ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 144

มู่หรงฉีสีหน้านิ่งขรึม เมื่อกลับมาถึงจวน ก็ยังคงอุ้มเธอเดินตรงไปที่ตำหนักฉาวเทียน

โตวโตวมองคุณหนูของตัวเองด้วยสายตาเป็นกังวล ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถาม

มู่หรงฉีวางเหลิ่งชิฮวนที่บนเตียงอย่างแผ่วเบา หันไปสั่งกับโตวโตวให้ไปเตรียมน้ำกับผ้ามา

โตวโตวรีบไปทำตามรับสั่งอย่างลุกลี้ลุกลน มือไม้สั่นเทาไปหมด

มู่หรงฉีกระซิบถามเสียงทุ้มต่ำอย่างอ่อนโยน “เจ้าอยากจะให้ข้าเปลี่ยนชุดให้ หรือจะให้โตวโตวเปลี่ยน?”

ไม่อยาก! ให้ท่านเปลี่ยนเนี่ยนะ? อย่าแม้แต่จะคิด!

เหลิ่งชิงฮวนจับที่คอเสื้อที่ถูกฉีกขาดอย่างประหม่า จ้องมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง “ข้าอยากนอนเพคะ!”

“ก็ได้ นอนซะ เดี๋ยวข้าจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้เจ้าก่อนแล้วค่อยกลับ”

เหลิ่งชิงฮวนทำจมูกฟุดฟิด “เชิญเสด็จกลับเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”

มู่หรงฉีลุกขึ้นอย่างเชื่อฟัง “ก็ได้ ข้าไปล่ะ เจ้าก็ใช้น้ำเย็นประคบที่ตาซะ จะได้ตาไม่บวมปูดเป็นลูกระฆัง”

คิดจะมาเอาอกเอาใจงั้นเหรอ? เหลิ่งชิงฮวนกัดฟังกรอด “ท่านไม่ต้องมาสนใจข้า”

มู่หรงฉีลำบากใจ เม้มปาก เดินสวนกับโตวโตวออกจากห้องไป

โตวโตวถืออ่างน้ำมา ไม่กล้าพูดอะไรกับเขา เหมือนกับหนูเจอแมว ก้มหน้าก้มตาเดินเรียบกำแพงเข้าไปในห้อง หลังจากนั้นก็ถามด้วยความเป็นห่วง “คุณหนูร้องไห้หรือเจ้าคะ?แล้วทำไมถึงใส่เสื้อผ้าผู้ชายได้ล่ะ? อ๊ะ แล้วทำไมเสื้อผ้าขาดรุ่ยเยี่ยงนี้ล่ะเจ้าคะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

หลังจากนั้นเหลิ่งชิงฮวนกัดฟันพูดอย่างแค้นเคืองใจ “ระหว่างทางเจอหมาบ้าตัวหนึ่ง ทั้งขู่ทั้งกัด”

โตวโตวตกใจขึ้นมาทันที “บาดเจ็บรุนแรงหรือเปล่าเจ้าคะ? บาดเจ็บตรงไหน? คุณพระคุณเข้า ทำไมตรงคอถึงได้มีรอยช้ำอยู่ล่ะ? หมาตัวนี้มันลงมือทำคุณหนูได้ยังไงกันนะ? ไม่สิ ใช้ปากสิ?”

มู่หรงฉีใจเต้นตึกตักจนหน้าแดง เอียงหูแนบฟัง

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไร โชคดีที่ท่านอ๋องมาช่วยได้ทันเวลาพอดี”

“ขอบคุณสวรรค์ ต่อจากนี้ไปถ้าคุณหนูจะออกจากไปข้างนอกต้องพาโตวโตวไปด้วยนะเจ้าคะ องค์รักษ์ทั้งสองนั้นไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ รูปร่างสูงกำยำไม่มีประโยชน์เอาซะเลย ช่วงเวลาหน้าซิ่วหน้าขวานท่านอ๋องก็ยังดีกว่า”

“พาเจ้าไปด้วยแล้วจะมีประโยชน์อันใด? เจ้าสู้กับหมาไหวหรือไง?”

“ต่อให้สู้ไม่ได้ โตวโตวก็สามารถยื่นแขนออกไปให้มันกัดบ่าวแทนได้นะเจ้าคะ”

ภายในห้อง เหลิ่งชิงฮวนก็“หลุดหัวเราะ”ออกมา เจ้าโตวโตวซื่อบื้อน่ารักเสียจริงนะ

มู่หรงฉีค่อยสบายใจ แต่เมื่อคิดดูอีกที มันไม่ถูกต้องนี่นา

ก็เห็นๆอยู่ว่าเรื่องในวันนี้ผู้หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายผิด ตัวเองได้รับรายงานจากองค์รักษ์สองคนนั่น ให้ระดมพลทหารไปปราบปราม ทำไมผลสุดท้าย ตัวเองกลับกลายเป็นฝ่ายผิดได้ล่ะ?

ตนเองมาสังเกตสีหน้านางอย่างระมัดระวังเพื่ออะไรกัน? นางจะร้องไห้ก็ร้องไปสิ เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าตนเองซะหน่อย ตนเองมาเครียดอย่างนี้ จะโอนอ่อนคล้อยตามไปเพื่ออะไร?

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด

เมื่อนึกถึงตอนที่อยู่เรือนหลิงหลางฉากที่ทำให้คนใจเต้นตึกตัก นึกถึงประโยคที่เหลิ่งชิงฮวนพูดร้องไห้สะอื้น ในใจก็ยิ่งโกรธเป็นไฟมากขึ้น ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะตีโพยตีพายออกมา

ผู้ชายคนนั้นที่ครอบครองนางมันเป็นใครกันแน่? ข้ามู่หรงฉีจะต้องฆ่ามันให้จงได้!

ช่วงเวลาหนึ่งที่ในใจนั้นคับแค้นสุดจะทน รีบสาวเท้าก้าวเดินออกไปจากตำหนักฉาวเทียน ตะโกนเรียกอย่างเสียงดัง “ทหาร!”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดวิ่งหน้าตั้งมาอย่างขันแข็ง “ท่านอ๋องมีอะไรจะรับสั่งขอรับ?”

มู่หรงฉีกวาดตามองขึ้นลงไปที่เขา “จัดการเรียบร้อยแล้ว?”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดยืดเส้นยืดสาย “ก็ไม่ได้ต่างจากคนสักเท่าไหร่ขอรับ”

“คันมือหรือไม่?”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดคันไม้คันมือ “มีภารกิจหรือขอรับ?”

มู่หรงฉีคิดแล้วคิดอีก “ช่างเถอะ ข้าไปพาเจ้าไปละ มิเช่นนั้นคงไม่เพียงพอสำหรับข้าแน่ ข้าไปเองดีกว่า อยากมานานแล้ว”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดตื้ออย่างไม่ยอมลดละ “กระหม่อมจะไม่ลงมือ ขอเพียงแค่เป็นกำลังเสริมอยู่ด้านหลังท่านก็ไม่ได้เหรอพะยะค่ะ?”

มู่หรงฉีพึมพำ “ ไป! ฆ่าไอ้พวกคนชั่วระบายความโกรธ”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดตาแจ้งใจสว่าง มองแวบเดียวก็รู้แล้ว ว่าเป็นเพราะพระชายาเป็นแน่ที่ทำให้ท่านอ๋องคับอกคับใจ ฉลาดไม่มีที่ติ ถือดาบอยู่ด้านหลังท่าทางอาจหาญ “ไป!”

เมื่อเหลิงชิงฮวนนอนหลับสักงีบ อารมณ์ก็รู้สึกดึขึ้นมาก

ช่วงอารมณ์ชั่ววูบของมู่หรงฉีที่ทำลายความสัมพันธ์ที่ทั้งสองพยายามที่จะรักษามันเอาไว้ลง ทำให้ความสัมพันธ์ในการร่วมมือกันนั้นไม่เรียบง่าย เมื่อนึกถึงเขา ก็อดที่จะหน้าแดงใจเต้นระรัวไม่ได้

เหลิ่งชิงฮวนไม่รู้ว่าจะมองหน้ามู่หรงฉีอย่างไร มู่หรงฉีเองก็ไม่รู้ว่าจะมองหน้าเหลิ่งชิงฮวนอย่างไรเช่นกัน

ทั้งสองคน คนนึงหลบ ส่วนอีกคนนึงหนี อาศัยอยู่ในจวนเดียวกัน กลับไม่กล้าเจอหน้ากัน ความสัมพันธ์ละเอียดอ่อนมาก

โตวโตวรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ชะโงกหน้ามองออกไปนอกประตู หลังจากนั้นก็หันหน้ามองเจ้านายของตัวเอง

แล้วพูดอย่างจริงจัง “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวสังเกตเห็นหลายวันมานี้ท่านอ๋องทำตัวลับๆล่อๆ แกล้งทำเป็นเดินผ่านหน้าประตูเรือนพวกเรา หลังจากนั้นก็แอบมองเข้ามาด้านใน”

เหลิ่งชิงฮวนพูดเสียงเย็นชา “เขากับเหลิ่งชิงหลางถ่านไฟเก่ากลับมาครุกรุ่นอีกครั้ง เป็นธรรมดาที่ต้องขยันไปที่เรือนจื่อเถิง เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย”

โตวโตวจับที่ผม “แต่บ่าวรู้สึกว่า ท่านอ๋องแอบมามองคุณหนูนะเจ้าคะ เมื่อกี้ ท่านอ๋องเดินผ่านหน้าประตูเรือนสามครั้งแล้วนะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนแหงนหน้ามองท้องฟ้า ระทมทุกข์เล็กน้อย “โรคพิษสุนัขบ้าเจ้าเคยได้ยินชื่อนี้หรือไม่?”

โตวโตวสับสนงุนงงเล็กน้อย ส่ายหัวแล้วก็พยักหน้า

“เขาคงกลัวข้าจะแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าหลังจากที่ถูกหมาบ้ากัด เพราะงั้นเลยต้องเดินอ้อมประตูตำหนักฉาวเทียน เพื่อที่จะหลบเลี่ยงหากข้าเกิดคลุ้มคลั่ง ก่อเรื่องไปกัดเขาเข้า”

โตวโตวไม่เชื่อ “ท่านอ๋องตรัสบอกว่าเขาเองก็ถูกหมาบ้ากัดเช่นกัน ทั้งยังกัดที่ปากอีก แล้วเขาจะไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าด้วยหรือเจ้าคะ?”

เหลิ่งชิงฮวนหรี่ตามอง “เจ้าไปฟังใครพูดมา?”

“รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดพูดน่ะเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนถูกตอกหน้าหงายไป เจ้ามู่หรงฉีนี่ช่างไร้มนุษยธรรมจริงๆเลย ถูกหมาบ้ากัดปากอย่างนั้นเหรอ? ฉากภาพที่สวยงดงามเยี่ยงนั้น ไม่กลัวคนในจวนหัวเราะเยาะเอาหรือไงกัน?

เป็นอย่างที่คิดจริงๆสิน้า หน้าไม่อายจริงๆ ทั่วหล้าไร้ผู้ต่อต้าน ตนเองก็ไม่ใช่คู่แข่ง

เธอกำชับอย่างจริงจัง “ครั้งหน้าถ้าท่านอ๋องเดินผ่านประตูเรือนอีก เจ้าจะต้องหลบให้ห่างจากเขานะ คนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ก็สามารถกัดคนได้เหมือนกัน”

โตวโตวยังคงไม่เข้าใจ “คุณหนูเจ้าคะ ครั้งก่อนคุณหนูออกไปข้างนอกกับคุณชายรองตระกูลฉี หายไปไหนมากันแน่เจ้าคะ? ทำไมถึงได้โดนหมาบ้ากัดเอาได้? อีกทั้งได้ยินมาว่าก่อนหน้านั้นคุณชายรองมาที่จวน สุดท้ายก็ถูกท่านอ๋องปิดประตูไม่ต้อนรับ โกรธมากเลยล่ะเจ้าค่ะ หรือว่าจะเป็นสุนัขของคุณชายรองตระกูลฉี?”

เฮ้ ทำไมตอนนี้โตวโตวถึงได้ขี้สงสัยขนาดนี้นะ? ชอบซักถามต้นตออยู่นั้นแหละ ถามในสิ่งที่ไม่ควรถามเอาเสียเลย

“อันนี้เจ้าคงจะต้องไปถามท่านอ๋องด้วยตัวเจ้าเองแล้วล่ะ”

“ท่านอ๋องเสด็จไปที่เรือนจื่อเถิงแล้ว ได้ยินว่าสองวันมานี้ คุณหนูรองหลงระเริงอย่างมาก วันนี้ก็ให้คนในครัวเตรียมโต๊ะงานเลี้ยงรับแขก ทำกับจื่อชิวสองคน คนหนึ่งดีดขิม ส่วนอีกคนร่ายรำ ปรนนิบัติท่านอ๋อง”

เหลิ่งชิงฮวนเบะปาก “น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเดินเหินกลางอากาศได้ ไม่เช่นนั้นจะแอบไปดูเสียหน่อย แม่นางทั้งสองนั้นสามัคคีร่วมมือได้ดีแค่ไหน”

โตวโตวเบิกตาโพลง “คุณหนูไม่หึงเลยหรือเจ้าคะ?”

ทำไมต้องหึงด้วย?

รูปเต่าที่ข้าวาดยังอยู่บนหลังของเขา ข้าอยากจะเห็นมู่หรงฉีไม่อายเมื่อต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเหลิ่งชิงหลางหรือไม่?

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจอย่างจนปัญญา “การหึงหวงอย่างพอเหมาะนั้นทำให้เส้นเลือดอ่อนลง ป้องกันการเกิดความดันโลหิตสูง เพิ่มความอยากอาหาร และบํารุงผิวพรรณ แต่ถ้าหากหึงหวงมากจนเกินไปจะส่งผลกระตุ้นต่อระบบทางเดินอาหารเป็นอย่างมาก แถมยังทำลายฟันอีกด้วย เพราะฉะนั้น ต้องพอเหมาะพอดี”

การพูดแทรกเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้โตวโตวงุนงงสับสน

ที่ด้านหน้ามีคนแอบเข้ามาทางด้านหลังสวน แอบด่อมๆมองๆอยู่ที่หน้าประตูตำหนักฉาวเทียน หลังจากนั้นก็หันหน้าเดินเข้าไปด้านใน

โตวโตวสายตาเฉียบแหลม “ทำอะไรน่ะ?”

เจ้าคนนั้นอยู่ชะงักฝีเท้าทันที “คือซื่อจื่ออ๋องเสิ่นแห่งจวนกั๋วกงเสด็จมาขอเข้าพบพระชายา”

โตวโตวร้อง “โอ้” ยังคงไม่ยอมแพ้สินะ “ แล้วเหตุใดเจ้าจึงวิ่งเข้ามาโดยไม่ส่งเสียงเลยสักคำ?”

คนที่มานั้นอ้ำอึ้งพูดไม่ออก

“ยังไม่รีบพูดอีก? เจ้าต้องไปกราบทูลให้ท่านอ๋องทราบเสียก่อน”

ชายคนนั้นทำหน้าเหยเก ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

เหลิ่งชิงฮวนทำมือบอกปัดไม่เป็นไร ไม่อยากที่จะทำให้เขาลำบาก จัดระเบียบชุดกระโปรงของตัวเอง แล้วเดินไปที่โถงด้านหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา