ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 161

เหลิ่งชิงฮวนนอนลงตรงหน้ามู่หรงฉี และผ่อนลมหายใจออกมาอย่างสบายใจ

จิ่นอวี๋ถึงกับมึนงง นิ่งเป็นสากกะเบือยืนอยู่ข้างเตียง “พี่สะใภ้ ท่าน นี่ท่าน...”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มน้อยๆ “ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะเจ้าค่ะ ที่ต้องรบกวนแม่นางจิ่นอวี๋มาช่วยเฝ้าพวกเราทั้งคืน เกรงว่าคืนนี้ข้าคงไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ แต่ช่วยไม่ได้จวนท่านอ๋องฉีมีขนาดเล็ก เจ้าดูสิห้องตำราของท่านอ๋องยังมีน้ำฝนรั่วลงมาอีก ไม่มีที่ให้หลบเสียแล้ว ข้าทำได้เพียงต้องมานอนเบียดเสียดรวมกันเช่นนี้”

ก็แค่ประชันว่าใครหน้าหนากว่ากันไม่ใช่หรือ?

หากพวกเราสองคนนอนบนเตียงเดียวกัน นั่นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ไม่มีใครกล้าพูดว่าได้

ในทางกลับกันเจ้าเป็นแค่แม่นางที่ยังไม่ได้แต่งงานออกไป ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้ายังจะยืนจ้องมองพวกเราสองคนนอนหลับไปทั้งอย่างนั้นได้

จิ่นอวี๋ไม่ได้ขยับไปไหนเลย ยืนอยู่กับที่ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความโกรธเคือง ในใจก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

เหลิ่งชิงฮวนบอก ราตรีสวัสดิ์ กับนางหนึ่งคำ จากนั้นก็ยิ้มๆและหรี่ตาลงหลับตาไป

ใครจะไปคาดคิดว่าจิ่นอวี๋จะหนังหน้าหนา หน้าหนากว่านางเสียอีก มู่หรงฉีเห็นว่าการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองถึงจุดเดือดแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ผลสรุปอะไร แต่ตัวเองได้กำไรเนอะๆ เพราะอยู่ ๆ ก็ได้ภรรยาเนื้อแน่นคนหนึ่งมาอยู่ข้างกาย เขาจึงขยับตัวเข้าหาเหลิ่งชิงฮวนแล้วเข้าไปถูไถไปมา จากนั้นก็ยื่นแขนกางออกไป ดึงตัวเหลิ่งชิงฮวนมาไว้ในอ้อมแขน

ร่างกายของเหลิ่งชิงฮวนแข็งทื่อ แต่ไม่ได้ต่อต้านอะไรกลับไป แต่ยังเอาใบหน้าเข้าไปถูไถตรงไหล่ของมู่หรงฉี และพูดขึ้นด้วยเสียงหวานออดอ้อน “ท่านอ๋องไม่ได้อยู่ข้างกายเช่นนี้ ให้หม่อมฉันไปนอนกับโตวโตว นอนมาครึ่งค่อนวันนอนยังไงก็นอนไม่หลับเพคะ”

มู่หรงฉีตบหลังนางเบาๆ “เด็กดี ข้าก็อยู่ที่นี่แล้วไง นอนเถอะนะ”

เหลิ่งชิงฮวนเหมือนลูกแมวน้อยก็ไม่ปาน เขยิบเข้ามาในอ้อนแขนของเขาเข้าไปออดอ้อน เมื่อหาท่าที่สบายตัวแล้วก็ทำปิดตาลง มือเล็กๆสอดเข้าไปอยู่ตรงกลางอกข้างที่หัวใจกำลังเต้นของมู่หรงฉีแล้วออกแรงหยิกเล็กน้อย

มู่หรงฉีสูดลมหายใจเข้าอย่างฝืนทนหนึ่งครั้ง ฉวยโอกาสตอนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขันทำเช่นนี้ ช่างเป็นอะไรที่สะใจสุดๆไปเลย

เขาประทับจูบลงไปหนึ่ง หม๊วก บนหน้าของเหลิ่งชิงฮวน พร้อมพูดเสียงเบาอย่างเอ็นดู “อยู่นิ่งๆหน่อย อย่าลูบไล้อีกเลยยังมีคนนอกอยู่นะ วันนี้ต้องลำบากเจ้าอดทนหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะชดเชยให้เจ้านะ”

สติฟั่นเฟือนไปแล้ว ทำไมยังมีคนไร้ยางอายเช่นนี้อยู่อีก? ตัวเองนั่นแหละควรอยู่นิ่งๆก่อน ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงจะถูกทำลายให้เสียหายด้วยปากเน่าของเขาหมด

จิ่นอวี๋ยืนอยู่ที่ข้างเตียง มองดูทั้งสองคนนอนกอดกัน มันช่างทิ่มแทงใจเหลือเกิน ราวกับมีเข็มทิ่มแทงลงไปที่หัวใจก็ไม่ปาน ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่นาน ไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้อีก จึงหันหลังเดินกลับไปที่เรือนฉาวเทียนด้วยความเศร้าสลดใจ

เหลิ่งชิงฮวนแค่อยากจะเล่นละครให้สมบทบาทเสียหน่อย ใครจะไปรู้ว่าท่านอนแบบนี้ช่างสบายเลือกเกิน เพียงแค่หลับตาลงก็หลับลึก จนลืมตาไม่ขึ้นอีกต่อไปและก็นอนหลับไปเสียอย่างนั้นจริงๆ

เมื่อตอนกลางวันมู่หรงฉีได้นอนหลับอิ่มแล้ว รอจิ่นอวี๋จากไปก็ลืมตาขึ้นมา ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายแม้แต่น้อย เขาเหลียวตามองดูหญิงสาวในอ้อมแขนอยู่เช่นนั้น ไม่แม้แต่จะกะพริบตา

เหลิ่งชิงฮวนที่อยู่ในอ้อมแขนเขานอนหลับสนิมมาก ขนตาที่หนาและงอนของนางสะท้อนเป็นเงาดำที่ใต้ตา ปกปิดความดื้อรั้นที่เกิดขึ้นในตอนกลางวันเอาไว้ เหลือเพียงใบหน้าที่บริสุทธิ์และสงบนิ่ง

จมูกของนางกลมมนและตั้งตรง ราวกับถูกแกะสลักออกมาจากหยกขาวก็ไม่ปาน และริมฝีปากสีแดงๆเม้มเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวในขณะหลับ ช่างนุ่มนวลราวกับกลีบดอกไม้ก็ไม่ปาน

ครั้งหนึ่งเขาเคยลิ้มรสริมฝีปากแดงๆของนางอย่างเผด็จการ ตอนนี้เมื่อมาย้อนคิดถึงมัน ก็รู้สึกกระหายและคิดถึงมากกว่าอาหารรสเลิศสุดอลังการที่ตัวเองเคยได้ลองลิ้มรสมาเป็นไหนๆ เขาก้มศีรษะลงไปโดยไม่รู้สึกตัว ค่อยๆ ก้มเข้าไปสัมผัสเบา ๆ เหมือนดั่งแมลงปอแตะน้ำยังไงยังงั้น จากนั้นก็ถอนหน้าออกห่างอย่างไม่เต็มใจ

เพราะตอนนี้ตัวเองยังเป็นคนป่วยอยู่

เหลิ่งชิงฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย และส่งเสียงครวญครางออดอ้อนเหมือนดั่งแมวน้อย น้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนหวาน

นี่ยังเป็นผู้หญิงที่ป่าเถื่อน หยาบคายคนเดิมอยู่หรือไม่?

ในชั่วพริบตาหนึ่งมู่หรงฉีรู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังเปิดกล่องสมบัติอันล้ำค่าก็ไม่ปาน รู้สึกมีความสุขจนไม่อาจมีอะไรมาเปรียบเปรยได้ ที่แท้เหลิ่งชิงฮวนของเขาน่าดึงดูดได้ขนาดนี้เชียวหรือ เหมือนดั่งมนุษย์ที่ทำจากน้ำตาล ทั้งหอมทั้งหวานถึงเพียงนี้

สายตาของเขาละออกไปจากใบหน้าของนางอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นจึงทอดสายตาลงไปมองที่คอเสื้อของนาง

เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์ จึงเห็นได้ชัดว่านางช่างดูมีน้ำมีนวล เมื่อนอนตะแคงบนเตียง คอเสื้อจึงเปิดกว้างออก สามารถมองเห็นร่องอกอันน่าดึงดูดใจ ที่เผยให้เห็นไม่ได้ชัดเจนนัก และเอวก็เริ่มหนาขึ้นมากเช่นกัน

ก่อนหน้านี้พอพูดถึงเรื่องที่นางตั้งครรภ์ขึ้นมาก็ทำให้เขารู้สึกโกรธเดือดดาลขึ้นมา เหมือนกับว่าได้รับความอัปยศอดสูอย่างมาก ช่างท้าทายความภาคภูมิใจในฐานะบุรุษของเขาอย่างรุนแรง

แต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกปวดใจเท่านั้น แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่านางเคยเจออะไรมาบ้าง แต่คนคนหนึ่งกลับต้องมาแบกรับเอาไว้คนเดียวเงียบ ๆ เหมือนดั่งต้นหญ้าต้นเล็ก ๆ ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งออกมาจากซอกหินก็ไม่ปาน พยายามแสวงหาทุกหนทางในการมีชีวิตอยู่ให้รอด สิ่งนี้มีค่าพอที่จะทำให้หัวใจของเขาอ่อนไหวจนสับสน

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ตัวเองเริ่มที่จะไม่รังเกียจนางอีก และค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นชอบพอ

ความรู้สึกนี้ถูกสะกดเอาไว้ในใจแต่กลับไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งชายชุดแดงปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าเขาจะต่อสู้ด้วยเพียงครั้งเดียว แต่จริง ๆ แล้วเขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามต่อตนเองของอีกฝ่ายได้ และความหึงหวงทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกายของเขาหลั่งไหลออกมา จึงทำให้เขารู้ชัดว่าเหลิ่งชิงฮวนได้กลายเป็นสมบัติที่เขาไม่ต้องการให้คนอื่นมาแอบมอง

เหลิ่งชิงฮวน หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลและมีอุปสรรคอีกมาก ข้าไม่มีทางปล่อยมือเจ้าไปง่ายๆ ให้เจ้าต้องเดินเพียงลำพังอย่างแน่นอน

วันต่อมา เมื่อรุ่งอรุณในยามเช้าสาดส่องเข้ากับผ้าม่านสีขาวอันบางโปร่ง เหลิ่งชิงฮวนก็ตื่นขึ้นมาจากในอ้อมแขนของมู่หรงฉี

ขนตาที่ม้วนงอสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับผีเสื้อที่กระพือปีกขึ้นเบา ๆ เพื่อรับแสงแดด เพื่อเฉิดฉายต้อนรับวันใหม่อย่างมีชีวิตชีวา

ดวงตากะพริบปริบๆอย่างสะลึมสะลือ ยังไม่ทันตั้งสติได้ พอยกขาขึ้นก็ไปเกี่ยวเข้ากับเอวของมู่หรงฉี ในเวลานี้จึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป จึงลืมตาขึ้นมาทันที มู่หรงฉีกำลังมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยิ้มอย่างแจ่มใสราวกับสุนัขจิ้งจอกที่แอบเข้ามากินไก่ตัวน้อยก็ไม่ปาน

จากนั้นความคิดในหัวก็เริ่มประมวลผลและก็ลุก พรวด ขึ้นมานั่ง “ทำไมท่านถึงมานอนบนเตียงของข้าได้?”

มู่หรงฉีเป็นหมอนข้างให้มาตลอดทั้งคืน ในที่สุดเขาก็สามารถเปลี่ยนท่าได้เสียที เขาขยับแขนที่ชาไปมา “เมื่อคืนนี้เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มขึ้นเตียงของข้าก่อนชัดๆ”

เหลิ่งชิงฮวนนวดศีรษะน้อยๆของตัวเอง อยู่ ๆ ก็อยากทึ้งหัวตัวเองในทันใด เพราะความหึงหวงจึงทำให้กลายเป็นคนบ้าคลั่ง ตัวเองอยากจะทำให้หญิงงามผู้นั้นโมโห จึงได้ทำสิ่งที่น่าละอายเช่นนี้ออกมาได้?

นางลุกออกจากเตียง ใส่รองเท้ากำลังเตรียมวิ่งหนีออกไป แต่พอมาถึงที่หน้าประตูก็หยุดฝีเท้าลง “ไม่ถูกสิ นี้เป็นเรือนของหม่อมฉัน คนที่ควรจะไปต้องเป็นท่านสิเพคะ”

มู่หรงฉีนอนอยู่ที่เตียงไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด “นอนกับข้าแล้วก็จะไล่ข้าออกไปงั้นหรือ เหลิ่งชิงฮวนเจ้ามันคนไร้มโนธรรมจริงๆ ถึงแม้ไปเที่ยวเล่นที่หอฝูเซิง อย่างน้อยก็ต้องมอบเงินตบให้เป็นรางวัลมิใช่หรือ? ข้าถูกเจ้าทับจนร่างกายทั้งร่างชาไปทั้งตัว ขยับตัวไปไหนไม่ได้แล้ว”

“ท่านยินดีที่จะอยู่ต่อก็อยู่ต่อตามสบาย!” เหลิ่งชิงฮวนกัดฟันแน่น “หม่อมฉันย้ายออกไปเองก็ได้จะไปยากอะไร?”

“ดีเลย ถึงอย่างไรเจ้าไปอยู่ที่ไหนข้าก็จะตามเจ้าไปที่นั่น ภรรยาร้องเพลงสามีร้องประสานเข้ากันสุดๆ”

ทันใดนั้นเหลิ่งชิงฮวนก็เดือดดาลขึ้นมาทันที หันตัวกลับไปและหยิบหนังสือหย่าแผ่นนั้นออกมาจากแหวนนาโน และกางให้มู่หรงฉีดูด้วยท่าทางจริงจัง

“พวกเราหย่าขาดกันเรียบร้อยแล้ว ท่านอ๋องฉีท่านมาทำแบบนี้มันเหมาะสมแล้วหรือ?”

ที่จริงมู่หรงฉีก็รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรขี้โกงเกินไป ไม่เคยทำอะไรหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดพูดถูก เหลิ่งชิงฮวนอาศัยว่ามีหนังสือหย่าอยู่ในมือ ถึงได้ทระนงตนได้ถึงเช่นนี้ ทำไมสมองตัวเองถึงได้สั่งงานออกมาให้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำโดยการเชื่อฟังนางเขียนหนังสือหย่าฉบับนี้ขึ้นมาด้วยนะ?

ความหุนหันพลันแล่นคือภัยมหันต์!

ที่แท้หนังสือหย่าก็ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อยู่ที่ตัวนางในแขนเสื้อนั้นเอง เมื่อคืนนอนร่วมเตียงกัน โอกาสอันดีงามขนาดนี้เหตุใดตัวเองถึงไม่ลงมือเสียล่ะ? อย่างน้อยก็ควรจะลูบคลำหาหน่อยก็ยังดี

เขาลุกขึ้นมานั่งและยอมถอยให้หนึ่งก้าว “รอให้จิ่นอวี๋กลับวัง ข้าจะรีบย้ายกลับไปที่ห้องตำราทันที แต่ตอนนี้อย่างน้อยเจ้าก็ควรให้ข้าหายจากอาการป่วยก่อนแล้วค่อยไป?”

คำร้องขอเช่นนี้ไม่มากจนเกินไป เหลิ่งชิงฮวนจึงพับหนังสือหย่าให้เรียบร้อยและยัดกลับเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้ง

มู่หรงฉีจ้องมองการเคลื่อนไหวของนางเอาไว้ สายตาส่องประกายแวววาว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา