ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 186

องครักษ์รีบวิ่งเข้ามาในห้องตำรา มู่หรงฉีเงยหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“เรียนท่านอ๋อง ครั้งก่อนที่ท่านให้พวกเราไปสืบเรื่องชายชุดแดงมีเบาะแสแล้วขอรับ”

อารมณ์ของมู่หรงฉีดีขึ้น “อยู่ที่ไหน”

“เขาจีเหมาขอรับ”

“เขาจีเหมา?” มู่หรงฉีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ภูเขารกร้างแถบหวงเจียวนี่ ทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้”

“ตี้ทิงเว่ยได้ยินมาจากเป่าเหนียงแห่งหอหลิงหลางว่าวันนั้นเขาเอาตั๋วเงินมาให้เป็นรางวัล เราจึงไปที่ร้านแลกเงินเพื่อสืบหาเบาะแสขอรับ ช่างบังเอิญว่าคนดูแลร้านแลกเงินมองเพียงปราดเดียวก็ดูออกว่าตั๋วเงินของเขานั้นเป็นแบบที่เจ้าของร้านใช้อยู่เพียงผู้เดียวขอรับ

ตามที่เจ้าของร้านแลกเงินบอกมา เมื่อหนึ่งเดือนก่อนลูกชายคนเดียวของเขาถูกลักพาตัวและถูกรีดค่าไถ่ไปหนึ่งหมื่นสองพันตำลึงเงิน ในเวลานั้นเขาไม่กล้าแจ้งความ โชคดีที่เขาทำสัญลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครไว้บนตั๋วเงิน หวังว่าในอนาคตจะสามารถนำเงินกลับคืนมาได้และอาจจะได้เบาะแสที่มากขึ้น

ตี้ทิงเว่ยได้ฟังเรื่อเล่าจากปากผู้ถูกลักพาตัวมาขอรับ สุดท้ายก็พบว่าพวกมันคือกลุ่มคนที่ทำร้ายท่านรองแม่ทัพสูงสุดอวี๋ จากการสืบลึกลงไปพบว่ารังใหม่ของพวกมันอยู่ที่เขาจีเหมาขอรับ

อีกทั้งยังได้ถามนายพรานที่อยู่ในละแวกนั้นว่าช่วงนี้บนเขาได้เห็นคนชุดแดงหรือไม่ เขาลังเลไปครับก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็วและเดินไปบนเขาจีเหมาขอรับ แต่ว่าเนื่องจากมีราชาโจรที่เป็นใหญ่อยู่จึงไม่มีใครกล้าขึ้นไปสำรวจ”

พยายามไปแทบแย่แต่ก็ได้ข่าวมา คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องน่ายินดีอย่างคาดหวังแบบี้

กลุ่มคนที่เหลือของพวกแอบพกอาวุธนั้นไม่ได้กำจัดไปในทีเดียว ในเวลานี้เหมือนกับว่ามาอยู่ตรงหน้าของมู่หรงฉีแล้ว วันนี้พวกมันเอาตัวเองมาเสนอตัวถึงที่เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร

เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าจะต้องขี่ม้าออกไปด้วยตัวเองและเอาหัวของโจรพวกนั้นกลับมาแล้วเอามาเตะเล่นกับรองแม่ทัพสูงสุดอวี๋ เขารีบนำกำลังคนไปที่เขาจีเหมาทันที

เดิมทีเขาจีเหมานั้นเป็นเขาที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขาสูงและมีต้นไม้ทึบ สัตว์ป่าก็มีมาก โดยเฉพาะไก่ป่าที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ดังนั้นนายพรานมักจะมาล่าสัตว์ที่นี่ ชื่อของเขาจีเหมาจึงมีที่มาดังนี้

เวลานี้มีคนชั่วทำชั่วในเวลากลงวันแสกๆ ดังนั้นพวกนายพรานจึงทำได้เพียงเดินอ้อมและไม่กล้าเข้ามาใกล้

มู่หรงฉีหานายพรานที่ชำนาญเส้นทางเป็นคนนำทาง พวกเขาเดินไปตามเส้นทางบนภูเขาแต่กลับไม่พบอุปสรรคใดๆ แม้แต่เสียงผิวปากก็ไม่ได้ยิน

พวกเขาเดินมาเรื่อยๆจนเกือบจะถึงยอดเขาแล้ว นายพรานก็ชี้ไปที่ศาลของเทพภูเขาที่ปรักหักพัง “ไม่กี่วันก่อนข้าได้พบกับคนพวกนั้นที่นั่น เหมือนจะเป็นที่กบดานของพวกเขา”

ประตูศาลของเทพภูเขาปิดสนิท และเงียบเชียบ

มู่หรงฉีส่งคนเข้าไปสำรวจ

เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาต่างพากันเข้าไปอย่างระมัดระวัง ชักดาบและเตรียมคันธนูเอาไว้ พวกเขาอยู่ในท่าเตรียมพร้อม คนที่เป็นหัวหน้าใช้เท้าถีบประตูเข้าไป เพียงพริบตากลิ่นคาวเลือดก็ตีพุ่งออกมา อากาศร้อนแบบนี้จึงเป็นกลิ่นเหมนคาว พวกเขาแทบจะอาเจียนออกมาตรงนั้น

แม้ว่ามู่หรงฉีจะอยู่ออกไปไกล แต่เขาก็แทบสำลัก เขารีบใช้แขนเสื้อปิดจมูกของตัวเอง

“เกิดอะไรขึ้น”

ผู้ใต้บังคับบัญชาต่างเข้าไปสำรวจอย่างระมัดระวัง เพียงไม่นานก็เข้ามารายงานกับเขาด้วยใบหน้าน่าเกลียดว่า

“เรียนท่านอ๋องภายในมีศพอยู่แปดศพขอรับ ทั้งหมดล้วนตายจนตัวแข็งไปแล้ว สาเหตุการตายคือถูกกระบี่ปลิดชีพในคราวเดียว อีกทั้งพวกเขายังตายอย่างแปลกประหลาด หน้าของทุกคนล้วนกำลังหันไปทางเทพภูเขาขอรับ และคุกเขาลงกับพื้นดูแล้วน่านับถือมากขอรับ”

มู่หรงฉีหัวเราะเสียงเย็นออกมา “ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะเจ้าเล่ห์น่าดู รู้ข่าวล่วงหน้าก็เลยมาฆ่าคนปิดปากก่อนพวกเรา”

“ทำไมกันหรือขอรับ ในเมื่อพวกเขารู้ข่าวก่อนล่วงหน้า จะพาคนหนีออกไปก็มีเวลาเพียงพอ ทำไมถึงต้องฆ่าคนปิดปากด้วยขอรับ”

มู่หรงฉีค่อยๆลูกด้ามดาบในมือของตน “เพราะว่าเขากับคนพวกนี้อาจจะไม่ใช่พวกเดียวกันไงล่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา