ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 338

หยิบเทียนขึ้นมาส่องไฟดู เหลิ่งชิงฮวนก็ยิ้มขึ้นมาทันที

นี่มันลิงตัวนั้นที่หมอในจวนเลี้ยงไว้ไม่ใช่หรือไง? ที่แท้ก็แอบเข้ามาในวัง และก็ไม่รู้ว่าเฝ้าอยู่ด้านนอกนานแค่ไหนแล้ว กว่าจะรอจนตัวเองได้อยู่คนเดียว ไอ้หมอนี่มันร่าเริงเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่บอกว่ามันฉลาดซุกซน

เจ้าลิงนั่งยองอยู่ตรงหน้าเธอ ที่คอมีผ้ามัดอยู่ เหลิ่งชิงฮวนคลี่ผ้าออก ด้านในมีตัวอักษรเขียนไว้ “รีบเดินทางไปที่เมืองติ้งโจว อยากกินอะไรสั่งได้เลย”

น้ำเสียงนี้ หากกระดาษนี้ถูกฮ่องเต้ยึดเอาไปได้ละก็ กลัวว่าจะต้องโกรธจัด เห็นราชสำนักวังหลวงกลายเป็นสถานที่อะไรกัน? ยังสามารถเข้ามาส่งข้าวได้อยู่หรือไม่?

ในเวลานี้เหลิ่งชิงฮวนไม่สนใจว่าจะกินอะไร รีบหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากแหวนนาโน เขียนตัวอักษรเล็กๆอย่างกระฉับกระเฉง กำชับรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดตามล่าตัวน่าจาอี๋นั่ว อย่าให้นางหนีออกจากเมืองหลวงไปได้ ก็หวังว่าวัวหายล้อมคอก ก็ยังไม่สายเกินไปนะ

ข่าวคราวส่งออกไป เหลิ่งชิงฮวนก็วางใจ ทำให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วแต่ฟ้าลิขิต คนอื่นจะคิดจะมองตัวเองยังไงก็ไม่สำคัญ ตอนนี้ตัวเองตั้งใจที่จะต่อสู้กับแม่สามี แสดงความกตัญญูเล็กน้อย

พระสนมฮุ่ยเฟยร้องไห้อยู่พักใหญ่ บวกกับความอึดอัดใจ ทั้งยังสำลักควันอีก เมื่อตื่นนอนขึ้นมาพักใหญ่ กินอาหารเย็น คิดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงออกมาไม่ได้

สํานักกิจการภายในมาสอบปากคำ ยังนึกว่านางแกล้ง ทำให้ท่านแม่นั้นโกรธมาก โก่งคอจ้องตาเขม็ง เหมือนกับไก่ชน

ผู้หญิงพาลไม่ยอมฟังเหตุผลขึ้นมา ปกติไม่มีใครแส่หาเรื่อง โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ และก็ลูกชายที่ไม่สามารถไปยั่วเย้าได้

เพื่อช่ือเสียงของเหลิ่งชิงฮวน สำนักกิจการภายในได้สอบปากคำนักบวชอวิ๋นชิง เขาเองก็ได้ประโยชน์จากนายหลิงแกล้งแต่งผีหลอกทำร้ายเหลิ่งชิงฮวน จริงๆแล้ว เขานั้นไม่ได้เข้าใจอะไรในลัทธิเต๋า เป็นเพียงแค่นักต้มตุ๋นที่ร่อนเร่ไปทั่วยุทธภพ

พระสนมฮุ่ยเฟยรู้ว่าตัวเองขาดความชอบธรรม แต่จะให้นางมาก้มหัวขอโทษเหลิ่งชิงฮวน นั่นคงเป็นไปไม่ได้ ยังคงยึดมั่นในความดื้อรั้นครั้งสุดท้ายของตัวเอง ก่อเรื่องวุ่นวาย

สํานักกิจการภายในได้สอบปากคำรับสารภาพของข้าหลวงในตำหนักเจียนเจีย หลังเซ็นชื่อยอมรับผิดแล้ว ก็บอกว่าต้องไปสอบปากคำจิ่นอวี๋ที่จวนฉีอ๋องด้วย เรื่องนี้นางเองก็น่าสงสัยเช่นกัน

พวกข้าหลวงในวังต่างโน้มน้าวให้พระสนมฮุ่ยเฟยย้ายไปอยู่ห้องโถงด้านข้างของจิ่นอวี๋ชั่วคราวเป็นเวลาสองวัน พระสนมฮุ่ยเฟยเห็นเหลิ่งชิงฮวนเป็นเสมือนปลาได้น้ำ จงใจที่จะโอ้อวดกำลังกับตัวเอง คับแค้นอยู่ในใจ ไม่ย้าย คืนนี้ก็จะนอนพักอยู่ในห้องใหญ่

กลิ่นควันเผาไหม้แบบนี้นั้นเป็นพิษ

วันต่อมาพระสนมฮุ่ยเฟยเวียนหัวและลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ นางวางมาดไม่ขอร้องเหลิ่งชิงฮวนเด็ดขาด เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ได้ยินดียินร้ายไปกับความโชคร้ายของคนอื่น

พวกข้าหลวงในวังขอร้องให้ทหารอารักขาไปเชิญหมอหลวงมา พวกหมอหลวงต่างพากันบอกปัด บอกว่าฮ่องแต้มีพระราชโองการรับสั่ง คนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้าออกตำหนักเจียนเจีย

พระสนมฮุ่ยเฟยมองดูทหารอารักขาที่มาๆไปๆประจบเอาใจเหลิ่งชิงฮวน โกรธจนแทบจะหงายหลัง

ต่างก็พูดกันว่าถ้านกฟีนิกซ์ไม่มีขนที่งดงาม แม้แต่ไก่ตัวหนึ่งก็สู้ไม่ได้ นางสนมอย่างเธอไม่ได้สูงศักดิ์เท่ากับพระชายา แต่ว่า! เธอเป็นแม่ของมู่หรงฉี เหลิ่งชิงฮวนก็เป็นแค่ลูกสะใภ้! ลูกสะใภ้สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แม่นั้นมีเพียงคนเดียว!

น่าน้อยใจนะ โตมาขนาดนี้ไม่เคยได้รับความอับอายอย่างนี้ ดังนั้นเธอจึงยิ่งคิดถึงมู่หรงฉี เสียใจอย่างสุดๆ ตัวเองทำตัวดี สั่งให้ย้ายลูกชายไปที่ไกลๆทำไมกัน? หากมู่หรงฉีอยู่ที่นี่เขาจะต้องไปขอร้องฮ่องเต้อย่างแน่นอน

เมื่อความโกรธประทุขึ้น ก็ยิ่งลำบากใจ กินไม่ได้ ดื่มไม่ลง แม้แต่แรงที่จะด่าเหลิ่งชิงฮวนก็ยังไม่มี

นอกตำหนัก เหลิ่งชิงฮวน พวกข้าหลวงในวังและทหารอารักขาต่างเป็นพวกเดียวกัน ทำงานเก่าที่นางเคยทำ ตั้งแผงดูดวง ไม่สิ ตรวจคนไข้

เธอไม่ได้ตั้งใจให้พระสนมฮุ่ยเฟยโกรธ แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่กินอิ่มแล้วไม่มีงานทำ แต่รู้จักคนมากขึ้นก็ทำเรื่องได้ง่าย ตัวเองอยู่ในวังหลวงไม่มีแม้แต่คนคอยช่วย ดึงมาเป็นพรรคพวกไม่กี่คน ถ้าเกิดอยากจะกินเป็ดย่างของจวนฉีอ๋อง ไหล่หมูของหอหงปิน ทำยังไง? ต้องมีคนที่ยอมวิ่งเต้นทำงานแทนตัวเอง

เธอตั้งโต๊ะตรงประตูตำหนักเจียนเจีย ย้ายเก้าอี้ตัวหนึ่ง ชงชามาชุดหนึ่ง วางเมล็ดแตงโมจานหนึ่ง ทหารอารักขาเห็นว่าเธอนั้นเป็นคนเข้ากับคนง่าย ไม่วางมาด ดังนั้นก็เลยไม่เกรงใจ

ผู้คนกินอาหารแห้งธัญพืช ใครเลยจะไม่มีปัญหาบ้าง? เป็นหวัด มีไข้ มีน้ำมูก หกล้มบาดเจ็บร่วมกับริดสีดวงทวาร เจ็บป่วยก็ต้องหาหมอ ไม่เจ็บป่วยก็เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ฝังเข็ม และเขียนจ่ายใบสั่งยาให้ฟรี

หากไม่ใช่เพราะตัวเองนั้นต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น เฮ้อ การเปิดโรงหมอในวังหลวงนั้น ควรที่จะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเลยล่ะ

พวกข้าหลวงต่างทนดูไม่ไหส เจ้านายของตัวเองนอนล้มป่วยจนลุกไม่ขึ้นอยู่ด้านใน พระชายาฉีอ๋องเองก็เป็นคนทำให้เจ้านายหงุดหงิดไม่พอใจไม่ใช่หรือไง?

ทุกคนเลือกที่นางกำนัลหลิงตังมาขอความช่วยเหลือจากเหลิ่งชิงฮวน “พระชายาเพคะ วันนี้ฮุ่ยผินของบ่าวร่างกายเริ่มไม่สบายอกสบายใจมากขึ้น ไม่ได้ทานอะไรมาสองวันแล้ว ท่านว่า...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา