ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 134

การเข้าวังครั้งนี้เหลิ่งชิงฮวนตัดสินใจพาแม่นมเตียวไปด้วย หลักๆคือแม่นมเตียวนั้นเคยอยู่ในวังมาก่อนและนางรู้เรื่องกฎระเบียบในวังเป็นอย่างดี

เคยได้ยินมาว่าถนนในวังนั้นราวกับมีสิบแปดโค้งบนภูเขาราวกับหลงทางอยู่ในวังอย่างไรอย่างนั้น ใจของคนในวังหลวงเองก็เคี้ยวคดเหมือนกันถนนในวังนั้นเอง ถ้าไม่มีคนฉลาดอยู่ข้างกายก็เท่ากับว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบ

จริงแท้ หลังจากที่เธอเข้าวังมาแล้ว มู่หรงฉีก็ทิ้งเธอเอาไว้

มู่หรงฉีบอกว่าวันนี้ในวังมีคนมาก คนจำนวนมากล้วนเป็นคนแปลกหน้า สิ่งเดียวที่กลัวคือการจะมีอะไรถูกละเว้นและมอบโอกาสให้กับผู้อื่น ดังนั้นเขาจะไปตรวจดูสักหน่อย

และกำชับกับแม่นมเตียวโดยเฉพาะเลยว่าให้พาเธอไปพักที่เรือนซู่อวี้

เรือนซู่อวี้อยู่ใกล้กับกับสวนฉงหลิน ชั้นสองเป็นห้องใต้หลังคาที่รับลมได้สี่ทิศทางซึ่งประดับไปด้วยผ้าม่านผืนบางสีขาวราวกับไข่มุก เหล่าหญิงสาวนั่งอยู่ด้านหลังผ้าม่าน เพียงแค่ชะเง้อคอก็สามารถมองเห็นเหล่าบัณฑิตใหม่นั่นได้ทั้งหมด มองขึ้นไปเหนือสวนฉงหลินก็เห็นร่มเงามากมาย

ความตั้งใจของราชวงศ์นั้นชัดเจน นั่นก็เพื่อให้เหล่าราชนิกูลหญิงซ่อนอยู่ด้านหลังผ้าม่านผืนบางนี่เพื่อเลือกคนที่ถูกใจ

เหลิ่งชิงเฮ่อหลีกหนีราวกับเจอสัตว์ร้ายและทุกคนต่างแห่กันไปแย่งชิง มีบัณฑิตที่สอบได้ระดับสูงหลายคนที่แทบรอไม่ไหวที่จะถูกเลือกและกลายเป็นราชบุตรเขย ได้ขึ้นไปในที่สูงอย่างสบายๆตลอดทั้งชีวิตนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่อีกต่อไป อีกทั้งยังมีฐานะที่สูงศักดิ์เชิดหน้าชูตาให้กับบรรพบุรุษ

เหลิ่งชิงฮวนมาถึงเร็ว แต่ที่เรือนซู่อวี้นั่นมีหญิงสาวชนชั้นสูงที่อรชรอ้อนแอ้นนั่งกันอยู่เต็มไปหมด ทุกคนพูดเสียงเบาและกระซิบกระซาบกัน ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่

เจ้าของร่างเดิมนั้นมีโอกาสเข้าวังน้อยและไม่เคยมีการไปมาหาสู้กับองค์หญิงมาก่อน พวกเธอจึงไม่รู้จักเธอ พวกเธอจึงเงยหน้าขึ้นและเหลือบตามองแวบหนึ่งก่อนจะหันหน้าไปพูดคุยกันและวิพากษ์อะไรกันสองสามประโยคเพื่อคาดเดาถึงฐานะของเธอ

เหลิ่งชิงฮวนนั้นหาตำแหน่งที่เงียบสงบให้กับตัวเองแล้วนั่งลง แม่นมเตียวพูดเสียงเบาแนะนำเหล่าเจ้านายในวังสองสามคนให้เธอได้รู้ นั่งกันเป็นลำดับ หลังจากนั้นผู้คนก็ยิ่งมาเยอะขึ้นเรื่อยๆภายในเรือนจึงคึกคักขึ้น

ในที่สุดก็มีคนร้องออกมาเสียงเบาว่า “มาแล้ว เข้าวังมาแล้ว!”

เหล่าหญิงสูงศักดิ์นั้นได้แย่งทำเลที่ดีกันมาตั้งแต่แต่แรกแล้วโดยที่แทบจะไม่สำรวมกันแล้ว เธอเปิดมุมหนึ่งของม่านและมองไปด้านนอกอย่างเงียบๆ

เหล่าบัณฑิตทยอยพากันเข้ามา ผู้ที่เดินนำมานั้นคือจอหงวนคนใหม่ที่เดินนำมาคนเดียวอย่างไม่มีผู้ติดตาม จากนั้นก็ตามด้วยปั๋งเหยี่ยนและทั่นฮัวที่นั่งสองคนหนึ่งโต๊ะ จากนั้นก็ตามด้วยลำดับถัดๆไปที่นั่งโต๊ะละสี่คน

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดก่อนและถอนหายใจอย่างหมดหวังว่า “แม้ว่าจอหงวนคนนี้จะมีรูปลักษณ์สง่างาม แต้ว่าด้วยอายุของเขาแล้วเขาต้องแต่งงานแล้วแน่ๆ”

“เป็นพวกหน้าตาขี้เหร่ทั้งนั้นเลย อ่อนแอจนแทบปลิวไปตามลม สู้พวกผู้ดีในราชสำนักไม่ได้เลย”

“ดูไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ยังมีแค่คุณชายใหญ่ของจวนมหาเสนาบดีที่หล่อที่สุด ครอบครัวก็ดี การศึกษาก็ดี คนอื่นนั้นสู้ไม่ได้เลย”

คนที่พูดประโยคนี้คือหญิงสาวเจ้าเนื้อคนหนึ่ง มองอย่างไรเธอก็ดูกลมดิกเธอแทบจะปริในชุดชาววังสีเหลืองแม้แต่นิ้วของเธอก็ดูบวมราวกับพองลมเอาไว้

เธอยืนพูดคุยอยู่กับเหล่าสาวงามที่เอวบางร่างน้อย ซึ่งเป็นที่สนใจของคนอื่นได้ง่ายราวกับว่าเธอเป็นสัตว์อนุรักษ์ระดับชาติอย่างแพนด้า

เหลิ่งชิงฮวนนั้นได้รู้ถึงตัวตนของเธอจากปากแม่นมเตียวแล้ว เธอคือองค์หญิงเจ็ดลวี่อู๋แห่งพระสนมเสียนผินซึ่งเป็นน้องสาวขององค์ชายสี่

“ดีแล้วอย่างไรล่ะ คงจะไม่เหลือมาถึงเจ้าหรอก ต่อให้มาถึงก็ต้องเป็นคนที่คุณชายตระกูลเหลิ่งนั้นต้องตา”

มีคนพูดสาดน้ำเย็นเข้ามาจนทำให้หลายๆคนหัวเราะขึ้น จากนั้นก็มองไปที่หญิงสาวรูปงามที่อยู่ข้างหน้าต่างอย่างพร้อมเพรียง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา