เหลิ่งชิงฮวนจ้องดวงตาคู่สวยเป็นประกาย “เมื่อเข็มภมรของหม่อมฉันฝังลงไป จะรู้สึกเลือดไหลเวียนกระปรี้กระเปร่า รักษาโรคได้หลายร้อยโรค มีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้ หม่อมฉันไม่ได้เรียกเก็บค่ารักษาจากท่าน อีกทั้งยังช่วยท่านซื้อใจผู้คน หากท่านไม่รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณก็ช่าง ยังจะเอาใจคนต่ำต้อยวัดท้องสุภาพบุรุษอีก”
มู่หรงฉีชะงักมือขณะที่กำลังจัดปกคอเสื้อคลุม มองตรงมาที่นัยต์ตาของเธอ ยกมุมปากขึ้น แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าพูดจาไร้สาระอย่างจริงจังแบบนี้ ข้าก็ได้เปิดหูเปิดตาแล้วว่า เป็นจริงดังเช่นที่ว่าผู้หญิงยิ่งงามก็ยิ่งพูดปด”
เหลิ่งชิงฮวนลูบหน้าตัวเอง ยิ้มอย่างสดใส “ท่านอ๋องกำลังชมหม่อมฉันอยู่หรือเพคะ? ละอายที่จะรับไว้เพคะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงฉีจางหายไปทีละนิด “แต่ว่าวันนี้เจ้าก็เด่นเกินหน้าเกินตา อีกทั้งยังทำให้ชิงหลางอับอายอีก ภูมิใจแล้วเหรอ?”
เหลิ่งชิงฮวนเก็บของทุกอย่างของตัวเองใส่เข้าไปในกระเป๋ายา พูดเย้ยหยัน “ที่ต่างก็พูดกันว่าผู้ชายนั้นพอหมดธุระแล้วก็ทำเป็นไม่มีไรเกิดขึ้น เป็นจริงดังเช่นที่ว่าสินะ พูดเหมือนกับว่าที่พวกท่านโดนวางยาพิษนั้นหม่อมฉันวางแผนมานานแล้ว หม่อมฉันเด่นเกินหน้าเกินตานั้นก็เป็นเพราะความสามารถของหม่อมฉัน ส่วนนางอับอายขายหน้าก็เป็นเพราะธาตุแท้ของนางเอง”
มู่หรงฉีตีหน้าขรึม “ช่างหยาบคายเสียจริง!”
เหลิ่งชิงฮวนร้อง “โอ๊ะ” ขึ้นมา “อีกอย่าง เมื่อกี้ท่านอ๋องยังไม่ได้ถอดกางเกงเลยนะเพคะ”
สายตาของมู่หรงฉีชำเลืองมองไปที่ผู้ตรวจการอย่างลุกลี้ลุกลน “เจ้ายังเป็นกุลสตรีอยู่หรือไม่? ในปากมีแต่เรื่องไร้สาระ ช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ!”
ทำเสียงพึมพำ แล้วเดินสะบัดก้นหนี ไม่มีแม้แต่จะขอบคุณ
แต่เหลิ่งชิงฮวนเห็นได้ชัดเจนเลยว่าจังหวะก้าวเท้าที่สุขุมของเขานั้นลนลานอยู่เล็กน้อย ผู้ชายท่ีเจ้าชู้ประตูดินอย่างนี้ไม่เคยถูกลวนลามเลยเชียวหรือ? ถึงได้อ่อนไหวแบบนี้นะ
เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้รีบร้อนอะไร หยิบกระดาษดินสออออกมาจากปิ่นโต “ขีดๆเขียนๆ” อย่างกระฉับกระเฉง เขียนใบสั่งจ่ายยาล้างพิษแล้วยัดใส่มือของผู้ตรวจการที่แกล้งตาย “กลับไปทำตามใบสั่งยานี้นะ ใส่น้ำสามชามต้มจนเหลือหนึ่งชาม กินติดต่อกันเจ็ดวัน สามารถขจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกายได้”
หลังจากนั้นก็ถือปิ่นโต กราบลาเหล่าฮูหยิน ปฎิเสธน้ำใจที่คนตระกูลฉีมอบให้ แล้วเดินกรีดกรายออกจากจวนไป
เมื่อมาถึงหน้าประตู เอก็พบกับเรื่องที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างมาก ต้องอาศัยสองเท้าตัวเองเดินกลับไปที่จวนฉีอ๋อง
คงจะไม่มีใครเชื่อสินะ ว่าพระชายาฉีที่สง่าผ่าเผยจะไม่มีรถม้ารับส่งน่ะ? แต่ในความเป็นจริงแล้วเหลิ่งชิงหลางนั่งรถม้ากลับไปแล้วต่างหาก มู่หรงฉีเองก็คงไม่ได้มีน้ำใจถึงขนาดนี้จะรอกลับบ้านพร้อมกับภรรยาตัวเองหรอก สงสารตัวเองที่ยุ่งมาทั้งวัน ร่างกายก็อ่อนแอ เดินๆหยุดๆ แล้วเมื่อไหร่จะถึงบ้านละเนี่ย?
ผู้ชายหนอ พอหมดธุระแล้วก็ทำเป็นไม่มีไรเกิดขึ้นเลยนะ
เธอยอมรับชะตากรรมเดินกลับไป ตอนแรกก็ยังเอ้อระเหยลอยชายมองเหลียวซ้ายแลขวาได้ ต่อมาก็เดินจนเหนื่อย แล้วก็กระหายน้ำอีก ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ในบรรดาสามร้านค้าที่เป็นสินเดิมของตัวเองนั้น มีโรงน้ำชาแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้ เรียกว่า “เรือนชิงเฟิง”
เธอรู้ว่า ร้านค้าที่ตระกูลจินมอบให้เป็นสินเดิมของตัวเองนั้น คงจะไม่ได้ผลกำไรที่ดีมากอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเงินก็ถือเป็นเรื่องดี เดิมทีตัดสินใจว่าหลังจากที่หย่ากับมู่หรงฉีแล้ว หากสามารถทำให้มั่นคงขึ้นมาได้ ค่อยรับช่วงต่ออีกที ลองเข้าไปช่วยบริหารงาน เพราะฉะนั้นตัวเองไม่เคยไปที่ร้านนั้น และก็ไม่เคยตรวจสอบสมุดบัญชี
วันนี้กระหายน้ำ ถ้างั้นไปหยุดพักเหนื่อยที่ร้านเสียก่อน จะได้ไปเยี่ยมดูธุรกิจด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เธอเดินไปสอบถามทางผู้คน มองหาตลอดทาง ก็มองเห็นป้ายชื่อตัวอักษรใหญ่ๆสามตัว “เรือนชิงเฟิง” จากระยะไกล ผลักประตูเข้าไป ด้านในนั้นวังเวง เงียบเหงา ไม่มีแขกเลยสักคน
เสี่ยวเอ้อร์น่าจะได้ยินเสียงตรงประตูทางเข้า จึงเงยหน้าขึ้นทักทายเธออย่างไม่กลัวเกรง “แม่นางท่านนี้หน้าตาไม่คุ้น เพิ่งมาอยู่ใหม่ละสินะ?”
เหลิ่งชิงฮวนประหลาดใจ ไม่เข้าใจความหมายที่เสี่ยวเอ้อร์พูด “มีชาไหม?”
“ห้องพักด้านใน ประตูแรก ข้างในนั้นมีชาอยู่”
หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วทอดถอนใจ "ยากที่จะได้เจอหญิงสาวรูปงามเยี่ยงนี้ น่าเสียดาย”
เหลิ่งชิงฮวนในใจรู้สึกประหลาด ตามคำบอกทางของเสี่ยวเอ้อร์ เดินตรงไปที่หน้าประตูห้องแรก ยังไม่ทันได้เปิดประตู ก็ได้ยินเสียงออดอ้อนยั่วยวนของเหล่านางโลมดังขึ้นมาจากด้านใน เสียงที่ดังมาทำให้คนหน้าแดงใจเต้น และยังมีเสียงหยอกล้อหยาบคายของผู้ชายอีก
แม้ว่าเหลิ่งชิงฮวนจะไม่เคยผ่านเรื่องราวพวกนี้มาด้วยตัวเอง แต่ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า ด้านในนั้นคือฉากฤดูใบไม้ผลินุ่มนวลและสวยงาม
เธอหน้าแดงทันที ครึ่งหนึ่งคือขวยเขิน ส่วนอีกครึ่งคือโมโห โรงน้ำชาเป็นสถานที่งดงาม คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาเที่ยวโสเภณีทำเรื่องไม่งามที่นี่ ทำให้ร้านของเธอต้องด่างพร้อย มีอย่างที่ไหนกัน!
เธอไม่ได้เปิดประตู หันหน้ากลับไปถามเสี่ยวเอ้อร์ “เจ้าของร้านพวกเจ้าอยู่ที่ใดกัน?”
เสี่ยวเอ้อร์เงยหน้ามองนางด้วยความสงสัย “ถามหาเจ้าของร้านพวกข้าไปทำไม?”
เธอทำหน้าบึ้งตึง “ที่นี่คือโรงน้ำชา ไม่ใช่หอนางโลม ทำไมถึงได้มีแขกที่กำเริบเสิบสานแบบนี้?”
เสี่ยวเอ้อร์กวาดตามองเธออย่างถากถาง “ข้างในนั้นคือเจ้านายพวกข้าเอง เจ้าจัดการได้งั้นเหรอ? แค่นางคณิกาคนหนึ่ง แสร้งทำเป็นยึดมั่นในคุณธรรม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...