษเขียนพู่กันและกระดาษวาดภาพ
ร้านขายผ้าไหมและผ้าซาตินนั้นพูดง่าย ๆ มีร้านค้ามากมายภายใต้ชื่อของฉีจิ่งอวิ๋น เขาขายผ้าไหมทุกชนิดที่เขาขายจากทางใต้ แม้แต่สินค้ายังเป็นการชำระเงินหลังการขายซึ่งเทียบเท่ากับร้านแฟรนไชส์สมัยใหม่และเกือบจะเป็นธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้โดยไม่เสียเงินใดๆ
อีกร้านหนึ่งซึ่งขายของใช้ในการเรียนนั้นอยู่ใกล้สถานศึกษา ไม่ต้องกังวลเรื่องยอดขายในอนาคต ทว่าการซื้อนั้นยุ่งยากกว่า ดังนั้นจึงต้องใช้ความพยายามพอสมควรในการเตรียม
นี่สินะที่เรียกว่าคนจนไร้ความมั่นใจที่จะพูด ถึงมีเงินในมือมากก็หาประโยชน์จากคนอื่นไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...