มู่หรงฉีไม่สั่งห้ามแต่อย่างใด ดังนั้นเจ้าหน้าที่วัดต้าหลี่จึงสั่งให้คนนำพยานมา
หมิงเย่ว์ถูกพาเข้าไปในห้องโถงและทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองจินซื่ออย่างเคร่งขรึมราวกับอยากกลืนกินด้วยความดุร้าย
เดิมทีจินซื่อซึ่งมีความผิด ทว่าต้องตัวสั่นด้วยความกลัวกับการแสดงออกของหมิงเย่ว์ นางรู้ดีว่าวันนี้ต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน
เจ้าหน้าที่วัดต้าหลี่ตะโกนถามเสียงทุ้ม “หมิงเย่ว์ เจ้าคือหมิงเย่ว์คนรับใช้ของจวนมหาเสนาบดีงั้นหรือ”
ก่อนที่หมิงเย่ว์จะทันได้เปิดปากพูด น้ำตาของเขาเอ่อคลอ น้ำเสียงนั้นแหบแห้งราวกับถูกขัดด้วยกระดาษทราย ยากนักที่จะเค้นเสียงออกมาแต่ละคำ “เรียนใต้เท้า ใช่ขอรับ”
“เหลิ่งชิงเฮ่อ ลูกชายคนโตของจวนมหาเสนาบดีกล่าวหาว่าเจ้าวางยาในหมึกของเขา เจ้ายอมรับสารภาพหรือไม่”
หมิงเย่ว์ยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่จินซื่อพลางกัดฟัน “จินอี๋เหนียงเป็นคนสั่งให้บ่าวทำขอรับ”
เสนาบดีเหลิ่งตกตะลึง ก่อนจะหันไปเห็นสีหน้าซีดเผือดและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของจินซื่อ “แกใส่ร้ายป้ายสี!”
หมิงเย่ว์สารภาพต่อ “จินอี๋เหนียงให้เงินกับบ่าว สั่งให้บ่าวมอบหมึกพิษให้กับคุณชาย แม้ว่าพิษจะไม่ร้ายแรงนัก ทว่าจะกลายเป็นพิษเรื้อรังหากสัมผัสหรือสูดดมเป็นเวลานาน ก่อนจะค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่อวัยวะภายในโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
คุณชายเริ่มมีอาการไอ เจ็บหน้าอกและอาการอื่นๆ เมื่อปีที่แล้วจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อเพราะเหตุนี้”
ห้องโถงเงียบไปครู่หนึ่ง เสนาบดีเหลิ่งจ้องมองจินซื่อด้วยความสายตาเหลือเชื่อ
มู่หรงฉียังคงนั่งตัวตรงไม่แสดงออกทางสีหน้าใดๆ
มีเพียจินซื่อเท่านั้นที่ลุกลี้ลุกลน อธิบายด้วยน้ำเสียงติดอ่าง “เหลิ่งชิงฮวนให้เงินแกไปเท่าไร แกถึงกล้าพูดจาให้ร้ายคนอื่นอย่างไร้จิตสำนึกแบบนี้!”
“ท่านกลัวว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดโปง ลำพังเพียงแค่ส่งผมออกจากจวนมหาเสนาบดีก็พอ ทว่าท่านจิตใจชั่วร้ายกว่านั้น ท่านทำให้ข้าเกือบกลายเป็นใบ้และส่งข้าไปยังสถานที่ห่างไกล หากไม่ได้พระชายาเอกช่วยไว้ ข้าคงไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นหรือตาย”
มู่หรงฉีลดเสียงลงถามเหลิ่งชิงฮวนที่อยู่ข้างหลัง “เจ้าอาศัยอยู่ในจวนอ๋องของข้าตลอด เหตุใดถึงมีแผนอันชาญฉลาดเช่นนี้ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหมิงเย่ว์จะถูกส่งออกจากจวน แล้วเจ้าช่วยเขาอย่างไร”
เหลิ่งชิงฮวนเปิดริมฝีปากสีเชอร์รี่ออกเบา ๆ และพูดเพียงสี่คำ “ทำนายเอา”
มู่หรงฉีเงียบ “เจ้ามีตามีหูในจวนมหาเสนาบดีงั้นหรือ”
ผู้ชายคนนี้ช่างปากร้ายจริงๆ เหลิ่งชิงฮวนไม่ยอมรับหรือโต้ตอบ
มู่หรงฉียิ้มเล็กน้อย “เมื่อวานข้าสั่งให้คนไปดูแลพี่ชายของเจ้า พวกเขาบอกว่าทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้อย่างดีแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีคนดูแลเขาตั้งแต่แรก หากไม่ใช่เจ้าคงจะเป็นเสนาบดีเหลิ่ง แต่หากเป็นเจ้า...”
เขาชำเลืองมองที่ห้องโถงอย่างมีความหมาย “คนที่สามารถเข้าถึงวัดต้าหลี่ได้น่าจะเป็นคนของตระกูลเซวีย”
เขาสั่งให้คนมาดูแลท่านพี่เป็นการส่วนตัวจริงหรือ เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกประหลาดใจมาก ผู้ชายคนนี้มีจิตสำนึกตั้งแต่เมื่อไรกัน
เธอแอบดีใจแต่กัดฟันพูดสองสามคำ “มีอะไรไม่พูด ทำเป็นมิตรกันต่อไป”
มู่หรงฉียิ้มมุมปากและหยุดพูดทันที
ตอนนั้นเองเสนาบดีเหลิ่งตระหนักได้จึงชี้ไปที่จินซื่อ “นังหญิงสารเลว ยังไม่คุกเข่าอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...