ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 216

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?

เหลิ่งชิงฮวนแสดงท่าทีออกมาให้เห็นว่าหัวใจดวงน้อยๆของตัวเองนั่นเปราะบางไม่อาจรับมือได้ไหวแล้ว

ว่ากันว่าเรื่องดีๆมักจะไม่มาติดๆกัน เรื่องไม่ดีมักจะมาติดๆกันอยู่เรื่อย กระหน่ำซ้ำเติมไม่จบไม่สิ้น ตัวนางเองก็มีมนุษยสัมพันธ์ไม่ดีเท่าไร หากล้มลงแล้วมีคนอีกมากมายพร้อมที่จะซ้ำเติม

มู่หรงฉีขมวดคิ้วเข้าหากัน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เป็นเพราะว่าบ่าวรับใช้ตื่นตระหนกจึงพูดจาสะเปะสะปะจับใจความไม่ได้ “ของขวัญขอบคุณ! มีของขวัญขอบคุณมากมายขอรับ! ตอนนี้ที่หน้าประตูจวนมีคนจำนวนมากมาปิดทางเข้าออกจวนไว้ขอรับ!”

มู่หรงฉีสบสายตากับเหลิ่งชิงฮวนแวบหนึ่ง รู้สึกงงงวยเล็กน้อย “ออกไปดูกันเถอะ”

ทะเลาะกันมาได้เพียงครึ่งเดียว ก็ต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว ทั้งสามคนเดินตามบ่าวรับใช้ไปยังหน้าประตูใหญ่พร้อมๆกัน

หน้าประตูใหญ่เต็มไปด้วยชาวบ้านมากมายมายืนล้อมรอบ เบียดเสียดเสียจนขยับไปไหนไม่ได้ ต่างพากันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันเสียงดัง แลดูคึกคักยิ่งนัก

กล่องของขวัญสีแดงขนาดใหญ่ถูกหามมามีนับไม่ถ้วน เรียงรายตั้งแต่หน้าประตูจวนเรียงขบวนยาวออกไป คดเคี้ยวไปจนถึงมุมถนน ทอดยาวจนมองไม่เห็นปลายขบวน

ผู้ที่มาส่งของขวัญทุกคนสวมชุดสีเขียวและโพกผ้าเอาไว้ที่หัว ดูฮึกเหิมมีชีวิตชีวา ดูออกว่าคงได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

ผู้นำขบวนเป็นชายผู้หนึ่งที่มีท่วงท่าหาญกล้า ดูเหมือนว่าจะเป็นพ่อบ้านดูแลที่มีอายุราว ๆสี่สิบถึงห้าสิบปี ใบหน้าขาวเกลี้ยงรูปทรงเหลี่ยมและมีหนวดเคราเล็กน้อย ดูเป็นมิตร

เหลิ่งชิงฮวนกับมู่หรงฉีต่างก็สับสนเล็กน้อย สถานการณ์แบบนี้ทำไมถึงเหมือนการส่งตัวเจ้าสาวพร้อมข้าวของสุดอลังการยังไงยังงั้น ? นอกจากนี้กล่องของขวัญจำนวนมากมายเช่นนี้ ต้องใช้เงินเท่าไรกันเชียว? ไม่แปลกใจเลยที่คนที่เฝ้าประตูจะตื่นเต้นมากมายขนาดนั้น ทำเหมือนกับคนบ้านนอกที่เพิ่งเข้าเมืองมาครั้งแรกยังไงยังงั้น เพราะไม่มีใครที่ไหนส่งของขวัญได้เหมือนกับการย้ายบ้านแบบนี้มาก่อน

ทั้งสองคนและพระสนมฮุ่ยเฟยออกมายืนอยู่ที่หน้าประตู มองดูจากลักษณะท่าทางก็สามารถทำให้ผู้คนเดาได้ทันทีว่าเป็นใคร

คนที่เหมือนเป็นคนที่ทำหน้าที่นำขบวนก้าวขึ้นมาข้างหน้าสองก้าวและยกมือขึ้นทำคารวะให้เหลิ่งชิงฮวน และเอ่ยถามด้วยเสียงอันสดใส “ขอทูลถามสักเล็กน้อยนะขอรับ ท่านผู้นี้ใช่พระชายาฉีใช่หรือไม่?”

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านคือ...”

“นายท่านของข้าน้อยได้รับความช่วยเหลือจากพระชายาเมื่อหลายวันก่อน จนตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว จึงได้สั่งให้บ่าวให้จัดเตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆมาส่งมอบให้ท่านถึงที่เพื่อแสดงการขอบคุณ”

“นายท่านตระกูลของเจ้า?” เหลิ่งชิงฮวนถามด้วยความสงสัย “ไม่ทราบว่าเป็นท่านใดหรือ?”

ตั้งแต่ตอนไหนกันที่ตนเองไปคว้าเจอขาทองคำแบบนี้มาได้ ทำไมถึงไม่รู้มาก่อน?

“นายท่านของข้าแซ่โฉว”

โฉวซือเส่า?

เหลิ่งชิงฮวนชำเลืองมองของขวัญที่เอามาขอบคุณที่ทอดยาวไม่รู้จบ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ว่าเป็นหัวหน้าโจรหรอกหรือ ทำไมถึงมีเงินมากมายขนาดนี้? คงไม่ใช่ว่าไปปล้นสินสอดแต่งงานของตระกูลไหนมาหรอกใช่ไหม? ทำแบบนี้จะเกิดเรื่องวุ่นวายได้ และเกรงว่าจะเอิกเกริกจนชาวบ้านเกือบครึ่งของเมืองหลวงรู้เรื่องนี้เข้า

เธอสาปแช่งในใจ แต่ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ข้างล่างกลับรู้สึกสนุกสนาน ชั่วขณะเหมือนกับว่ากำลังได้เปิดหม้อที่กำลังเดือดๆก็ไม่ปาน

“ตระกูลโฉว? หรือว่าจะเป็นตระกูลโฉวที่เป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองฉางอันนั้นนะหรือ?”

“ตระกูลโฉวเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในฉางอัน ย้อนกลับไปสมัยที่บรรพบุรุษกำลังสร้างรกราก เคยสร้างคุณูปการทางทหารเอาไว้มากมาย เป็นพ่อค้าที่สืบเชื้อสายราชวงศ์ ค้าขายมาหลายชั่วอายุคน สะสมเงินทองจนร่ำรวยเหนืออาณาจักรศัตรูเสียอีก วันนี้ได้มาเห็นกับตาเป็นอย่างที่ลำลือโดยแท้!”

ทันทีที่คนเหล่านี้ถกเถียงกัน เหลิ่งชิงฮวนก็อดที่จะนึกถึงคำว่าตระกูลขุนนางอันดับหนึ่งคำนี้ไม่ได้ เมื่อไม่กี่วันก่อนฉีจิ่งอวิ๋นเพิ่งจะมาดื่มเหล้าที่นี่ และยังรู้สึกปลงอยู่เลยกับเรื่องที่ตระกูลโฉวผูกขาดการค้าของเจียงหนานไปเกือบครึ่งหนึ่ง ตัวเองอยากจะขยายกิจการไปทางใต้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากตรงไหนก่อนดี

ที่แท้โฉวซือเส่าคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นทายาทรุ่นที่สองของกลุ่มใต้ดินเท่านั้น แต่ยังเป็นทายาทของตระกูลผู้ร่ำรวยอีกด้วย ก็ว่าอยู่กับแค่หอกระบี่เล็กๆ ถึงขนาดทำให้ผู้เฒ่าหลู่และคนอื่นๆพากันแห่มา ตื้อสุดชีวิตไม่ย่อมปล่อย ที่แท้เบื้องหลังที่ค่อยเป็นเสาหลักค้ำจุนให้หอกระบี่ก็คือตระกูลโฉวที่ร่ำรวยอันดับต้นๆนี่เอง

เพราะความละโมบโลภมากจึงเป็นเหตุให้ทำอะไรวู่วามแม้แต่ชีวิตก็สามารถแลกได้ ไม่แปลกใจที่โฉวซือเส่าจะถูกคนจำนวนมากจับจ้อง

ผู้ดูแลกวักมือไปมา คนรับใช้ที่อยู่ด้านหลังก็พาผู้หญิงที่ถูกมัดมือเอาไว้ด้านหลังหลายคนขึ้นมา ดันออกไปข้างหน้า และทั้งหมดก็ล่มฮวบลงไปเพราะเข่าอ่อนดัง ตุบ กระแทกลงกับพื้น คุกเข่าให้กับเหลิ่งชิงฮวน และก้มหัวรัวๆราวกับกำลังทุบกระเทียมก็ไม่ปาน อีกทั้งยังตะโกนอย่างต่อเนื่องไม่หยุด “ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา