หลังจากที่งานเลี้ยงสุราจบลง เหลิ่งชิงฮวนก็กลับไปพร้อมสายตาอิจฉาริษยาจากผู้คน เธอไม่พูดอะไรตลอดทาง
เมื่อลงจากรถม้าแล้ว เหลิ่งชิงฮวนจึงจะทำสีหน้าจริงจังแล้วหันไปพูดกับมู่หรงฉีว่า “ท่านอ๋องเพคะ ถ้าอีกสักเดี๋ยวท่านอ๋องว่างล่ะก็ สะดวกมาที่ตำหนักฉาวเทียนสักครู่ไหมเพคะ หม่อมฉันคิดว่าพวกเราควรจะพูดกันดีๆ”
มู่หรงฉีส่งเสียง “อืม” ออกมา แล้วพูดว่า “วันนี้ดื่มเหล้าไปไม่น้อย เดี๋ยวข้าจะไปสร่างเมาสักหน่อย”
เหลิ่งชิงฮวนก็พาแม่นมเตียวกลับไปยังตำหนักฉาวเทียนทันที
มู่หรงฉีพลิกตัวลงจากหลังม้าซึ่งพอดีกับที่เหลิ่งชิงหลางลงมาจากรถม้า คนทั้งคู่เผชิญหน้าต่อกัน มู่หรงฉีไม่พูดอะไรออกมา เขามุ่งหน้าดินตรงไปแต่ไม่ได้ไปที่ห้องตำรา แต่เขากลับเดินไปอีกทางซึ่งก็คือไปทางเรือนจื่อเถิงที่อยู่ด้านหลัง
เหลิ่งชิงหลางเดินตามหลังเขาไป เธอมองไปยังแผ่นหลังของเขาและเหลือบมองไปที่แม่จ้าว ในของเธอเต้น “ตึกตัก” ด้วยความตื่นกลัวเล็กน้อย
“ท่านอ๋องจะไปที่เรือนของหม่อมฉันหรือเพคะ”
มู่หรงฉีไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขาทำเพียงแค่ส่งเสียง “อืม” ออกมา
“งั้นหม่อมฉันจะให้คนไปเตรียมยาแก้เมาให้นะเพคะ”
“ไม่จำเป็น” น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา
เหลิ่งชิงหลางก็ไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมาอีก ทั้งสองคนเดินเข้าไปภายในเรือน มู่หรงฉีสะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองเธอพร้อมกับยื่นนิ้วออกมาเคาะลงบนที่วางแขนของเก้าอี้อยู่สองสามครั้งเบาๆ
“ไม่กี่วันก่อนเจ้าออกไปจากจวน เหมือนว่าจะไปรับหรูอี้ใช่ไหม”
ในใจของเหลิ่งชิงฮวนเย็นเยียบขึ้นมาทันทีแต่ก็พยายามฝืนแย้มยิ้มออกมา “ใช่เพคะ สิ่งที่ท่านน้าสะใภ้กลัวที่สุดคือการที่ทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าองค์หญิงหรูอี้ ดังนั้นจึงให้หม่อมฉันเป็นคนจัดการ”
“แล้วหลังจากที่กลับจากจวนตระกูลจินแล้ว เจ้าไปที่ไหนมา”
“ก็ต้องย่อมกลับจวนอ๋องสิเพคะ ชิงหลางไม่ค่อยได้ออกไปไหน พอออกไปข้างนอกแล้วก็ไม่มีที่จะให้ไป”
“งั้นหรือ” มู่หรงฉีค่อยเบ้ปากขึ้นอย่างเย็นชา “แต่ข้าได้ไปสืบมาแล้วว่า การที่เจ้าออกมาจากจวนฟู่หม่าแล้วกลับมาที่จวนอ๋องนั้นใช้เวลาไปชั่วยามกว่า จวนอ๋องของข้าอยู่ไกลจากจวนฟู่หม่าขนาดนั้นเชียวหรือ”
เหลิ่งชิงหลางตื่นตระหนกจนตัวหดลีบลง มู่หรงฉีไม่เคยโกรธเธอมาก่อน ยิ่งไม่มีทางที่จะทำท่าทีเย็นชาเหมือนกับที่ทำกับเหลิ่งชิงฮวนจนลงมือทำร้ายรุนแรงแบบนั้น แต่สายตาที่มีความเย็นชาแบบนั้นของเขาราวกับทำให้เธอหนาวไปถึงกระดูก มันกลับยิ่งดูน่ากลัวกว่าในเวลาที่เขาโกรธเสียอีก
เธออ้าปากพะงาบตอบเขาว่า “ไม่ง่ายเลยที่จะได้ออกจากจวน ดังนั้นหม่อมฉันจึงใช้ทางอ้อมเพื่อแก้เบื่อเพคะ”
“คงไม่ต้องให้ข้าไปเรียกคนขับรถม้ามาหรอกนะ หรือว่าจะให้ถามเอาจากบ่าวของเจ้าเลยดี?”
เหลิ่งชิงหลางยังคงดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย “หม่อมฉันไม่เข้าใจเพคะ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องคิดมากเรื่องอะไรกันเพคะ ท่านสามารถออกไปนอกจวนได้บ่อยๆ แถมยังกลับเวลามืดค่ำ ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ไม่เคยเข้ามาว่าอะไรเลย หม่อมฉันไม่ใช่แค่ออกนอกจวนครั้งเดียวหรอกหรือ ท่านอ๋องก็โมโหเสียแล้ว?”
จู่ๆมู่หรงฉีก็ลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปตรงหนของเธอจากนั้นก็มองเธอด้วยสายตาดูถูก เขาหัวเราะเสียงเย็นออกมา “จะให้ข้าพูดเรื่องทั้งหมดออกมาอย่างชัดเจนงั้นหรือ หรือเจ้าจะยมรับผิดด้วยตัวเอง?”
เหลิ่งชิงหลางไม่กล้าเงยหน้าขึ้น “ท่านอ๋องพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรเพคะ”
จู่ๆมู่หรงฉีก็ยื่นมือเข้ามาเชยคางของเธอขึ้น จนทำให้เธอจำต้องเงยหน้าขึ้นและมองมาที่เขา
แต่ละคำพูดราวกับถูกเค้นออกมาก็ไม่ปาน
“เจ้าเป็นคนให้คนไปพูดอะไรซี้ซั้วต่อหน้าหรูอี้ใช่ไหม”
เหลิ่งชิงหลางเบือนสายตาออกอย่างลนลาน “ที่หม่อมฉันได้พบกับองค์หญิงหรูอี้นั้นเป็นเรื่องบังเอิญเพคะ ไม่ได้ติดต่อกันส่วนตัว เรื่องวันนี้เกี่ยวอะไรกับหม่อมฉันเพคะ”
“ในเมื่อไม่เกี่ยวกับเจ้า ทำไมเจ้าถึงรู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ล่ะ” มู่หรงฉีถามกลับ
เหลิ่งชิงฮวนตอบอย่างอึกอักว่า “ย่อมต้องเป็นการคาดเดาเพคะ”
มู่หรงฉีสะบัดมือที่เชยคางของเธออย่างรุนแรงจนทำให้เหลิ่งชิงฮวนเซขนถอยหลังไปอยู่หลายก้าวจนล้มลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง
“ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าไปทำให้เหลิ่งชิงฮวนไม่พอใจอีก ขอเพียงแค่เจ้าอยู่ในที่ของตัวเอง ข้าก็จะให้ลาภยศสรรเสริญที่เจ้าต้องการและยังให้อำนาจกับเจ้า รับประกันว่าเจ้าจะไม่มีภัยไปตลอดชีวิต แต่เจ้ากลับก่อเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าใช้วิธีการที่น่ารังเกียจพวกนี้ เหลิ่งชิงหลาง เจ้านึกว่าข้าจะไม่กล้าลงโทษเจ้าหรือ”
เหลิ่งชิงหลางที่ถูกเขาปะทุอารมณ์ใส่อย่างกะทันหันแบบนี้ก็ชะงักไป ในเวลานี้เธอถึงเพิ่งจะได้สติ “ลูกสาวที่เกิดในจวนมหาเสนาบดีอย่างหม่อมฉันยังจะโหยหาลาภยศสรรเสริญอะไรอีกล่ะเพคะ ท่านปรับปรุงเรือนจื่อเถิงแล้วคิดจะขังหม่อมฉันไว้ที่นี่ตลอดไปหรือเพคะ ตำแหน่งพระชายาที่เคยบอกกับหม่อมฉันล่ะเพคะ แล้วที่เคยบอกกับหม่อมฉันว่าจะหย่ากับเหลิ่งชิงฮวนล่ะเพคะ ท่านไม่มีสัจจะเลย หม่อมฉันทำอะไรผิดล่ะเพคะ”
มู่หรงฉีเม้มริมฝีปากบางของตน เขาค่อยๆยกยิ้มขึ้น “ข้ารับปากจะให้เจ้าเป็นพระชายาเมื่อไรกัน แล้วก็ไปรับปากเจ้าว่าจะหย่ากับเหลิ่งชิงฮวนเมื่อไรกัน”
เหลิ่งชิงหลางชะงักไป เธอครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาไม่ได้รับปากอะไรกับเธอไว้เลย มีเพียงประโยคเดีวที่เขาพูดขึ้นหลังจากช่วยขึ้นจากน้ำคือเขาพูดออกมาว่าเขาจะหย่ากับเหลิ่งชิงฮวนแล้วจะแต่งกับเธอแทน
น่าเสียดาย เมื่อย้อนมองกลับไปแล้วหนังสือแต่งงานที่ส่งไปที่จวนมหาเสนาบดีนั้น เธอก็ยังคงเป็นพระชายารอง
ราวกับว่าตัวเธอนั้นรอประโยคนี้มาโดยตลอด เธอเดาความคิดของเขาเอาเองแล้วคิดเพ้อฝันไปเท่านั้น
ใจของเธอหดหู่และเต็มไปด้วยความคับข้องใจ “เหมือนกับว่าผู้หญิงสกปรกอย่างเหลิ่งชิงฮวนนั่น ท่านอ๋องจะให้นางเป็นพระชายางั้นหรือเพคะ คนอื่นไม่รู้แต่เราทั้งหมดรู้ดี เห็นๆอยู่ว่าเด็กในท้องของนางไม่ใช่ลูกของท่านอ๋อง”
มู่หรงฉีก็ปะทุความโกรธออกมา ใบหน้าของเขาถมึงทึง “ใครเป็นคนบอกเจ้าว่าไม่ใช่?”
แม้ว่าระยะที่เหลิ่งชิงฮวนยืนจะถือว่าปลอดภัยจากเขา แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าวจนไม่มีที่ให้ถอยอีก เธอกัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “เห็นได้ชัดว่าก่อนที่ท่านพี่จะแต่งงานนางก็ได้ตั้งครรภ์แล้ว!”
มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อของมู่หรงฉีมีเสียงลั่นดัง “กร๊อบ” ดวงตาหงส์ของเขาหรี่ลงด้วยความโมโห เขาจ้องเขม็งไปที่เหลิ่งชิงฮวน
“ถ้าหากว่าให้ข้าได้ยินข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับเหลิ่งชิงฮวนอีกล่ะก็ เหลิ่งชิงหลาง ต่อให้ข้ากับเจ้าเคยมีความสัมพันธ์ทางกายกันมาก่อนคืนหนึ่งตอนที่เจ้าเป็นชี แต่ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้หัวใจ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเป็นเหมือนของชิ้นนี้”
เขาเพียงสะบัดมือ เก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ล้มลงแล้วแต่เสียงแตกหักออก
ครั้งนี้เหลิ่งชิงหลางกลัวแล้วจริงๆ น้ำตาของเธอไหลออกมาในทันทีจนนองไปทั้งใบหน้า เธอส่ายศีรษะอย่างลนลาน “หม่อมฉันไม่กล้าแล้วเพคะ ไม่กล้าทำอีกแล้ว”
มู่หรงฉีมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธออีกครั้ง แล้วส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างเย็นชาจากนั้นก็เดินออกไปจากเรือนจื่อเถิง
ที่ด้านหลัง เหลิ่งชิงหลางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวและไม่ปลอดภัยขึ้นมา เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง เขาก็ไม่หันกลับมามองเธอ
ขณะที่กำลังร้องไห้อยู่นั้นเอง เสียงร้องไห้ของเหลิ่งชิงหลางก็หยุดลง เธอตกใจจนตัวแข็งค้างอยู่ตรงนั้น
แม่ชี แม่ชี? ดอกจื่อเถิง?
เธอพึมพำเสียงเบา ราวกับว่ามีอะไรแวบเข้ามาในใจของเธออย่างรวดเร็วจนแทบคว้าไว้ไม่ทัน
เธอรู้ดีว่าตลอดมามู่หรงฉีเข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้เคยมีอดีตกับเขาจนทำให้เขาไม่อาจลืมเธอได้ลง ดังนั้นครั้งแรกที่มู่หรงฉีได้เห็นเธอเขาถึงได้บอกว่าจะหย่ากับเหลิ่งชิงฮวนและจะแต่งเธอเข้ามาเป็นพระชายา
ส่วนเรื่องที่ผู้หญิงคนนี้เป็นใครนั้น เหลิ่งชิงหลางเองก็ไม่รู้และเธอเองก็ไม่กล้าถาม
จากที่มู่หรงฉีพูดเมื่อครู่นี้ที่ทั้งสองคนเคยมีความสัมพันธ์ทางกายกันคืนหนึ่งในตอนที่เป็นชี แม่ชีนั้นเป็นอย่างไรทุกคนต่างรู้ดี ทุกคนที่อยู่ในนั้นทั้งหมดต่างโกนหัวบวชเรียน มู่หรงฉีคงไม่ได้จำผิดเป็นเธอหรอกนะ อีกอย่างเขาไม่สงสัยเลยสักนิด
ประโยคในวันนี้ของมู่หรงฉีทำให้เหลิ่งชิงหลางคาดเดาอย่างใจกล้าว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเหลิ่งชิงฮวนหรือเปล่า
เหลิ่งชิงฮวนนั้นได้เสียความบริสุทธิ์ไปในสำนักแม่ชีหนานซาน แต่นักเลงหัวไม้สองคนที่ธอกับจินอี๋เหนียงไปนั้นกลับไม่พบเหลิ่งชิงฮวน ครั้งก่อนที่เธอเจอกับสองคนนั้นเธอก็ได้ต้อนถาม
ที่ด้านหลังภูเขาของสำนักชีในเวลานั้นดอกจื่อเถิงเบ่งบานสะพรั่งราวกับอยู่ในห้วงฝัน
ถ้าอย่างนั้นช่วงเวลาที่เหลิ่งชิงฮวนหายตัวไป เธอต้องไปอยู่กับผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ว่าเป็นมู่หรงฉี?!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
โอ๊ยยยยยยย ปวดตับ น้ำตาท่วมเลยยยยย ฮือออออออ😫😫...
แอดน่ารักที่ซู๊ดๆๆๆๆๆๆ...
นางเอก บ้า วันๆ ทำแต่เรืองไร้สาระ...
ปญอ. พระเอกนางเอก ทะเลาะกันทั้งเรื่อง...
เมื่อไหร่จะหย่าซะที ได้แต่พูด เบื่อ...
แอดกลับจากพักร้อนแล้ว ดีใจจัง จุ๊ฟๆๆๆ...
แอดขา...ตอนนี้กำลังจะเริ่มพิธีทางไสยศาสตร์เพื่อตามแอดกลับมาอัพต่อแล้วนะคะ..แอดอยู่หนายยยย..จุ๊กกรู๊ๆๆๆๆๆๆ😅😄🤗😊...
แอดดดดดดด ลูกบ้านให้อภัยแล้ววววว กลับมาเร็วๆ...
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวอีกแล้ว สงสารเถอะ อัพหน่อย...
ไหงตัดจบกันแบบนี้🙄🙄...