ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 221

พระสนมฮุ่ยเฟยไม่คาดคิดว่ามู่หรงฉีจะปฏิเสธการจัดการของนางอย่างเด็ดเดี่ยว ทำให้นางโกรธอยู่พักหนึ่ง “เอาเถิด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่เสียไป ควักดวงตาของเหลิ่งชิงหลางออกมา ถือว่าไม่ติดค้างกันอีกต่อไป”

หัวใจของมู่หรงฉีสั่นสะท้าน เดิมทีเขาคิดว่าเหลิ่งชิงหลางจะต้องชดใช้เล็กน้อยในสิ่งที่ทำ ใครจะรู้ว่าบทลงโทษที่พระสนมฮุ่ยเฟยบอกจะรุนแรงขนาดนี้

แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไร แต่เขาก็ยังเป็นหนี้เหลิ่งชิงหลาง

“ชิงหลางไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น!เสด็จแม่ไม่คิดว่าการลงโทษครั้งนี้โหดร้ายเกินไปหรือ หากดวงตาของจิ่นอวี๋ฟื้นตัวได้เล่า”

“หมอหลวงเองยังทำอะไรไม่ถูก เจ้าคิดว่าเหลิ่งชิงฮวนสามารถรักษาดวงตาของจิ่นอวี๋ได้งั้นหรือ แล้วนางจะยอมทำหรือไม่ ดูปฏิกิริยาของนางมื่อครู่สิ นางไม่สนใจอาการบาดเจ็บของจิ่นอวี๋ด้วยซ้ำ แม่ว่านางคงอยากให้จิ่นอวี๋รีบตายๆ ไปเสีย”

“ชิงฮวนไม่ได้เป็นอย่างที่เสด็จแม่คิดอย่างแน่นอน นางจะไม่ละทิ้งความพยายามแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม อีกอย่างหากเสด็จแม่ทำเช่นนี้ ท่านกำลังเอาจวนมหาเสนาบดีไปไว้ที่ไหน ท่านไม่กลัวหรือว่าลูกจะผิดใจกับจวนมหาเสนาบดี”

คำพูดเหล่านั้นทำให้พระสนมฮุ่ยเฟยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นางสามารถดูถูกเหลิ่งชิงฮวนได้ แต่ไม่สามารถเพิกเฉยต่อจวนมหาเสนาบดีได้ หากฮ่องเต้รู้ว่านางใช้วิธีนั้นในการจัดการ เขาอาจจะรู้สึกว่านางโหดเหี้ยมและไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม

“ในเมื่อลูกพูดเช่นนั้น แม่จะยอมเชื่อเจ้าอีกสักครั้ง แม่จะให้เวลาหนึ่งเดือนย้ายจิ่นอวี๋ไปที่จวนอ๋องฉี เหลิ่งชิงหลางจะเป็นคนรับผิดชอบดูแลเรื่องอาหารการกิน ส่วนเหลิ่งชิงฮวนรับผิดชอบในการรักษาดวงตาของนาง

หากหนึ่งเดือนผ่านไป ดวงตาของจิ่นอวี๋ไม่ดีขึ้น แม่จะให้ควักดวงตาของเหลิ่งชิงหลางออก หรือไม่ลูกก็ต้องแต่งงานกับจิ่นอวี๋ ให้นางเป็นนางสนมและดูแลนางไปตลอดชีวิต!”

นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของนาง

มู่หรงฉีนิ่งเงียบพลางเม้มริมฝีปากบางอยากไม่เชื่อสายตา “เสด็จแม่กำลังใช้ชิงหลางมาข่มขู่งั้นหรือ”

พระสนมฮุ่ยเฟยมองเขาอย่างผิดหวัง “ข่มขู่ลูกหรือ ฉีเอ๋อร์ แม่จะทำเช่นนั้นไปทำไม แม่แค่คิดว่าจิ่นอวี๋อ่อนโยนและมีน้ำใจ หากมีนางอยู่เคียงข้างดูแลชีวิตประจำวันของลูก แม่คงอยู่ในวังได้อย่างสบายใจ!

ครั้งล่าสุดที่ลูกป่วย แม่เห็นสองพี่น้องตระกูลเหลิ่งไม่มีใครปฏิบัติต่อลูกด้วยความจริงใจ โดยเฉพาะเหลิ่งชิงฮวน จิตใจของนางไม่อยู่กับลูกแม้แต่น้อย แม่ยังสงสัยอยู่เลยว่าเด็กในท้องของนางเป็นลูกของเจ้าจริงหรือไม่!”

ประโยคนั้นจี้จุดอ่อนของมู่หรงฉีทันที “เรากำลังพูดถึงจิ่นอวี๋ ทำไมไปพูดถึงเหลิ่งชิงฮวนได้เล่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางอย่างไร”

พระสนมฮุ่ยเฟยรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ก่อนจะเกิดความสงสัยอีกครั้ง “บอกแม่ตรงๆ เด็กคนนี้เป็นลูกของลูกหรือเปล่า”

“เสด็จแม่อย่าคิดเรื่องไร้สาระพวกนั้นเลย”

พระสนมฮุ่ยเฟยยิ้มอย่างเย็นชา “แม่เชื่อพฤติกรรมของเหลิ่งชิงฮวนไม่ลงจริงๆ รอให้เด็กคนนี้เกิดมาก่อน แม่จะใช้หยดเลือดพิสูจน์ให้เจ้าเห็น จากนั้นลูกจะเก็บมันไว้ต่อหรือไม่ก็ตามใจ

มู่หรงฉีสูดหายใจเข้าลึก ๆ เต็มไปด้วยความโกรธ ทว่าไม่อาจแสดงออกมาได้ ท้ายที่สุดแล้วคนที่บังคับเขาให้เลือกก็คือแม่ของเขาเอง

เขากำหมัดแน่นและกัดฟันพูด “ชิงฮวนทำอะไรผิดถึง ทำไมเสด็จแม่จึงปฏิบัติต่อนางเช่นนี้”

“การตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานถือเป็นพฤติกรรมแย่มาก ยิ่งไปกว่านั้นเหลิ่งชิงหลางบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ลูกจะมีความสัมพันธ์ใดๆ ก่อนงานแต่งงาน นางทำให้ลูกไม่มีสติใช่หรือไม่”

มู่หรงฉีขมวดคิ้ว “นางกับชิงฮวนบาดหมางกันมาตลอด นางทำทุกอย่างเพื่อจัดการชิงฮวน เสด็จแม่เชื่อคำพูดของนางงั้นหรือ ชิงฮวนเป็นภรรยาของลูก ลูกรู้จักนิสัยของนางดีกว่าใครๆ ลูกหวังว่าจะไม่ได้ยินข่าวลือใดๆ เกี่ยวกับชิงฮวนในอนาคตรวมถึงจิ่นอวี๋ด้วย หากมีครั้งหน้าลูกจะไม่เกรงจอีกต่อไป”

“แม่ถามจิ่นอวี๋แล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา