ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 215

หัวใจของเหลิ่งชิงหลางบีบรัดแน่น “อาจจะมีส่วนนิดหน่อยเพคะ”

ชาถ้วยนั้นพระสนมฮุ่ยเฟยเป่ามาครึ่งค่อนวันแต่ก็ยังไม่ได้ดื่ม พระนางหันตัวนำชาถ้วยนั้นวางกระแทกลงบนโต๊ะ เสียงถ้วยชาส่งเสียงดัง เกร้ง เมื่อกระทบกับโต๊ะ

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเท่าไร แต่ทำไมยังมาพูดจาโอ้อวดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นอีก? จ่ายห้าพันตำลึงเพื่อซื้อยาเม็ดหนิงเซียงหนึ่งกล่องให้เจ้า เจ้ายังจะกล้ากินอีกหรือ! คำพูดเช่นนี้หากถูกแพร่กระจายออกไป จะสร้างปัญหาให้กับฉีเอ๋อร์เจ้ารู้หรือไม่? ตำแหน่งขององค์ชาย เดิมทีก็มีก็มีคนจำนวนมากมายคอยจับจ้องอยู่ เจ้าช่วยอะไรไม่ได้ก็แล้วไป แต่ยังจะสร้างปัญหาเพิ่มให้อีก!”

เหลิ่งชิงหลางตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น “พระสนมฮุ่ยเฟยโปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ ชิงหลางผิดไปแล้ว”

ฮุ่ยเฟยหลุบเปลือกตาลง “ถ้าเช่นนั้นระหว่างเหลิ่งชิงฮวนกับฉีเอ๋อร์มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้เจ้าคงพูดออกมาได้แล้วสินะ?”

เหลิ่งชิงหลางเหงื่อออกทั่วทั้งตัว ตกใจจนหวาดกลัวไม่กล้าเอ่ยพูดอะไรออกมา เสียใจจนอยากจะกัดลิ้นของตัวเองเสียให้ได้

ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว วันนี้ไม่ว่าตัวเองจะทำอะไรก็คงก็ทำให้ทุกฝ่ายไม่พอใจทั้งนั้น แน่นอนว่าหากขัดใจมู่หรงฉีคงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีเป็นแน่ ผลประโยชน์ทั้งหมดก็จะเป็นจิ่นอวี๋ที่กอบโกยไปแต่เพียงผู้เดียวทั้งหมด

คุยกับพวกตัวร้ายคงเป็นไปได้ยากที่จะยอมเสียสละผลประโยชน์ของตัวเองออกมา คำพูดนี้คือกำลังพูดกับตัวเองอยู่ เพราะเดิมทีวางแผนว่าจะหาผลประโยชน์บางอย่างจากจิ่นอวี๋ ใครจะคาดคิดว่าจะถูกนางวางแผนซ้อนแผนโต้ตอบกลับมาเสียได้ ต่อหน้าทำเป็นยิ้มให้ ลับหลังกลับเอามีดแทงข้างหลัง เป็นเอกลักษณ์ของพวกตัวร้ายๆโดยแท้

นางกัดฟันแน่น “ชิงหลางไม่รู้จริงๆ รู้เพียงว่าก่อนที่ท่านพี่จะแต่งงานได้เสียเสียพรหมจรรย์อยู่ก่อนแล้ว ส่วนผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ชิงหลางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“เพราะอะไรถึงไม่มารายงานให้ทราบตั้งแต่แรก?”

“ท่านอ๋องปกป้องท่านพี่อยู่ตลอด ดังนั้นชิงหลางจึงรู้สึกว่า เด็กคนนี้อาจจะเป็นลูกของท่านอ๋องจริงๆ...ก็เป็นได้”

เหลิ่งชิงหลางกับเหลิ่งชิงฮวนเหมือนน้ำกับไฟที่ไม่อาจเข้ากันได้มาโดยตลอด หากเด็กในท้องของเหลิ่งชิงฮวนเป็นลูกนอกคอกจริง ทำไมเหลิ่งชิงหลางจะต้องปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยล่ะ? แต่นี่กลับไม่พูดใส่ไฟอะไร พูดแต่สิ่งดีๆออกมาแบบนี้ ฮุ่ยเฟยครุ่นคิด หรือว่าเรื่องที่มู่หรงฉีทูลกับไทเฮาจะเป็นความจริง? เป็นตัวเองที่สงสัยมากเกินไปงั้นหรือ

จิ่นอวี๋ที่ยืนอยู่ข้างๆตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้เอ่ยขัดจังหวะอะไรแต่อย่างใด แต่ในเวลานี้กลับก้าวออกมา พูดด้วยรอยยิ้ม “ดูท่าจะทำให้พระชายารองตกใจเสียแล้ว เหตุใดสีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล่า? พระสนมฮุ่ยเฟยเป็นคนใจดีเสมอมา ก็แค่พูดคุยเรื่องในครอบครัวสองสามประโยคเท่านั้นเอง มีอะไรก็พูดออกมาตามตรงเถอะ เจ้าจะกลัวอะไร?”

เหลิ่งชิงหลางก้มศีรษะลง “พระสนมฮุ่ยเฟยเป็นคนสูงศักดิ์ จึงทำให้หม่อมฉันรู้สึกประหม่าโดยไม่รู้ตัว”

“เจ้าอยู่คลุกคลีกับพระสนมสักสองวันก็จะรู้แล้วล่ะ พระสนมแค่มีสีหน้าเย็นชาแต่มีจิตใจเมตตา เป็นคนที่น่าใกล้ชิดด้วยที่สุด” จิ่นอวี๋หันหน้าไปพูดกับพระสนมฮุ่ยเฟย “ครั้งก่อนตอนที่อยู่ที่จวนอ๋อง ต้องขอบคุณพระชายารองที่คอยดูแลหม่อมฉันเอาไว้ จิ่นอวี๋ขอให้นางอยู่พักในวังสักสองวันได้หรือไม่เพคะ จะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน?”

ฮุ่ยเฟยพยักหน้า “ขอเพียงส่งคนไปบอกพี่ชายของเจ้าสักหน่อยก็ได้แล้วล่ะ”

ในใจของเหลิ่งชิงหลางเต็มไปด้วยความรู้สึกขมขื่น หากอยู่ในวังหลวงต่อ หากภายหลังพระสนมฮุ่ยเฟยไปถามเหลิ่งชิงฮวนเพื่อซักไซ้หาความผิด ถ้าเช่นนั้นความผิดที่เป็นคนขี้ฟ้องเรื่องทั้งหมดก็จะตกเป็นของตัวเองไม่ใช่หรอกหรือ?

วันต่อมา เหลิ่งชิงหลางกำลังคิดหาวิธีที่จะกำจัดสิ่งที่เชื่อมโยงกับตัวเองของเรื่องนี่ออกไปอย่างไรอยู่นั้น ทางด้านพระสนมฮุ่ยเฟยก็ได้รับการอนุญาตจากไทเฮา ให้ไปที่จวนอ๋องฉีได้เพื่อไต่ถามหาความผิดเสียแล้ว

พระสนมฮุ่ยเฟยมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง เหลิ่งชิงฮวนก็รู้แล้วว่าพระองค์ต้องมาไม่ดีเป็นแน่ ถ้าหากไม่มีอะไรคงไม่มา ทุกครั้งที่นางมาเยือนถึงหน้าประตู ก็เพื่อมาหาเรื่องจับผิดตัวเองทุกครั้งไป

เหลิ่งชิงฮวนกับมู่หรงฉีออกจากจวนมาต้อนรับพร้อมกันเมื่อพบหน้าก็คุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพ พระสนมฮุ่ยเฟยกลับแสดงความโอบอ้อมอารีออกมา โดยการก้มลงมาประคองเธอเอาไว้

“ตอนนี้เจ้ากำลังมีครรภ์ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าลงไป ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น”

เป็นเพราะมีลูกเลยมีความสำคัญขึ้นมาจริงๆด้วย

ทั้งหมดพากันเดินเข้าไปในห้องโถงหลักด้านหน้า และยกน้ำชาชั้นเลิศมาถวาย หลังจากนั้นพระสนมฮุ่ยเฟยก็เอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อนแต่อย่างใด

“เมื่อวานพระชายารองของจวนเจ้ามาเข้าเฝ้าข้าเพื่อกล่าวทักทาย อยู่พูดคุยกันนิดหน่อย จึงเพิ่งได้ยินมาว่าหลายวันก่อนเกิดเรื่องขึ้นกับชิงฮวน รู้สึกวางใจไม่ลง เลยมาหาเพื่อถามไถ่โดยเฉพราะ”

มู่หรงฉีก็อยู่ที่นี่ด้วย เหลิ่งชิงฮวนจึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตา พยายามไม่พูดอะไรมาก ถึงอย่างไรพระสนมฮุ่ยเฟยก็ไม่ชอบตัวเองอยู่แล้ว พูดอะไรไปก็ผิดไปหมด

มู่หรงฉีพูดด้วยเสียงทุ้มขึ้นมา “หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านไปจึงรู้สึกว่าตื่นตูมกันเกินไปหน่อย ก็แค่มีคนได้ยินมาว่าชิงฮวนมีทักษะทางการแพทย์สูงส่ง จึงเชิญนางไปรักษาเพื่อช่วยชีวิตคน ถึงขนาดทำให้ท่านแม่ต้องตกพระทัย ช่างไม่สมควรจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา