“หอซ่อนดาบของพวกท่านไม่ใช่ว่ารู้ลึกถึงแก่นแท้ของลัทธินักบุญหญิงไม่ใช่หรือ? ข้าอยากจะสอบถามเรื่องของแม่หญิงผู้หนึ่งที่นามว่าน่าจาอี๋นั่ว ข้าว่าแม่หญิงผู้นี้ไม่ธรรมดา”
จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ตัวเองพาอี๋นั่วเข้าไปในวังหลวง แต่กลับถูกนางแฉเรื่องที่ผ่านมาในอดีตไปหนึ่งรอบเสียได้
“หลังจากเกิดเรื่องขึ้นน่าจาอี๋นั่วก็หนีไปในทันที ฝ่าบาททรงตรัสให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดโดยเฉพาะ และยังไปไต่ถามนักพรตลักธิเต๋าผู้นั้นที่สร้างเรื่องงมงายอย่างละเอียด เพราะว่าหนอนพิษกู่แปดถึงเก้าส่วนที่อยู่ในร่างกายของหญิงชราร่างทรงเป็นฝีมือของน่าจาอี๋นั่วผู้นั้นที่เป็นคนลงมือทำ
ข้ารู้สึกสงสัยอย่างมาก แม้ว่าศาสนิกชนในลัทธินักบุญหญิงจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่การมาต่อกรกับราชสำนักไม่ใช่เป็นการทำลายตัวเองหรอกหรือ? เหตุใดลัทธินักบุญหญิงถึงได้สั่งให้หญิงชราร่างทรงไปลอบสังหารฝ่าบาทด้วย? หรือว่าแม่นางผู้นี้คิดเองทำเองหรือเปล่า?”
“เมื่อกี้เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าฝ่าบาทได้มีพระราชโองการลงมาแล้วว่าให้ข้าหลวงที่มีนามว่าซื่อชวนส่งกองกำลังทหารไปทำลายลัทธินักบุญหญิงแล้ว? ทำไมต้องอะไรให้มากความด้วยเล่า?”
“ลัทธินักบุญหญิงเป็นลัทธิที่ชั่วร้าย ทำผิดมหันต์ไม่สามารถให้อภัยได้ แต่เพราะว่าอยู่ในอาณาเขตปาสู ซึ่งเป็นที่ที่ห่างไกลเกินกว่าอำนาจจะไปถึงได้ ถ้าหากมีเจตนาที่ชั่วร้ายคิดจะก่อกบฏจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วล่ะ และเหล่าขุนนางระดับล่างพวกนั้นต้องยอมที่จะพูดปดออกมาเพื่อรักษาหมวกขุนนางของตัวเองเอาไว้ เรื่องใหญ่ทำให้กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กทำให้มันไม่เกิดขึ้น ถ้าพวกเขาเป็นคนยื่นฎีกาขึ้นมาเอง แต่กลับทำเป็นไม่รู้ว่าจะปกปิดความเลวและทำให้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ เรื่องนั่นข้าไม่เชื่อหรอก”
และยังเรื่องเมื่อวานนี้ที่ศาลาพักม้า ที่องค์ชายอันต๋าถูกวางยาหนอนพิษใส่ ยิ่งทำให้นางนึกถึงเรื่องของหนอนพิษกู่ขึ้นมาในทันที ไม่รู้ว่าทั้งสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันหรือไม่ น่าจาอี๋นั่วผู้นั้นช่างใจกล้าไม่เกรงกลัวฟ้าดินจริง ๆ ถึงกลับกล้าลอบสังหารกษัตริย์และวางแผนก่อกบฏ ถ้าเช่นนั้นคนที่วางยาขุนนางของมั่วเป่ยเพื่อทำลายความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศก็อาจเป็นไปได้ที่เป็นนางด้วย
เรื่องบางเรื่องอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่บางทีอาจจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอย่างเหลือเชื่อแอบซ่อนอยู่เบื้องหลังก็ได้?
โฉวซือเส่าส่งเสียงฮึกฮักเล็กน้อย “มู่หรงฉีกำลังมุ่งหน้าไปที่จวนเทียน เจ้าก็หาข้ออ้างแกล้งขู่ว่าจะฆ่าตัวตายเพื่อเรียกเขากลับมา ในทางกลับกันก็มอบหมายงานที่ยากลำบากแบบนี้มาให้ข้าทำ เหลิ่งชิงฮวนนะเหลิ่งชิงฮวน เจ้าไม่รู้จักคำว่าเกรงใจเสียจริงๆ วันนี้พวกเรามาตัดขาดความสัมพันธ์ของกันและกันเสียเถอะ ต่อไปข้าจะไม่มาหาเจ้าอีก ของคาวแบบนี้ข้ากินไม่ลง อย่าทำอะไรสร้างปัญหาขึ้นมาอีกล่ะ ข้าไปล่ะ อย่าได้คิดถึงข้าอีกเลย”
เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้ามองเขาอย่างออดอ้อน “ถ้ายังไงข้าเลี้ยงข้าวท่านก็ได้”
“ถึงเจ้าเชิญข้านอนก็ใช่ไม่ได้ผลหรอก นอกเสียจากเจ้าจะมาอยู่กับข้า”
ใบหน้าของเหลิ่งชิงฮวนเปลี่ยนไปในทันที และกัดฟันกรอดใส่เขา “ไสหัวไปให้พ้น!”
โฉวซือเส่าทำใบหน้าล้อเลียนใส่นางแล้วหลุดขำ “พรืด” ออกมา “จำไว้เลยนะ เจ้าติดหนี้เลี้ยงข้าวข้าหนึ่งมื้อ”
เสื้อผ้าสีแดงสะท้อนแสงวิบวับวิ่งหนีออกไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว มีฝีมือที่ทำให้คนอื่นต้องรู้สึกอิจฉา
มู่หรงฉีกลับมาค่อนข้างเร็วในช่วงบ่าย แต่ว่าไม่ได้มาเพียงคนเดียว ด้านหลังเขายังมีอีกคนหนึ่งติดตามมาด้วย ไม่ใช่สิมากันเป็นขบวนเสียมากกว่า
องค์ชายอันต๋าตามมาที่จวนอ๋องฉีด้วย มาถึงหลังจากมู่หรงฉีเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน
มู่หรงฉียังมาไม่ถึงตำหนักฉาวเทียนเสียด้วยซ้ำ เขาก็มาถึงที่หน้าประตูแล้ว องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ไม่กล้าทำอะไรชักช้าต่อหน้าที่ รีบวิ่งหน้าตั้งเข้าไปในจวนเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทราบ
ใบหน้าของมู่หรงฉีแสดงถึงความจนใจทำอะไรไม่ได้
“องค์ชายอันต๋าต้องการจะมาที่จวนอ๋องฉีเพื่อเป็นแขกให้ได้ ข้ารู้ว่าเป็นเพราะเขาเมาเหล้าแน่ ๆ เลยปฏิเสธออกไปอย่างอ้อม ๆ ใครจะรู้ว่าเขาจะมาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับเชิญ เจ้าจำไว้ว่าต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในเรือนหลังเท่านั้น ทางที่ดีอย่าได้ออกไปไหน ข้าจะกรอกชาให้เขาดื่มหลายๆแก้ว ไม่ว่ายังไงก็ตามต้องส่งเขากลับไปให้ได้”
เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เขาเห็นข้าแล้วจะทำไม? ข้าไม่ได้ทำอะไรเขาสักหน่อย เรื่องอย่างนี้ยังจะมาโทษว่าเป็นข้าที่ผิดอีกหรือ? อีกอย่างหากข้าเป็นคนผิดจริง หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานก็มีอีกตั้งมากมาย มาทำตัวสองจิตสองใจกับข้าแบบนี้ถือว่าคุ้มค่าแล้วหรือ?”
“อย่างไรก็ตามเขาเอาแต่หลุดปากเอ่ยถามถึงเจ้าตลอดเวลา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ประสงค์ดี” คำพูดของมู่หรงฉีแอบมีน้ำโหอยู่เล็กน้อย หากอีกฝ่ายไม่ใช่องค์ชายน้อยแห่งมั่วเป่ย มีหวังกำปั้นของเขาคงได้ซัดเข้าไปตั้งนานแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นพี่รองเล่า? ไม่ใช่พี่รองหรอกหรือที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลต้อนรับเขา?”
มู่หรงฉีอารมณ์เสียสุด ๆ “วันนี้พี่รองบอกว่าจะพาเขาไปลิ้มรสชา ไปชื่นชมกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่และขนบประเพณีของฉางอัน แต่เขากลับบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นจึงไล่ให้พี่รองกลับจวนไป ใครจะไปว่ารู้ว่าภาระกลับตกมาลงที่ข้าแทนเสียได้”
เหลิ่งชิงฮวนหลุดขำออกมาเสียงดัง “พรืด” “พวกท่านใช้วิธีแบบนี้ต้อนรับทูตต่างแดนงั้นหรือ? ดื่มชาเนี่ยนะ?”
“มิเช่นนั้นจะทำยังไงได้เล่า? วัฒนธรรมการดื่มชากว้างขวางและลึกซึ้ง อีกทั้งยังสง่างามดูดีมีชาติตระกูล เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองฉางอันของข้า มั่วเป่ยเองยังต้องซื้อใบชาและผ้าไหมจำนวนมากจากฉางอันทุก ๆ ปีเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...