ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 29

"ได้ข่าวว่าลูกชายคนโตของตระกูลเหลิ่งแม้จะอยู่กับแม่ที่ชนบทมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ตั้งใจร่ำเรียน เป็นผู้ที่มีความสามารถ มีความสามารถและท่วงทีที่คล้ายกับพ่อของเขาตอนหนุ่มๆ แต่ว่าแยกตัวออกไปอาศัยเองแล้วเหรอ"

"ไม่ใช่!" เสิ่นหลินเฟิงเล่าทุกสิ่งอย่างที่เจอในวันนี้ให้ท่านผู้เฒ่าฟังอย่างละเอียด

เหล่าไท่จวินฟังจนคิ้วขมวดผูกเป็นโบ "อมิตตาพุทธ จินซื่อนี่มันจะโหดเหี้ยมร้ายกาจเกินไปแล้วนะ นี่จะไล่ต้อนให้จนมุมนี่ น่าสงสารเด็กสองคนนี้ ไม่รู้ว่าถูกรังแกที่จวนมหาเสนาบดีมาเท่าไหร่แล้ว"

"วันนี้หลานได้พูดคุยกับเหลิ่งชิงเฮ่อ แล้วก็พบว่าเขาเป็นดั่งที่เล่าขานกัน เป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างยิ่ง แม้จะป่วยไม่สบายก็ยังไม่ลืมที่จะมุมานะบากบั่นในการเรียนรู้ หากสักวันหนึ่งมีโอกาส จะต้องขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้โดยไม่เปลืองแรงและแก้แค้นได้อย่างแน่นอน"

"ในอนาคตนี่จะเป็นแรงเสริมของพี่ของเจ้านะ ในตอนนี้พี่น้องคู่นี้กำลังตกอยู่ในสภาวะลำบาก หากเจ้ามีกำลังมากพอ ก็ช่วยพวกเขาบ้าง ในอนาคตจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างแน่นอน"

"หลานก็คิดเช่นนี้เหมือนกันขอรับ อยากจะส่งคนไปคอยปกป้องเหลิ่งชิงเฮ่ออย่างลับๆ จนกว่าเขาจะหายดี ส่วนเรื่องการตอบแทน วันนี้หลานก็แค่ได้รับผลพลอยได้จากพี่สะใภ้ ได้ไขคดีที่ไม่ได้ความคืบหน้าสักที และปลดปล่อยนักโทษที่บริสุทธิ์พวกนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าวิธีการรักษาของพี่สะใภ้จะมีความรอบรู้ขนาดนี้ ทำให้หลานได้แรงบันดาลใจมากมายเลยทีเดียว"

"ตั้งแต่ที่ข้าฟื้นมา ได้ยินคำบอกกล่าวของเจ้าว่าวันนั้นชิงฮวนพยายามรักษาข้าโดยไม่สนคำห้ามปราม เสด็จยายก็รู้แล้วว่านางเป็นเด็กที่มีใจเมตตา ให้เวลากับลูกพี่เจ้าหน่อย เชื่อว่าเขาจะต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่มีค่า"

เสิ่นหลินเฟิงพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนักว่า "ได้ข่าวว่าวันนี้พระชายารองนั่นเตรียมของล้ำค่ามาเยี่ยมเสด็จยาย เสด็จยายชอบใจมากเลยนะ"

เหล่าไท่จวินยิ้มเหอะเหอะ " เจ้ากำลังโทษที่วันนี้ข้าละเลยพี่สะใภ้เจ้ารึ"

เสิ่นหลินเฟิงไม่พูดอะไร มีความเป็นเด็กอยู่ไม่น้อย

เหล่าไท่จวินหรี่ตาเล็กน้อย "ในตำราพิชัยสงคราม นี่เรียกว่ากลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ"

"กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ?"

เหล่าไท่จวินพยักหน้า "ข้าอยู่มาจนถึงอายุปูนนี้แล้ว ความคิดของนางแค่นั้นข้าจะดูไม่ออกเลยหรือ นางเห็นว่าข้าพยายามจะรั้งพี่สะใภ้ของเจ้า ดังนั้นนางจึงมาเยี่ยมเพื่อดูสถานการณ์ พยายามทำดีกับข้า ให้ข้ารีบปล่อยชิงฮวนออกจากจวนท่านอ๋องไป ดูจากผิวเผินแล้วนางเคารพข้าอย่างมาก แต่ในใจคงเกลียดข้ายิ่งกว่าอะไร"

ถ้างั้นทำไมเสด็จยายถึงไม่โจมตีนางกัน

"การที่พวกเรานั้นรู้แจ่มแจ้งมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ต้องดูท่าทีของพี่เจ้าด้วย ข้าก็ให้หน้าทำดีกับนางหน่อย มีแต่พะเน้าพะนอหน่อย จะได้กำเริบเสิบสาน เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา พี่เจ้าจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนางเร็วไว เจ้าคิดดูสิ ถ้าข้าพูดเตือนนาง นางก็จะสงบเสงี่ยมเจียมตัว พี่เจ้าก็จะยิ่งต่อต้าน คิดว่าเรากำลังเจาะจงทำไม่ดีกับนาง"

เสิ่นหลินเฟิงเข้าใจขึ้นมาทันที "เสด็จยายคิดรอบคอบมากจริงๆ นี่มันเยินยอแล้วให้นางตกต่ำชัดๆ"

เหล่าไท่จวินมองดูหลานรักของนางด้วยความรักเอ็นดู "ไม่ใช่รอบคอบหรือไม่รอบคอบหรอก ชายหนุ่มอย่างพวกเจ้านั้นใจผูกกับแผ่นดิน คิดถึงประชาชนทั่วทุกสารทิศ จะเข้าใจเรื่องพวกนี้ของผู้หญิงได้ยังไงกัน อดใจไว้อีกหน่อยเถอะ ให้นางได้ดีใจสักสองสามวัน"

"เสด็จยายไม่อยากให้หลานไปอธิบายให้พี่หรือขอรับ"

"การอธิบายมันก็แค่พูดคำสองคำ มันง่ายเหลือเกิน สิ่งที่ให้ข้ากังวลมากที่สุดคือพี่สะใภ้ของเจ้า เรื่องน่าน้อยใจขนาดนี้แต่นางกลับไม่พูดอะไรสักคำ คงจะรู้สึกผิดหวังกับพี่ของเจ้าอย่างมาก ไม่อยากแม้กระทั่งอธิบาย ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะแย่มาก ไม่ได้การ ข้าจะต้องหาวันเข้าวังไปพูดคุยกับไทเฮาหน่อย หลานสะใภ้คนนี้ข้าจะเอาให้ได้"

เหลิ่งชิงฮวนกลับมาถึงที่จวนฉีอ๋อง เมื่อเข้ามาในลานของตนเอง ก็เห็นแม่หวังกับแม่นมเตียวยืนอยู่ในลานด้วยความเคารพ ราวกับว่ากำลังต้อนรับการมาถึงของตน

นี่มันแปลกไปจริงๆ โดยเฉพาะแม่หวัง ช่วงที่ตนเองไม่อยู่ ก็เป็นเวลาเหมาะที่นางจะแอบอู้งานและไปพูดดีเยินยออยู่ต่อหน้าเหลิ่งชิงหลาง

นางไม่ได้สนใจอะไรนัก ยังพูดคุยอย่างสนุกสนานกับโตวโตวว่า "พอได้กัดลูกชิ้นเนื้อเจ้าคำหนึ่ง ซุปที่อยู่ข้างในก็แตกกระจายออกมา เหมือนกับสุนัขที่กำลังฉี่เลย ก็เลยเรียกว่าลูกชิ้นเนื้อหมาฉี่ยังไงหล่ะ"

พูดพลางเปิดม่านออก เพิ่งจะพูดจบนางก็ทำตาโตราวกับเจอผี "ท่าน ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่"

มู่หรงฉีที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างหันหลังมา นัยต์ตาที่เยือกเย็นนั้นราวกับอดกั้นความโกรธเอาไว้ "ออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ พึ่งจะกลับมาเวลานี้ พระชายาของข้านี่ช่างอิสระจริงๆ"

เห็นท่าทางของเขาเหลิ่งชิงฮวนก็รู้เลยว่าเขานั้นมาหาเรื่องเพราะว่าว่างเหลือเกิน ต่อไปไม่รู้จะพูดคำอะไรที่ไม่น่าฟังออกมามากมาย นางหันไปบอกโตวโตวว่า "เจ้าออกไปก่อนเถอะ"

โตวโตวยืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน นางกลัวว่าคุณหนูของนางจะเสียเปรียบ นิสัยของคุณหนูนั้นแข็งกร้าว มักจะต่อกรสู้รบกับท่านฉีอ๋องอย่างสูสี ตนเองอยู่ที่นี่ แม้จะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็สามารถอธิบายขอร้องได้ ถ้าจนทางจริงๆ คุกเข่าลงขอร้องท่านฉีอ๋องก็ยังได้

นางรู้สึกว่าท่านฉีอ๋องก็แค่ไปเชื่อฟังคำของเหลิ่งชิงหลางเข้า เขาดูเหมือนดุดัน แต่เป็นคนที่ใจอ่อน

ใบหน้าของมู่หรงฉีนั้นเยือกเย็น มุมปากของเขาก็ยกขึ้น ทำให้เวลายิ้มแล้วดูชั่วร้าย ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกเกรงกลัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา