ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 135

“ในตอนแรกทุกคนบอกว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับอ๋องฉี ตำแหน่งพระชายาของอ๋องฉีน่าจะเป็นเธอไปแล้วแปดส่วน เธอจงใจแสดงออกหน้าทุกคนว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายอ๋องฉีก็ไม่พูดถึงเรื่องการแต่งงานกับจวนมหาเสนาบดี และยังต้องตาคุณหนูรองตระกูลเหลิ่งเพียงคนเดียวเหมือนกับเป็นการตบหน้าเธออย่างแรง เธอร้องไห้ไม่พบเจอใครอยู่สองวัน”

“ได้ยินมาว่าพระชายาของฉีอ๋องขี้อิจฉา น้องสาวแท้ๆของตัวเองก็ยังยอมกันไม่ได้ เธอคิดจะแต่งเข้าจวนอ๋องเกรงว่าจะยาก”

หลายคนมารวมตัวกันล้อมอยู่ที่ม่านกั้นผืนบางนั้นและเริ่มวิจารณ์กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยหรือเรื่องอะไรก็มีพูดคุยกัน ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน

ถ้าหากเป็นในเวลาปกติเหลิ่งชิงฮวนคงได้แค่ยิ้มออกมา แต่วันนี้ไม่รู้ว่าทำไมคำพูดวิจารณ์น่าเบื่อพวกนี้ถึงได้บาดหูจนใจของเธอไม่สงบ

โดยเฉพาะคำพูดขององ๕หญิงหรูอี้ที่พูดเรื่องเก่าขึ้นมาอีกครั้ง คำพูดที่พูดถึงตัวเธอในฐานะพระชายาของอ๋องฉีนั้นสกปรกไปหมด มันช่างเสียดแทง ไม่มีอะไรที่น่าฟังเลย

เหลิ่งชิงฮวนไม่สบอารมณ์แล้ว เดิมทีเธอก็ไม่ชอบที่อดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง เธอชอบให้มีใครบางคนมีความทุกข์เธอจึงจะสบายใจ

เธอแอบไปยังด้านหลังของกลุ่มคน มองทุกคนที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม เธอเขย่งเท้าขึ้นมองดูเรื่องตลกของมู่หรงฉี เธอยื่นมือไปยังบนโต๊ะที่มีลูกธนูขององค์หญิงหรูอี้

ที่เธอจะทำคือขโมยลูกธนูมาสักหน่อย จากนั้นก็แอบกลับไปยังที่ของตัวเอง

ไม่มีใครรู้สึกตัวเลยสักนิด สมบูรณ์แบบ

ที่ด้านล่างของห้องใต้หลังคา คนงามกำลังจะเดินจากไป มู่หรงฉีกลับดึงแขนเสื้อของเธอเอาไว้ จากนั้นทั้งสองคนก็ยื้อยุดฉุดกระชากกันเข้าไปในสวนป่าจึงทำให้มองคนทั้งสองได้ไม่ชัดเจน คนกลุ่มนั้นถึงได้หยุดวิจารณ์กัน และหันกลับมามองที่งานเลี้ยงฉงหลินอีกครั้ง

มีขันทีส่งเสียงร้องออกมา ฮ่องเต้นั้นมาช้า

ร่างสูงใหญ่นั้นสวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลือง บนศีรษะมีหมวกมังกรเก้าตัว ใบหน้าสี่เหลี่ยม จมูกสิงโตและปากที่กว้าง เขามีเคราที่สวยงาม มีกลิ่นอายสูงศักดิ์ที่ไม่ธรรมดาแผ่ออกมาอย่างรุนแรงจนทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะมองตรงๆ

คนที่ร่วมงานเลี้ยงทุกคนหมอบตัวลงและถวายพระพร

หลังจากที่ฮ่องเต้นั่งลงบนบัลลังก์มังกรแล้ว ขันทีก็อ่านราชโองการ และทุกคนกฌกลับเข้าไปนั่งที่ของตัวเอง

สิ่งเหล่านี้นั้นเหลิ่งชิงฮวนไม่ได้ให้ความสนใจ จิตใจทั้งหมดของเธอนั้นไปอยู่ที่มู่หรงฉีและคนงามที่อยู่ในป้าเล็กๆนั่น ทั้งสองคนเข้าไปนานแล้ว ทำไมถึงยังไม่ออกมาเสียที

กลางวันแสกๆ อีกทั้งยังเป็นงานเลี้ยงฉงหลิน พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ มันอนาจารนะ ตัวเธอในฐานะที่เป็นพระชายาอย่างถูกต้องควรที่จะลงไปจับชู้ไหม? หลังจากนั้นก็ประณามทั้งสองคน และหลีกทางให้กับผู้หญิงคนนั้นเพื่อให้ชายหญิงที่ลักลอบคนกันคู่นี้ได้สมหวัง?

เมื่อความคิดนี้แล่นขึ้นมาก็ราวกับว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีเข็มทิ่มแทงเธอ และเธอก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว เธอลุกขึ้นยืนเสียงดัง “ปึง”

เมื่อเห็นว่างานเลี้ยงนั้นเริ่มคึกครื้น องค์หญิงหรูอี้ก็หันไปหยินลูกธนูที่อยู่ด้านหลังของเธอ

ในชั่วขณะนั้นเองเสียงของผู้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ก็หายไป ทุกคนจ้องไปที่องค์หญิงหรูอี้อีกทั้งยังส่งสายตาให้พวกเธอช่วยเปิดผ้าม่านผืนบางนั้นขึ้น

เหลิ่งชิงฮวนชะงักฝีเท้าไป เป็นการเลือกคู่แบบยิงลูกศรสองดอกจริงด้วย!

องค์หญิงหรูอี้เอียงศีรษะราวกับยังตัดสินใจได้ไม่ถูก

เหลิ่งชิงฮวนฟังคนรอบข้างที่ลดเสียงลงและพูดกับองค์หญิงลวี่อู๋ว่า “ที่จริงแล้วเมื่อพูดถึงพื้นเพครอบครัวและคุณสมบัติแล้ว คุณชายเหลิ่งผู้นี้นั้นไม่ได้ดีไปว่ารัชทายาทเสิ่นเลย”

ลวี่อู๋ร้อง “หึ” ออกมา “เจ้าไม่เข้าใจ รัชทายาทเสิ่นนั้นแพ้อยู่ที่คำว่า “อำนาจ” เพียงคำเดียว”

หรูอี้ค่อยๆเล็งคันธนูออกแล้วเล็งไปทางเหลิ่งชิงเฮ่อ เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาในทันที

หรูอี้ง้างคันธนูออกอย่างลังเล ในที่สุดลูกธนูก็ถูกยิงออกไปท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้คนแต่มันกลับไม่แม่นยำและปักลงบนตูดไก่เคลือบซอสกุ้ยฮัวที่อยู่ด้านหน้าของเหลิ่งชิงเฮ่อ

ผลลัพธ์นี้เหนือความคาดหมายของทุกคนเล็กน้อย ไม่มีใครกล้าหัวเราะออกมาและพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ มุมปากของพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะยกมันขึ้น มีเพียงแต่เหลิ่งชิงฮวนที่หัวเราะอยู่ด้านหลังจนแทบจะกรามค้าง

ลูกธนูเลือกคู่ของหรูอี้นั้นกลับเลือกไก่ย่าง เพียงพริบตาก็กลายเป็นเรื่องสนุกของทุกคนไม่ใช่แค่อับอายธรรมดา ใบหน้าสวยหมดจดของเธอแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึงในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา