ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 133

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มแห้งๆ และทำเป็นเมินมู่หรงฉี และเข้าไปยิ้มให้กับพี่ชายของเธอ “ท่านพี่ ยินดีด้วยเจ้าค่ะ”

มู่หรงฉีหันไปโบกมือให้เธอ “มานี่”

เหลิ่งชิงฮวนเดินไปด้านหน้าสองก้าวอย่างว่าง่าย “ท่านอ๋องฉีก็อยู่หรือเพคะ เมื่อครู่นี้ช่างประหลาดนัก ไม่รู้ว่าผู้ชายบ้านไหนกันที่มีเสน่ห์มากขนาดนี้ จนทำให้ผู้คนฮือฮากันไปครึ่งถนน ที่แท้ก็เป็นท่านนั่นเอง มองแค่แวบเดียวจำไม่ได้เลยนะเพคะ”

เหลิ่งชิงเฮ่อเห็นน้องสาวตัวเองทำใจกล้าและยังกล้าใช้อาวุธลับกับท่านอ๋องฉีอีก เขาจึงรู้สึกผิดและรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อากาศร้อนแบบนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่รออยู่ที่จวนให้สบายล่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนชี้ไปยังกล่องข้าวในมือของโตวโตว “กลัวว่าแดดจะแรง แล้วท่านพี่จะทนไม่ไหวเจ้าค่ะก็เลยเอาไอศกรีมถั่วเขียวมาให้”

มู่หรงฉียกยิ้มขึ้นน้อยๆและยื่นมือไปทางเธอ ในมือของเขามีแผ่นแป้งที่ไม่มีน้ำซุปเปลี่ยนรูปร่างไปจนจำไม่ได้อยู่ในนั้น “ข้าเองก็หิวแล้ว มีแค่ซาลาเปางั้นหรือ”

เหลิ่งชิงฮวนมองซ้ายมองขวา ผู้คนนั้นได้หยุดดูเรื่องสนุกที่จะเกิดขึ้น “คนผู้นี้คือท่านอ๋องฉีผู้สูงส่ง คันแน่ใจแล้วว่าอยากจะให้ผู้คนเห็นท่านตอนกำลังกิน”

มู่หรงฉียกมือขึ้นแล้วเอาซาลาเปานั้นเข้าปาก เขากินมันย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นก็คลำผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาจากในอกขึ้นมาเช็ดคราบน้ำมันบนมือ เขามีสีหน้าเย็นชา “ถั่วเขียวบดละ เลือกปฏิบัติแบบนี้ไม่ดีกระมัง”

เหลิ่งชิงเฮ่อมองดูน้องเขยของตัวเองกำลังหึงอย่างออกหน้าออกตา เขาก็พึมพำออกมาว่า “ข้าไม่หิว”

โตวโตวได้ยื่นถั่วเขียวบดที่อยู่ในกล่องอาหารมาให้

เหลิ่งชิงฮวนรับเข้ามาไว้ในมือและเดินไปด้านหน้าของมู่หรงฉีอย่างรับสภาพ เธอยืนอยู่ด้านหน้าของม้าเขา และพยายามเขย่งตัวขึ้น มือทั้งสองข้างที่ถือของเอาไว้อยู่ก็พยายามยื่นส่งไปให้เขา

มู่หรงฉีค้อมกายลงเล็กน้อยและยื่นมือไปทางเธอ เขาไม่ได้รับถั่วเขียวบดนั้นมาแต่กลับคว้าเข้าที่ข้อมือของเธอ เธอร้องขึ้นอย่างตกใจราวกับว่าตัวของเธอนั้นได้บินขึ้น จากนั้นเอวบางของเธอก็ถูกมู่หรงฉีรั้งเอาไว้แน่อย่างมั่นคงบนหลังม้า

โถ่ใส่ถั่วเขียวโหวตนั้นสั่นจนตกลงมาและแตกกระจายเป็นชิ้นๆ

“ถั่วเขียวบดของข้า! มู่หรงฉี เจ้าคนบ้าอำนาจ!”

มู่หรงฉ๊หัวเราะออกมาอย่างไม่มีเสียงและหันไปพูดกับเหลิ่งชิงเฮ่อด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “เห็นไหมล่ะว่าน้องสาวของเจ้านั้นกล้าหาญขนาดไหน ก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกข้าว่านางนั้นอ่อนแอนักและกลัวว่าข้าจะไปรังแกนาง”

เหลิ่งชิงเฮ่อส่ายศีรษะอย่างระอาใจ “ท่านอ๋องเอาอกเอาใจจนเป็นแบบนี้ จะโทษคนอื่นไม่ได้หรอก”

เอาใจจนเป็นแบบนี้?

ผู้หญิงที่ถูกเอาใจคนไหนกันที่กระด้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างฉัน? นี่มันสายตาอะไรกันพี่ชาย

มู่หรงฉีหัวเราะ “หึหึ” ออกมา “ทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้นสินะ มีเหตุผล”

เหลิ่งชิงฮวนไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว “รังเกียจที่หม่อมฉันกล้าหาญงั้นท่านจะยังดึงหม่อมฉันไว้ทำไมเพคะ ยังไม่ปล่อยหม่อมฉันอีก?”

มู่หรงฉีก้มหน้าลง “ข้างหน้าก็จะเป็นจวนมหาเสนาบดีแล้ว ข้าเชื่อว่าในเวลานี้แขกเหรื่อมาแสดงความยินดีกันเต็มไปหมด งานเลี้ยงฉลองที่น่ายินดีนี่คงไม่ได้รับเชิญแล้ว เจ้ากลับจวนกับข้าหรือจะอยู่ต่อ?”

เหลิ่งชิงฮวนคิดอยู่พักหนึ่ง มีคนพลุกพล่านอีกทั้งพวกเขายังเป็นขุนนางที่ทำงานร่วมกับท่านพ่อซ฿งน่ารำคาญจริงๆ เธอจึงทำได้เพียงพูดอย่างจำยอมว่า “กลับจวนอ๋องแล้วกันเพคะ”

มู่หรงฉีกระตุกบังเหียนม้าและหันไปพูดกับเหลิ่งชิงเฮ่ออย่างเป็นกันเองว่า

“งั้นข้ากับเหลิ่งชิงฮวนกลับจวนก่อน พรุ่งนี้ที่งานเลี้ยงฉงหลิน พี่ใหญ่จะเอาอย่างไร เจ้าต้องเตรียมตัวนะหรือไม่ก็ให้ดีไปปรึกษากับมหาเสนาบดีเหลิ่ง”

เหลิ่งชิงเฮ่อมีสีหน้าเป็นกังวล “ขอบคุณท่านอ๋องที่เตือน แต่ในตอนนี้กระหม่อมเองก็ยังคิดหาวิธีไม่ได้”

เหลิ่งชิงฮวนถามอย่างแปลกใจว่า “อะไรกันเจ้าคะ งานเลี้ยงฉงหลินไม่ใช่ว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายมากหรือเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงเฮ่อหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น มู่หรงฉีช่วยอธิบายแทนเขาว่า “เจ้ารู้เรื่องการเลือกคู่ของบัณฑิตที่ได้สอบได้ในลำดับแรกๆไหม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา