ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 243

ต่อมา บิดาของจิ่นอวี๋เสียชีวิตในสนามรบ มารดาของนางก็ตรอมใจตายตามไปด้วย ทำให้จิ่นอวี๋กลายเป็นเด็กกำพร้า

ฮ่องเต้ทรงซาบซึ้งในคุณงามความดีของบิดาของนาง พระสนมฮุ่ยเฟยจึงเสนอให้รับตัวนางเข้าวังมาเลี้ยงดูดุจธิดาของตน

มู่หรงฉีเองก็ดูแลน้องสาวคนนี้เป็นอย่างดีเช่นกัน เมื่อครั้งเยาว์วัย เขามักจะเล่นอยู่กับนางโดยปราศจากความคิดเกินเลย

ต่อมาเมื่อเติบใหญ่ กลับมีผู้คนหยอกล้อพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ ว่าจิ่นอวี๋คืออนาคตศรีภรรยาที่เขารับเข้าวังมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เด็กๆ เขาที่กำลังอยู่ในวัยขบถรู้สึกโกรธขึ้งที่ผู้อื่นพูดจาให้ร้ายความสัมพันธ์อันบริสุทธิ์ระหว่างพวกเขาทั้งสอง

แต่ภายหลัง เขาถึงได้รู้ว่าต้นตอทั้งหมดมาจากจิ่นอวี๋

นางป่าวประกาศเรื่องโป้ปดเหล่านี้ไปทั่ว ทั้งยังคอยกีดกันไม่ให้หญิงสาวนางอื่นได้เข้าใกล้เขา จนเขาถูกบรรดาพี่ชายและน้องชายหัวเราะเยาะ นับตั้งแต่ช่วงวัยขบถของเขาเป็นต้นมา ความเอือมระอาที่มีต่อจิ่นอวี๋ได้ถูกสะสมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

เขาเคยเอ่ยเตือนนางอย่างจริงจัง แต่ที่ไหนได้ เขากลับถูกพระสนมฮุ่ยเฟยตำหนิอย่างรุนแรงและบังคับให้ขอโทษจิ่นอวี๋ที่กำลังร้องห่มร้องไห้

แต่ด้วยความเย่อหยิ่งและดื้อรั้นในวัยเยาว์ มู่หรงฉีเลือกที่จะหันหลังกลับและวิ่งไปหาเสด็จพ่อที่ห้องทรงพระอักษร แล้วร้องขอติดตามเสด็จตาออกจากเมืองหลวงไปยังสนามรบเพื่อรับใช้ชาติบ้านเมือง

ฮ่องเต้เห็นชอบโดยแทบไม่ต้องไตร่ตรอง พระองค์ทรงรับสั่งให้ที่ปรึกษาและขุนพลมือดีจำนวนมากติดตามอารักขาและช่วยให้เขาได้รับชัยชนะในการสู้รบ ทำให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่เลื่องลือไปทั่วหล้าตั้งแต่อายุยังน้อย

ต่อมา เขาจึงตระหนักได้ว่า ด้วยวิธีการนี้ เสด็จพ่อสามารถยึดอำนาจทางการทหารคืนจากผู้เฒ่าอาวุโสกั๋วกงได้อย่างสมเหตุสมผล ซึ่งในเวลานี้เสด็จตาของเขาก็ล่วงเลยเข้าสู่วัยชราแล้ว

ในขณะที่เขาพยายามหลีกหนีให้ไกลห่างจากจิ่นอวี๋ นานๆ ถึงจะกลับมาเมืองหลวงพร้อมชัยชนะสักครั้ง แต่อย่างไรก็ดี ความลุ่มหลงที่จิ่นอวี๋มีต่อเขากลับมากขึ้นและดื้อด้านขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การยอมรับอย่างเงียบๆ ของพระสนมฮุ่ยเฟยยิ่งทำให้ข่าวลือเหล่านั้นเป็นเหมือนกับขนนกที่ฟุ้งกระจายไปทั่วท้องฟ้า ทุกคนต่างผูกมัดเขาและจิ่นอวี๋เข้าด้วยกัน ยิ่งทำให้เขารู้สึกชิงชังมากขึ้น

ยังดีที่ฮ่องเต้สถาปนายศอ๋องให้เขาตั้งแต่อายุยังไม่มาก และได้พระราชทานจวนให้เขาหลังหนึ่ง

ทว่า พระสนมฮุ่ยเฟยยังคงแผ่อำนาจควบคุมเขาดั่งเงาตามตัว นางจงใจจับคู่เขากับจิ่นอวี๋ ทั้งยังหยิบยกเรื่องบุญคุณครั้งเก่าก่อนมาย้ำเตือนซ้ำๆ และบีบบังคับให้เขาปฏิบัติต่อจิ่นอวี๋ให้ดี สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

ดังนั้น ท่าทีประหนึ่งรังเกียจอสรพิษที่ซึมลึกลงไปในกระดูกดำของเขามีต่อจิ่นอวี๋นั้น เกิดจากความทะนงตนและความขบถในวัยเยาว์ รวมทั้งต้องการต่อต้านการควบคุมจากพระสนมฮุ่ยเฟยอีกด้วย เฉกเช่นปฏิกิริยาสะท้อนกลับก็ไม่ปาน ยิ่งจิ่นอวี๋และพระสนมฮุ่ยเฟยออกแรงมากเท่าใด การต่อต้านของเขาก็ยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น

มู่หรงฉีจ้องมองจิ่นอวี๋ที่กำลังเสแสร้งด้วยสายตาเย็นชา เขาตบหลังจิ่นอวี๋เบาๆ “ข้าจะส่งคนไปเรียกไต้มั่วและแม่นมของเจ้า”

“ข้าไม่กลับ ข้ากลัว!”

“ข้าจะพักผ่อนแล้ว”

“เมื่อก่อนท่านพี่จะอยู่เป็นเพื่อนข้าและกล่อมข้าเข้านอนด้วยนี่เจ้าคะ”

“ยามนี้เจ้าเติบใหญ่แล้วนะ!”

“แต่ต่อหน้าท่านพี่ จิ่นอวี๋ยังคงเป็นเด็กน้อยเสมอ”

“ปล่อยข้าก่อน” มู่หรงฉีรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหมดความอดทนแล้ว เขาแทบอยากจะตบนางให้กระเด็นออกไปอยู่ท่ามกลางสายฝนด้านนอก “เจ้าต้องการสิ่งใด”

จิ่นอวี๋ที่อยู่ในอ้อมแขนร่ำไห้สะอื้น “ข้าจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า ข้าไร้ญาติขาดมิตร แม้แต่ดวงตาของข้าก็พิการ ข้าเหลือเพียงท่านพี่เท่านั้น ข้าแค่อยากให้ท่านอยู่เป็นเพื่อนข้าก่อน”

เสื้อผ้าของนางเปียกปอนไปหมด ไหล่กลมกลึงของนางสั่นไหวไปตามเสียงสะอื้น ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน

เหลิ่งชิงฮวนที่อยู่ในห้องด้านในรู้สึกอกจะแตกตายอยู่แล้ว

นังซาลาเปาแป้งหนา หน้าด้านเสียเหลือเกิน!

ก็เคยเห็นอยู่นะ คนหน้าไม่อายน่ะ แต่ไม่เคยเห็นใครหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนเลย คิดจะมาไม้นี้ หล่อนไม่แก้ผ้าวิ่งมาหามู่หรงฉีตรงๆ ไปเลยล่ะ

ตาบ้ามู่หรงฉีก็อีกคน ความหยาบคายที่เคยมีต่อครอบครัวของข้าไปไหนหมดเสียล่ะ ถึงได้ยอมให้คนเขากอดไม่ปล่อยแบบนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา