ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 300

คนแรกที่พบว่าซื่ออี๋เหนียงผูกคอตายคือชิงฮวา

คณะละครคณะใหม่ได้เข้ามาในจวนและกำลังยุ่งอยู่กับการทำเวลา นางอยู่ในจวนดูเรื่องสนุกอยู่ค่อนวันก็ไม่อยากรู้แล้วว่าหลังจากนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

นางเห็นคำที่เขียนไว้ในหนังสือบทละคร นางก็นึกถึงเรื่องที่อี๋เหนียงเคยเล่าให้นางฟัง นางวิ่งเหยาะเข้าไปในสวนหลังบ้านเพื่อให้อี๋เหนียงได้ออกมาดูความสนุกสนาน

นางผลักประตูเข้าไปอย่างเบิกบานใจ คำว่าอี๋เหนียงที่จะเรียกออกไปติดอยู่ในลำคอ นางเห็นรองเท้าปักลายดอกไม้ของซื่ออี๋เหนียง มีลมพัดเข้าม กระโปรงของซื่ออี๋เหนียงปลิวไหวราวกับกำลังแกว่งอยู่

นางชะงักไปและเหม่อมองไปด้านบน จากนั้นนางก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างเจ็บปวด

“อี๋เหนียง!”

คนในจวนจำนวนมากมาล้อมเอาไว้และช่วยซื่ออี๋เหนียงลงมาจากคาน เห็นได้ว่านางตายมานานแล้ว

บ่าวรับใช้ในจวนต่างพากันพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในบ่ายวันนี้และพุ่งเป้าไปที่เซวียอี๋เหนียง

ชิงฮวานิ่วหน้า นางคว้ากรรไกรด้ามหนึ่งจากกล่องเย็บผ้าแล้วไปหาเซวียอี๋เหนียงอย่างสู้ตาย

คนจำนวนมากเข้ามาห้ามนางไว้จนชิงฮวาไม่สามารถหลุดรอกไปได้ นางจึงร้องไห้ออกมาตรงนั้นจนทำให้คนที่ใจอ่อนหลายคนน้ำตาไหล

เซวียอี๋เหนียงลนลาน นางคิดไม่ถึงเลยว่าซื่ออี๋เหนียงจะอารมณ์ร้ายขนาดนี้ แต่เพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น ทำไมถึงได้คิดไม่ได้กันนะ

นางคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเสนาบดีเหลิ่งแล้วโขกศีรษะ พร้อมทั้งอธิบาย เสนาบดีเหลิ่งทำเพียงหันหลังให้นาง

สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกกลัวมากเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ความผิดนี้ตกลงมาอยู่บนหัวนางบอกว่านางเป็นคนบีบให้อี๋เหนียงในจวนตาย นางคิดว่าคงไม่มีความหวังอีกแล้ว

เหลิ่งชิงหลางรีบเข้ามาเมื่อได้ยินข่าวแต่นางกลับยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ ผ้าเช็ดหน้าก็ไม่อาจผิดบังความสุขที่อยู่ในดวงตาของนางได้ เมื่อซื่ออี๋เหนียงตายไป เรื่องการตายของจือชิวก็หมดปัญหา ตายไปอย่างไร้หลักฐานและไม่มีใครสงสัยมาถึงตัวนาง สวรรค์เข้าข้างนางเสียจริง

เวทีละครถูกรื้อถอนออกไปแล้ว เจ้าคณะละครก็ออกไปจากจวนมหาเสนาบดี ไม่มีใครมีกะจิตกะใจอยากดูละครแล้ว

เหลิ่งชิงเฮ่อให้คนไปส่งจดหมายให้เหลิ่งชิงฮวนเพื่อแจ้งข่าวแก่นางว่าเรื่องดูละครคงต้องเปลี่ยนเป็นวันหลัง

เมื่อเหลิ่งชิงฮวนได้ทราบข่าวก็รีบกลับมาที่บ้าน เธอไม่วางใจเรื่องชิงฮวา ถ้าหากว่าคนตายเป็นคนที่ป่วยมานานทุกคนคงเตรียมใจเอาไว้ล่างหน้านานแล้ว แต่ว่าการจากไปอย่างกะทันหันแบบนี้คนที่เป็นญาติคงเสียใจมาก

ภายในจวนไม่มีวี่แววของงานศพ ทุกอย่างดูเป็นปกติ การตายของซื่ออี๋เหนียงเป็นการเพิ่มเรื่องสนทนาในยามจิบน้ำชาและหลังกินข้าวของคนอื่น

มีเพียงชิงฮวาที่สวมชุดไว้ทุกข์และร้องไห้จนเหนื่อยหลับไป พอนางตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้และหลับไปอีก นางนั่งขดตัวอยู่หน้าโลงศพของซื่ออี๋เหนียงอย่างไม่ยอมไปไหนเลยสักก้าว

เหลิ่งชิงเจียวที่อัครเสนาบดีปล่อยออกมากำลังนั่งอยู่ข้างชิงฮวาและก้มหน้าลงอยู่ ทั้งสองคนคุยกันเสียงเบาอย่างที่ได้ยินกันแค่สองคน

“เจ้าอย่าเสียใจไปเลย เจ้ายังมีข้าเป็นเพื่อนนะ ข้าเองก็ไม่มีแม่แล้ว”

เหลิ่งชิงฮวาร้องไห้หนักกว่าเดิม “แต่อี๋เหนียงของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ อี๋เหนียงของข้ากลับมาไม่ได้แล้ว นางไม่ต้องการข้าแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวาพูดเสียงสะอึกสะอื้น

เหลิ่งชิงเฮ่อเดินมาที่ด้านหลังของเธอแล้วพูดเสียงเบาว่า “บ่าวรับใช้ที่มีหน้าที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ซื่ออี๋เหนียงบอกว่าเห็นรอยกรงเล็บสี่เล็บอยู่บนแขนของนางที่เพิ่งหายดี ไม่มีทางเป็นรอยแมวข่วนแน่”

นี่เป็นสิ่งที่คิดเอาไว้อยู่แล้ว

“นางฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิดงั้นหรือ” เหลิ่งชิงฮวนถามเสียงเบา “หรือนางรู้ตัวว่าเราสงสัยนาง นางจึงกลัวแล้วเลือกผูกคอตาย หรือว่าจะมีคนลงมือกับนางกัน ฆ่าคนปิดปาก?”

“เห็นได้ชัดว่านางฆ่าตัวตาย แต่ทำไมนางถึงคิดไม่ได้กันนะ ยังเป็นที่ถกเถียงกัน คนในจวนพูดกันว่านางมีปากเสียงกับเซวียอี๋เหนียง พูดจากันรุนแรงมาก ตอนนั้นซื่ออี๋เหนียงอารมณ์รุนแรงพูดถึงความเป็นความตาย แต่ทุกคนไม่ได้ใส่ใจ ”

“เซวียอี๋เหนียงต้องพูดเรื่องอดีตของนางแน่ นางถึงได้กลัวว่าจะทำให้เหลิ่งชิงฮวนลำบากถึงได้เลือกทางนี้”

“ท่านพ่อเสียใจมากจนขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือและไม่ยอมพบใคร เซวียอี๋เหนียงกลัวมากและไม่อยากรับผิดชอบเรื่องนี้ นางอธิบายพูดว่าเมื่อวานนี้มีคนเห็นซื่ออี๋เหนียงอารมณ์ไม่ดี ตอนที่กลับไปที่เรือนของนางก็เหมือนวิญญาณหลุดจากร่าง ต้องเกิดเรื่องอะไรที่ทำให้นางคิดสั้นแน่ สุดท้ายนางก็ต้องเผชิญกับมัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา