ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 270

เหลิ่งชิงฮวนเห็นว่าเหลิ่งชิงเจียวไม่เป็นอะไรมากแล้ว ก็ลุกขึ้นเดินจากไปพร้อมกับมู่หรงฉี

เพราะการตายของจื่อชิว ทั้งสองต่างก็นิ่งกันไปพักใหญ่ ตลอดทางไม่ได้พูดอะไร

หลังจากที่กลับมาถึงจวนฉีอ๋อง อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น เหลิ่งชิงฮวนนั่งพิงอยู่ที่หัวเตียง หยิบตำรา 《ตบโต๊ะด้วยความประหลาดใจ》เล่มที่จื่อชิวให้มาเปิดอ่านดู เมื่อพลิกดูแล้วอ่านคร่าวๆ ก็ต้องสะดุดกับเรื่องราวในนั้นทันที เป็นอย่างที่จื่อชิวบอกจริงด้วย แปลกประหลาดมาก

เพียงแต่ไม่รู้ว่า ในนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่

มู่หรงฉีผูกเสื้อคลุมของเขาหลวม ๆ เดินไปหาเธอ หลังจากนั้นลงมือทั้งสองข้างก็ไม่อยู่นิ่ง เลื่อนเข้าไปในแขนเสื้อของเธอ

เหล่ิงชิงฮวนอ่านตำราจนเพลิน พิงอยู่บนเตียง “เลิกเล่นได้แล้วเพคะ กำลังอ่านตำราอยู่นะ”

มู่หรงฉีมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า สงสัยอะไรบางอย่าง

เหลิ่งชิงฮวนที่ถูกมองจนอึดอัด เงยหน้ามอง ถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรหรือเพคะ?”

“วันนี้ที่จวนเสนาบดี ข้าเห็นเจ้าหยิบของสิ่งนั้นออกมาจากแขนเสื้อ? ทำไมถึงได้ส่องสว่างเพียงนั้น? จากนั้นพอเจ้าไม่ต้องใช้ก็เก็บมัน แม้แต่ไฟสักดวงก็ไม่เห็นแล้ว ตอนที่เจ้าอาบน้ำเมื่อสักครู่นี้ ข้าไม่เห็นว่าบนตัวเจ้าจะมีของอะไรอยู่เลยสักชิ้น”

หรือว่าถูกเขาจับได้แล้ว

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะ แกล้งทำเป็นหันไปหยิบไฟฉายออกมาจากข้างหมอน ส่งให้มู่หรงฉี เหมือนกับยื่นของให้เด็ก “นี่คือสิ่งที่พวกหม่อมฉันเอาไว้ใช้ตรวจร่างกายเพคะ เอาไปเล่นสิเพคะ”

อย่าเพิ่งมาก่อกวนเราตรงนี้เลย

มู่หรงฉีรับมันมาไว้ในมือ พลิกดูไปมา ไม่ทันระวังเผลอไปกดปุ่มเปิดไฟ ทันใดนั้นแสงไฟก็สว่างขึ้น ตกใจมือสั่น เกือบทำมันหล่นหายไปแล้ว

“เจ้าเอามันมาจากไหนน่ะ?” มู่หรงฉีซักไซ้ไต่ถาม

เหลิ่งชิงฮวนมองแหวนนาโนที่อยู่ในมือ ลังใจอยู่ครู่หนึ่ง “ได้ยินว่าเหมือนเป็นสินค้าจากต่างแดนที่คนชาวหูเอามาขายเพคะ”

มู่หรงฉีอยากรู้อยากเห็นเล่นของเล่นที่อยู่ในมือ สักพักเหลิ่งชิงฮวนเริ่มง่วงนอนแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมากลางดึก ไม่เห็นมู่หรงฉีอยู่ข้างๆ ยังคงนั่งเล่นไฟฉายที่อยู่ในมืออย่างใจจดใจจ่อ ถอดแยกชิ้นส่วนออกมาเป็นชิ้นๆ ไม่สามารถประกอบกลับไปใหม่ได้

ผู้ชายหนอ ก็ยังคงซุกซนตลอดไป เป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็น

หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จ เหลิ่งชิงหลางก็ถูกคนไปรับมาจากที่หมู่บ้านชนบท อย่างไรเสียจื่อชิวก็คอบปรนนิบัตนางมาโดยตลอด เป็นคนรับใช้ของนาง งานศพจะจัดขึ้นอย่างไร ก็ต้องบอกให้นางรู้ไว้

เหลิ่งชิงหลางร้องไห้ฟูมฟาย ไม่มีข้อเรียกร้องอื่นใด พูดได้ว่าจื่อชิวนั้นตายอย่างไม่เป็นธรรม ขอร้องให้มู่หรงฉีนิมนต์พระมาปลดปล่อยดวงวิญญาณของจื่อชิว

คำขอนี้ยังสมเหตุสมผล มู่หรงฉีสั่งการลงไป ให้ผู้แลบ้านเป็นคนจัดการเรื่องงานศพของจื่อชิวให้อย่างเหมาะสม

แต่ในสายตาของเหลิ่งชิงฮวนนั้น รู้สึกว่าเหลิ่งชิงหลางนั้นแสร้งทำเป็นซื่อ ภายหลังความสัมพันธ์ของพวกนางสองเจ้านายกับบ่าวนั้นเป็นอย่างไร ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่เต็มอก การโปรดสัตว์ครั้งนี้เหมือนกับการโปรดสัตว์ให้ตัวนางเอ ซื้อความสงบสุขของจิตใจ

เหลิ่งชิงหลางร้องไห้คร่ำครวญ มีบางคำที่มู่หรงฉีเองก็ไม่กล้าที่จะถามออกไป จึงเรียกแม่จ้าวมาสอบถาม

แม่จ้าวปฏิเสธอย่างหนักแน่นหลายวันมานี้เหลิ่งชิงหลางไม่ได้ออกจากหมู่บ้านชนบท และก็ไม่ได้เจอจื่อชิวเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจี้หยกที่นางไปเอามาจากเหลิ่งชิงเจียว

นางยังกล่าวอีกว่า ช่วงหลังความสัมพันธ์ของเหลิ่งชิงหลางและจื่อชิวค่อยๆดีขึ้น เหลิ่งชิงหลางไม่มีเหตุผลที่จะจัดการกับจื่อชิวอย่างแน่นอน

มีข้อสงสัยมากมายจริง ๆ แต่ข้อเท็จจริงได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การตายของจือชิวนั้น ดูเหมือนเหลิ่งชิงหลางจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

หลังจากที่จัดการกับงานศพของจื่อชิวแล้ว เหลิ่งชิงหลางได้ยินว่าเหลิ่งชิงเจียวป่วย จึงเสนอมู่หรงฉี หลังจากที่ไปจวนเสนาบดีเยี่ยมชิงเจียวแล้ว ค่อยกลับไปที่หมู่บ้านชนบท

เมื่อมู่หรงฉีเผชิญหน้ากับเหลิ่งชิงหลาง ในใจก็รู้สึกไม่เป็นสุข กลัวว่านางจะพูดจาเพ้อเจ้อ ถูกเหลิ่งชิงฮวนเจอเบาะแส แทบจะรอไม่ไหวที่จะส่งนางกลับไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา