ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 125

มู่หรงฉีไม่สั่งห้ามแต่อย่างใด ดังนั้นเจ้าหน้าที่วัดต้าหลี่จึงสั่งให้คนนำพยานมา

หมิงเย่ว์ถูกพาเข้าไปในห้องโถงและทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองจินซื่ออย่างเคร่งขรึมราวกับอยากกลืนกินด้วยความดุร้าย

เดิมทีจินซื่อซึ่งมีความผิด ทว่าต้องตัวสั่นด้วยความกลัวกับการแสดงออกของหมิงเย่ว์ นางรู้ดีว่าวันนี้ต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน

เจ้าหน้าที่วัดต้าหลี่ตะโกนถามเสียงทุ้ม “หมิงเย่ว์ เจ้าคือหมิงเย่ว์คนรับใช้ของจวนมหาเสนาบดีงั้นหรือ”

ก่อนที่หมิงเย่ว์จะทันได้เปิดปากพูด น้ำตาของเขาเอ่อคลอ น้ำเสียงนั้นแหบแห้งราวกับถูกขัดด้วยกระดาษทราย ยากนักที่จะเค้นเสียงออกมาแต่ละคำ “เรียนใต้เท้า ใช่ขอรับ”

“เหลิ่งชิงเฮ่อ ลูกชายคนโตของจวนมหาเสนาบดีกล่าวหาว่าเจ้าวางยาในหมึกของเขา เจ้ายอมรับสารภาพหรือไม่”

หมิงเย่ว์ยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่จินซื่อพลางกัดฟัน “จินอี๋เหนียงเป็นคนสั่งให้บ่าวทำขอรับ”

เสนาบดีเหลิ่งตกตะลึง ก่อนจะหันไปเห็นสีหน้าซีดเผือดและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของจินซื่อ “แกใส่ร้ายป้ายสี!”

หมิงเย่ว์สารภาพต่อ “จินอี๋เหนียงให้เงินกับบ่าว สั่งให้บ่าวมอบหมึกพิษให้กับคุณชาย แม้ว่าพิษจะไม่ร้ายแรงนัก ทว่าจะกลายเป็นพิษเรื้อรังหากสัมผัสหรือสูดดมเป็นเวลานาน ก่อนจะค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่อวัยวะภายในโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

คุณชายเริ่มมีอาการไอ เจ็บหน้าอกและอาการอื่นๆ เมื่อปีที่แล้วจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อเพราะเหตุนี้”

ห้องโถงเงียบไปครู่หนึ่ง เสนาบดีเหลิ่งจ้องมองจินซื่อด้วยความสายตาเหลือเชื่อ

มู่หรงฉียังคงนั่งตัวตรงไม่แสดงออกทางสีหน้าใดๆ

มีเพียจินซื่อเท่านั้นที่ลุกลี้ลุกลน อธิบายด้วยน้ำเสียงติดอ่าง “เหลิ่งชิงฮวนให้เงินแกไปเท่าไร แกถึงกล้าพูดจาให้ร้ายคนอื่นอย่างไร้จิตสำนึกแบบนี้!”

“ท่านกลัวว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดโปง ลำพังเพียงแค่ส่งผมออกจากจวนมหาเสนาบดีก็พอ ทว่าท่านจิตใจชั่วร้ายกว่านั้น ท่านทำให้ข้าเกือบกลายเป็นใบ้และส่งข้าไปยังสถานที่ห่างไกล หากไม่ได้พระชายาเอกช่วยไว้ ข้าคงไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นหรือตาย”

มู่หรงฉีลดเสียงลงถามเหลิ่งชิงฮวนที่อยู่ข้างหลัง “เจ้าอาศัยอยู่ในจวนอ๋องของข้าตลอด เหตุใดถึงมีแผนอันชาญฉลาดเช่นนี้ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหมิงเย่ว์จะถูกส่งออกจากจวน แล้วเจ้าช่วยเขาอย่างไร”

เหลิ่งชิงฮวนเปิดริมฝีปากสีเชอร์รี่ออกเบา ๆ และพูดเพียงสี่คำ “ทำนายเอา”

มู่หรงฉีเงียบ “เจ้ามีตามีหูในจวนมหาเสนาบดีงั้นหรือ”

ผู้ชายคนนี้ช่างปากร้ายจริงๆ เหลิ่งชิงฮวนไม่ยอมรับหรือโต้ตอบ

มู่หรงฉียิ้มเล็กน้อย “เมื่อวานข้าสั่งให้คนไปดูแลพี่ชายของเจ้า พวกเขาบอกว่าทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้อย่างดีแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีคนดูแลเขาตั้งแต่แรก หากไม่ใช่เจ้าคงจะเป็นเสนาบดีเหลิ่ง แต่หากเป็นเจ้า...”

เขาชำเลืองมองที่ห้องโถงอย่างมีความหมาย “คนที่สามารถเข้าถึงวัดต้าหลี่ได้น่าจะเป็นคนของตระกูลเซวีย”

เขาสั่งให้คนมาดูแลท่านพี่เป็นการส่วนตัวจริงหรือ เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกประหลาดใจมาก ผู้ชายคนนี้มีจิตสำนึกตั้งแต่เมื่อไรกัน

เธอแอบดีใจแต่กัดฟันพูดสองสามคำ “มีอะไรไม่พูด ทำเป็นมิตรกันต่อไป”

มู่หรงฉียิ้มมุมปากและหยุดพูดทันที

ตอนนั้นเองเสนาบดีเหลิ่งตระหนักได้จึงชี้ไปที่จินซื่อ “นังหญิงสารเลว ยังไม่คุกเข่าอีก”

จินซื่อยังคงพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง “ท่านเสนาบดี อย่าเชื่อเรื่องไร้สาระของพวกมันนะเจ้าคะ หม่อมฉันถูกใส่ร้าย เหลิ่งชิงฮวนโยนความผิดให้หม่อมฉัน เพื่อแก้ตัวแทนชิงเฮ่อ หากนางรู้มานานแล้วทำไมจึงไม่เปิดเผยให้เร็วกว่านี้”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเล็กน้อย “ใช่ ข้ารู้เมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าไปเยี่ยมท่านพี่ที่สุสาน ข้าพบว่าหมึกนั้นมีพิษ ข้ารู้ว่าท่านต้องวางยาท่านพี่ ชิงเจียวจะกลายได้เป็นลูกชายคนโตของ จวนมหาเสนาบดี ทว่ามิอาจชี้ผิดชี้ถูกผู้อื่นด้วยคำพูดปากเปล่า ต่อให้ข้ากล่าวหาท่าน คงไม่มีใครเชื่อ พี่ชายของข้าอาจต้องเผชิญกับแผนการครั้งใหม่และข้ายังอยู่ห่างไกลจึงได้แต่ยืนนิ่งมองหาหลักฐานอย่างลับๆ”

“เจ้าซื้อตัวหมิงเย่ว์ไปแล้ว!” จินซื่อพูดอย่างเด็ดขาด “ข้าเป็นแค่หญิงสาวธรรมดาจะไปรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร ตรงกันข้ามเจ้าน่ะมีทักษะทางการแพทย์ เจ้าเข้าใจวิธีการอันตรายเหล่านี้และใช้มันเพื่อทำร้ายท่านอ๋อง ใช่ เจ้ารู้อยู่แล้วว่าหมึกนี้มีพิษ ทำไมเจ้าถึงยังสั่งให้เหลิ่งชิงเฮ่อใช้มันเพื่อเขียนบทกวีมอบให้ท่านอ๋อง เจ้ามีจุดประสงค์อะไร”

“ใครจะพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ข้าให้เขาเขียนเพื่อมอบให้ท่านอ๋องนั้นมีพิษ”

“นักบวชลัทธิเต๋าที่ข้าเชิญเมื่อวานนี้รู้เรื่องพิษนี้ เขาบอกว่าอาการไม่สบายของชิงหลางเกิดจากการที่นางสัมผัสกับพิษนี้เป็นประจำๆ”

“งั้นเชิญเขามาคุยด้วยกันเลย”

“คุยอะไร”

“ข้าอยากจะถามเขาว่าบทกวีชุดนี้ไม่มีพิษซ่อนอยู่ เขารู้ได้อย่างไรว่ามันมีพิษ และเขาได้ประโยชน์จากท่านไปมากแค่ไหน ถึงกล้าพูดจากเหลวไหลเช่นนั้น”

“ไม่ เป็นไปไม่ได้! หมิงเย่ว์บอกว่าเขาเห็นเหลิ่งชิงเฮ่อใช้หมึกพิษนี้เขียน”

จินซื่อโพล่งออกมาด้วยความกระวนกระวาย หลังจากพูดจบจึงเพิ่งตระหนักว่านางหลุดปากพูดความจริงออกมาแล้ว

“เป็นเรื่องจริงที่ท่านพี่ใช้หมึกนี้เขียน ประเด็นสำคัญคือหนังสือที่ข้ามอบให้ท่านอ๋องไม่ได้เขียนโดยท่านพี่ แต่ข้าขอให้ชายคนหนึ่งเขียนจดหมายเลียนแบบลายมือของท่านพี่ขึ้นมาใหม่อีกชุด และทำการสลับกัน หากใครไม่เชื่อสามารถถามชายชราที่ตั้งแผงขายในตงชื่อโข่วได้ เขาชอบบทกวีชุดนี้มาก และยังสามารถท่องจำได้อีกด้วย ส่วนสำเนาที่ท่านพี่คัดลอกมาอยู่ที่นี่แล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนหยิบหนังสือออกมาจากแขนเสื้อ ส่งให้เจ้าหน้าที่ศาลาว่าการเพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่วัดต้าหลี่

“ในข้อเท็จจริงที่ว่าบทกวีชุดนี้ไม่มีพิษ ทำไมนักบวชลัทธิเต๋าถึงยืนยันว่ามันมีพิษ แล้วน้องสาวก็ไม่ได้ล้มป่วยจริงใช่หรือไม่ ข้าขอแนะนำว่าควรจับนักบวชลัทธิเต๋าผู้นี้ไปสอบปากคำอย่างละเอียด ข้าขอถามท่านหน่อย จินอี๋เหนียง วัดของนักบวชอยู่ที่ไหนงั้นหรือ”

คำพูดเหล่านั้นทำให้สีหน้าของมู่หรงฉีมืดลงทันที หากสิ่งที่เหลิ่งชิงฮวนพูดเป็นความจริง นั่นหมายความว่าเหลิ่งชิงหลางมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ใบหน้าของจินซื่อเปลี่ยนเป็นซีดเซียวทันที ในเวลานี้หากนางไม่ตอบโต้ นางก็จะกหลุมพรางที่เหลิ่งชิงฮวนทำเอาไว้!

นางกล้าดียังไงถามถึงที่อยู่ของนักบวช ก่อนจะส่ายศีรษะ “เขาเป็นเพียงนักบวชลัทธิเต๋าพเนจร ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่ไหน”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเล็กน้อย “บังเอิญว่าข้ารู้... นักบวชลัทธิเต๋าผู้นี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะการเล่นแร่แปรธาตุ ทว่าเสแสร้งปลอมเป็นผู้มีความรู้ ข้ารู้ว่าท่านให้เงินแกเขา 50 ตำลึและขอให้เขาเล่นละครยืนยันว่าบทกวีนั่นมีพิษ”

เหงื่อเย็นผุดออกมาเต็มหน้าของจินซื่อในทันใด ริมฝีปากของนางสั่นระรัวและไม่สามารถโต้แย้งได้เลย

“เจ้าใส่ความข้า!”

เมื่อมองดูปฏิกิริยาของนางในตอนนี้ เสนาบดีเหลิ่งก็เข้าใจทันทีว่าคนที่อยู่ข้างกายเขาทั้งกลางวันและกลางคืนมาหลายปีนั้นช่างเลวร้าย

เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะออกเหวี่ยงมือตบหน้าจินซื่ออย่างแรง “ทำไมเจ้าไปตายเสีย!”

เขาเป็นสุภาพบุรุษ แม้ว่าจะทำงานสายเราชการ แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ด้วยแรงตอบนั้นทำให้จินซื่อกระเด็นออกไปล้มลงกับพื้น เลือดไหลออกมาเต็มปากและสูญเสียฟันไปสองซี่

เธอตะโกนออกมาทันทีพร้อมกับร้องไห้สั้น “ท่านกล้าตบหม่อมฉันได้อย่างไร คนเนรคุณ!ท่านลืมความเมตตาของตระกูลจินไปแล้วหรือ ที่ท่านมีวันนี้เพราะอะไร”

เสนาบดีเหลิ่งชายผู้ถูกบงการด้วยคำพูดเหล่านี้มาตลอดชีวิต หากอยู่ในจวนมหาเสนาบดีคงไม่เป็นอะไร หากจินซื่อจะเอะอะโวยวายเช่นนี้ แต่นี่คือห้องโถงภายใต้สายตาที่จับตามองของทุกคน เสนาบดียังมีหน้าไปพบใครได้อีกหรือไม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา