ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 371

“ข้าไม่อยากไปแล้ว” มู่หรงฉีโน้มตัวลงมา และใช้หนวดเคราที่คางถูไถไปมาที่ใบหน้ารูปไข่อันนุ่มนวลและเด้งดึ๋งของเหลิ่งชิงฮวน “ทำไมเสด็จพ่อถึงไม่ให้ข้าอยู่ปกป้องข้างกายเจ้าด้วยเล่า?”

เหลิ่งชิงฮวนหดศีรษะเข้าไปในผ้าห่มแล้วเอามือออกมาผลักเขาออก “ทำตัวไร้สาระอีกแล้ว รีบไปกินข้าวเช้าได้แล้ว วันนี้ไม่ใช่ว่ายังมีเรื่องสำคัญให้ต้องไปสะสางหรอกหรือ?”

“เรื่องสำคัญอะไรกัน?”

เหลิ่งชิงฮวนโผล่ดวงตาออกมาข้างนอกผ้าห่ม “เรื่องของเฟยอิงเว่ยคลี่คลายแล้วหรือ? วันนี้เชลยทั้งหมดจะถูกส่งตัวไปสอบสวนที่ศาลต้าหลี่ ท่านไม่ไปสอบถามสักหน่อยหรือว่ายังมีเบาะแสอะไรที่ขาดหายไปหรือไม่?”

มู่หรงฉี “อืม” ขานรับออกมาเบา ๆ “หากมีเรื่องสำคัญอะไร หลินเฟิงจะบอกข้าเอง”

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตาปริบ ๆ สองครั้ง และเอ่ยถามต่อด้วยความรู้สึกผิด “ถ้าเช่นนั้นก่อนที่เจ้าสำนักอินทรีทองจะจบชีวิตลง ท่านไม่ได้ทิ้งปัญญาอันองอาจอะไรเอาไว้ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิตไปหรอกหรือ? ตัวอย่างเช่น สิบแปดปีต่อมา จะกลายเป็นวีรบุรุษอะไรทำนองนั้นไม่มีหรอกหรือ?”

มู่หรงฉีเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะเอ่ยพูดออกมาหนึ่งประโยค “ไม่ได้พูดอะไรสักคำ”

ช่างน่าแปลกเสียจริง ในละครทีวีก่อนที่ตัวร้ายจะถูกกำจัดไป ก็มักจะพูดเอะอะโวยวายออกมาสองสามประโยคเสมอ ทำไมเขาไม่ทิ้งคำพูดอาลัยอาวรณ์ให้ตัวเองเสียหน่อยล่ะ?

แต่ว่าไม่พูดอะไรก็ดีเหมือนกัน ไม่แน่หากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาละก็ มีหวังมู่หรงฉีคงได้ระเบิดขึ้นมาแน่

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก็ถือเสียว่าได้เป็นพ่อของลูกที่เสียสละอย่างกล้าหาญ เทศกาลปีใหม่หรือเทศกาลไหน ๆ ค่อยเผาเงินเผาทองไปให้เขาก็แล้วกัน

หลังจากปัญหาใหญ่นี้ได้คลี่คลายลงแล้ว ในที่สุดเหลิ่งชิงฮวนก็วางใจลงได้เสียที เธอไล่มู่หรงฉีออกไป แล้วซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม จากนั้นก็นอนหลับต่ออย่างไม่สนใจโลก

เมื่อตื่นขึ้นมาและมองผ่านม่านออกไปอย่างสะลึมสะลือ ก็เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะ

เธอคิดว่ามู่หรงฉีกลับมาแล้ว จึงบิดขี้เกียจเล็กน้อย “ทำไมถึงกลับมาเร็วนักละ? นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วหรือ?”

บุคคลที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากตรงนี้ ก็หันหน้ามามอง “ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเจ้ายังไม่ลุกขึ้นมาอีก ข้าจะเดินไปดึงตัวเจ้าออกจากผ้าห่ม”

อาการง่วงนอนสะลึมสะลือที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของเหลิ่งชิงฮวนถูกทำให้ตกใจจนเตลิดเปิดโปงไปหมดตึงเสียงลุกขึ้นนั่งดังขึ้น เธอขยี้ตาเล็กน้อย จากนั้นก็แหวกผ้าม่านที่เตียงออก “โฉวซือเส่า!”

โฉวซือเส่ายังคงสวมชุดคลุมสีแดงสดเหมือนเลือดแบบเดิม ตรงแขนเสื้อและตรงหน้าอกปักด้วยด้ายสีทองเป็นลายดอกฮิกันบานะอย่างสวยงาม เขาฉีดยิ้มมาให้จนเห็นฟันสีขาวเป็นประกาย รอยยิ้มนี้ทำให้บรรยากาศภายในห้องแปรเปลี่ยนราวกับว่ามีแขกกิตติมศักดิ์มาเยือนในชั่วพริบตา เกิดสว่างไสวขึ้นมาในทันที

“รบกวนเวลาท่องฝันอันสวยงามของเจ้าเสียแล้ว?”

เหลิ่งชิงฮวนเลิกผ้าห่มแล้วลุกออกจากเตียงทันที “ท่านกลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไร?”

โฉวซือเส่าไม่คิดที่จะแบนสายตาหลบไปมองทางอื่นแม้แต่น้อย เขามองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า “ทำไมเจ้านอนแต่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่เล่า? หากรู้แต่แรกว่าเป็นอย่างนี่ ข้านอนรออยู่ข้าง ๆ เจ้าไปตั้งนานแล้ว จะได้ไม่ต้องนั่งอยู่บนม้านั่งเย็น ๆ เช่นนี้ นั่งจนเจ็บก้นไปหมดแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนจ้องเขม็งอย่างไม่พอใจใส่เขา จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ข้าง ๆ มาสวมใส่ “ทำไมท่านถึงรู้ว่าข้ากลับจวนมาแล้ว?”

หลังจากถามออกไปแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองได้ถามอะไรที่โง่เง่าเหลือเกิน เป็นถึงประมุขของหอซ่อนดาบ ข่าวสารรอบตัวเต็มไปหมดแน่นอนว่าต้องได้ยินข่าวอยู่แล้ว

โฉวซือเส่ายกนิ้วขึ้นมาม้วนปอยผมสีดำเงาที่วางพาดอยู่บนไหล่ แสดงท่าทางกะตุ๊กกะติ้งใส่ “ข้ากลับมาถึงที่เมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อน เลยตรงมาหาเจ้าที่จวนอ๋องฉี จากนั้นก็เพิ่งจะได้ยินว่าเจ้าเข้าไปอยู่ในวังหลวงแล้ว กำลังคิดเลยว่าถ้าหากเจ้ายังไม่ออกมาอีก ข้าคงจะเข้าไปหาเจ้าที่วังหลวงเสียเลย”

เหลิ่งชิงฮวนไม่ล้างหน้าล้างตา และไม่บ้วนปากทำความสะอาดฟันแต่อย่างใด นางตรงมานั่งตรงหน้าเขาเสียยังงั้น “ทหารที่เฝ้าในวังหลวงเข้มงวดกว่าที่จวนอ๋องฉีอย่างมาก ข้าว่าท่านทำตัวดี ๆ หน่อยเถอะ มิเช่นนั้นหากท่านหาเรื่องใส่ตัวจนจบเห่นั้นเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ถ้ามาทำให้ชื่อเสียงข้าต้องด่างพร้อยไปด้วยนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ”

โฉวซือเส่าถอนหายใจเบาๆ “ก็แค่พูดไปเท่านั้นและ ได้ยินมาว่าเฟยอิงเว่ยถูกท่านอ๋องฉีจัดการจนสิ้นไม่เหลือซาก แน่นอนว่าข้าย่อมไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนอยู่แล้ว เพราะหากวันไหนท่านอ๋องเกิดหึงหวงจนระเบิดอารมณ์ขึ้นมาเดี๋ยวจะมาลงกับพวกข้าได้”

“แค่ทำให้เจ้าหายไปคนเดียวก็หมดเรื่องแล้ว คนอื่นเป็นผู้บริสุทธิ์ เอ๊ะอย่าลืมเขียนหนังสือลาตายล่วงหน้าและยกทรัพย์สินที่มีรวมถึงหอซ่อนดาบทั้งหมดให้ข้าด้วย” เหลิ่งชิงฮวนพูดหยอกล้อ

“ใจดำเสียจริงๆ ข้าอุตส่าห์ทุ่มเทความรู้สึกให้เจ้ามาโดยตลอด แต่เจ้ากลับหวังแต่จะหุบทรัพย์สินของข้า” โฉวซือเส่าทำหน้าเศร้าหมอง

เหลิ่งชิงฮวนพูดสวนไปอย่างรวดเร็ว “ถ้าไม่หวังหุบทรัพย์สินของท่าน หรือว่าจะให้หวังในร่างกายของท่านหรือยังไงเล่า? ดูก็ดูแล้ว ลูบก็ลูบแล้ว ก็ไม่รู้สึกอะไรสักนิด”

“เจ้ากล้าพูดมาอีกประโยค เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะไปฟ้องมู่หรงฉี?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา