ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 127

สรุปบท ตอนที่ 127 เราสองคนไม่ลงรอยกัน: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

ตอน ตอนที่ 127 เราสองคนไม่ลงรอยกัน จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 127 เราสองคนไม่ลงรอยกัน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่เขียนโดย เฉลิมพล เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เจ้าหน้าที่วัดต้าหลี่สั่งให้จินซื่อที่เอาแต่ร้องไห้ไปคุมขังทันที

เสนาบดีเหลิ่งงรู้สึกไม่สบายใจ เขาตบไหล่เหลิ่งชิงเฮ่อพลางพูด “ในเมื่อเจ้าสุขภาพดีขึ้นแล้ว เจ้าจงไปทำความเคารพแม่สักครั้งแล้วกลับจวนไปเถิด”

จากนั้นจึงเดินจากไปอย่างเดียวดาย

เหลิ่งชิงเฮ่อมองไปที่เหลิ่งชิงฮวนอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าวางแผนนี้มานานแล้ว ทำไมเจ้าไม่บอกพี่ก่อน ปล่อยให้พี่เป็นห่วงและยังทำใจว่าจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นด้วย”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้ม “ใครมีแผน?ข้าก็แค่เก็บกลอุบายไว้กับตัวเองเท่านั้น ใครจะรู้ว่าเหลิ่งชิงหลางกับจินซื่อจะคิดแผนพิษเพื่อทำร้ายข้าจึงต้องใช้แผนซ้อนแผน ทว่าท่านพี่กลับมากความสามารถจนสอบผ่าน”

เหลิ่งชิงเฮ่อรับข่าวดีนั้นไปก่อนจะพูดอย่างตื่นเต้น “อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป ความเจ็บป่วยในครั้งนี้ทำให้กระทบกับความรู้ต่างๆ ไปมาก พี่นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานานทำให้ฉันเหมือนกบที่อยู่ก้นบ่อ พี่ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรกับการสอบอีกสองวันข้างหน้า”

เหลิ่งชิงฮวนหรี่ตาลงพลางพูดเสียงเบา “หลังจากกลับไปที่จวนมหาเสนาบดี ท่านพี่ลองคุยกับท่านพ่อดู ท่านพ่อรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ไม่แน่ว่าท่านพ่ออาจรู้ว่าฮ่องเต้อยากออกข้อสอบแบบไหนก็ได้”

เหลิ่งชิงเฮ่อลูบหัวของเธอด้วยความรัก “นั่นไม่ต่างอะไรจากการโกงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ชนะอย่างไร้ซึ่งศักดิ์ศรี”

เหลิ่งชิงฮวนย่นจมูกเล็กน้อย “หนอนหนังสือ”

พวกเขาพูดคุยหัวเราะกันขณะเดินออกจากวัดต้าหลี่ ภายใต้ดวงตาที่เศร้าหมองของเจ้าหน้าที่วัดต้าหลี่

มู่หรงฉียืนรออยู่ที่หน้าประตู เหลิ่งชิงเฮ่อรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อคำนับขอบคุณ

มู่หรงฉีพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องแนะนำผู้มีคุณธรรมให้กับประเทศ ไม่ต้องพูดถึงคำขอของชิงฮวน พี่ใหญ่ ยินดีต้อนรับ ข้าจะให้คนส่งท่านกลับไปที่ซานหลี่พัวก่อน ท่านกลับไปพักผ่อนที่จวนมหาเสนาบดีให้สบายใจ หลังจากนั้นเราจะจัดงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของท่าน”

เขาเรียกพี่ใหญ่อย่างเป็นธรรมชาติและคุ้นเคย ทำให้เหลิ่งชิงเฮ่อปลื้มใจ ต้องรู้ก่อนว่าเมื่อมู่หรงฉีเจอหน้าเสนาบดีเหลิ่ง เขายังเรียกเพียงตำแหน่งอย่างเป็นทางการซึ่งดูสุภาพและห่างเหินมา แล้วจะให้เขาทนรับคำว่า “พี่ใหญ่” อย่างไรไหว

เหลิ่งชิงเฮ่อรีบปฏิเสธอย่างสุภาพ “กระหม่อมมิบังอาจรบกวนท่านอ๋อง กระหม่อมจะให้เสี่ยวซือกลับไปเรียกที่จวนเอง”

“บังเอิญมีรถม้าพอดี เราครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นจะเกรงใจไปทำไมวันนี้ข้าขี่ม้ามา ท่านนั่งรถม้ากับจวนกับชิงฮวนก็ได้”

ไม่ได้ ถ้าม้าแดงของเขาเหนื่อยเกินไปล่ะ

เหลิ่งชิงฮวนรีบปฏิเสธทันควัน “ไม่ หม่อมฉันจะไปช่วยท่านพี่ย้ายบ้าน”

เหลิ่งชิงเฮ่อโต้กลับอย่างฉลาด “เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ให้บ่าวดูแลก็พอ ทำไมเจ้าต้องกังวลด้วย กลับจวนไปกับท่านอ๋องเถิด เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต่อไปอย่าทำตัวเอาแต่ใจจนท่านอ๋องต้องทนเพราะเจ้า”

มู่หรงฉีเหลือบมองเธออย่างเป็นสัญญาณเตือน

เหลิ่งชิงฮวนเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ “ไม่ไปก็ไม่ไป ทำไมถึงสั่งสอนข้าแบบนั้นเล่า จริงสิ หลังจากที่หมิงเย่ว์ผ่านเรื่องราวเลวร้ายจนยอมกลับตัวกลับใจ ข้าได้ส่งเขาไปที่บ้านของท่านแล้ว ท่านจะให้เขาไปอยู่ที่ไหนก็ตามใจแล้วกัน”

เหลิ่งชิงเฮ่อพยักหน้า ก่อนจะกล่าวลาทั้งสองและขึ้นรถม้ากลับไปที่สุสานก่อน

ที่นี่ไม่ไกลจากพระราชวังมากนัก เหลิ่งชิงฮวนไม่ต้องการขี่ม้า ทั้งสองจึงเดินจูงม้าไปด้วยกัน มู่หรงฉีจูงม้าด้วยมือข้างหนึ่ง ทั้งสองเดินเคียงข้างกันผ่านถนนที่มีประชากรเบาบางอย่างไม่รีบร้อน

“ของเปรี้ยวๆ แบบนี้ หากกินเยอะในคราวเดียวไม่เสียวฟันหรือ”

เหลิ่งชิงฮวนจิ้มบ๊วยแล้วยัดเข้าไปในปาก “หญิงมีครรภ์ต่างชอบอาหารรสเปรี้ยวหรือเผ็ดแบบนี้ทั้งนั้นไม่ใช่หรือ”

ดวงตาของมู่หรงฉีมืดลง “เราสองคนไม่พูดคำนั้นทุกครั้งที่เอ่ยปากไม่ได้หรือ”

“อย่างไรเราก็ต้องพูดเรื่องนี้กันอยู่ดี ในเมื่อตอนนี้เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบร่วมมือ ดังนั้นท่านควรเลิกอคติกับหม่อมฉัน เที่หม่อมฉันท้องมันไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน ท่านควรแสดงความห่วงใยต่อหม่อมฉันในฐานะเพื่อน ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติแบบนี้”

มู่หรงฉีเดินก้มหน้าลงพลางจ้องมองชายเสื้อที่ห้อยลงมาซึ่งปักด้วยลวดลายเมฆมงคลและลวดลายแห่งความปรารถนาด้วยด้ายสีทอง

“เจ้าคิดจะเก็บเด็กคนนี้ไว้จริงหรือ”

เหลิ่งชิงฮวนหยุดเคี้ยว “ทำไมถึงไม่เก็บไว้เล่า ตราบใดที่หม่อมฉันเลิกยุ่งเกี่ยวกับท่าน ชีวิตขอหม่อมฉันจะไม่เกี่ยวข้องกับราชสำนักอีกใช่หรือไม่”

“ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการหยุดเกี่ยวข้องกับราชสำนักเถอะ เจ้าจะอยู่ในคำนินทาของคนอื่นไปตลอดชีวิตไม่มีวันโงหัวขึ้นมาได้ เจ้าจะเลี้ยงเด็กคนนี้ด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร”

“ทำไมจะไม่ได้ เหลิ่งชิงฮวนถึงไม่มีพ่อตั้งแต่ยังเด็กแต่มันก็ไม่ได้ต่างกันไม่ใช่หรือ อย่างน้อยก็ดีกว่าผลแตงที่คนอื่นเลี้ยงดู

มู่หรงฉีลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ เปิดริมฝีปากอย่างช้า ๆ ด้วยความจริงจัง “แต่ชีวิตของเจ้าจะพังพินาศ เจ้าเคยคิดไหมว่าหากเจ้าเอาเขาออก หลายสิ่งหลายอย่างสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ อาจมีใครบางคนไม่สนใจอดีตและยอมรับความโง่เขลาในวัยเยาว์ของเจ้าได้ เต็มใจที่จะอยู่กับเจ้าได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขชั่วชีวิต ดีกว่าใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ภายใต้สายตาเย็นชาของผู้คนทั้งโลก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา