ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 396

เช้าตรู่วันนี้องค์ชายอันต๋าได้ไปที่ค่ายทหารของมู่หรงฉีก็เห็นว่าเขากำลังซ้อมทหารอยู่

เขาได้ย้ายออกมาจากตำหนักเฉาเทียนมาอย่างรู้งาน แต่ยังคงพักอยู่ในห้องรับรองของจวนอ๋องและไม่ได้กลับไปที่ศาลาพักม้า การพูดคุย การกระทำของเขาดูแล้วเหมือนกับขาดๆ หายๆ ราวกับไร้แก่นสาร แต่มู่หรงฉีกับเหลิ่งชิงฮวนเองก็ระมัดระวังตัวเองอยู่แล้ว และได้สั่งคนให้ไปแอบเฝ้าดูการกระทำของเขา

องค์ชายอันต๋าชมมู่หรงฉีไม่ขาดปาก และได้เสนอว่าจะไปดูทหารที่ค่ายทหารของเมืองฉางอัน ความต้องการนี้ค่อนข้างเหิมเกริม แต่มู่หรงฉีก็รับปาก เรื่องแสดงละครใครทำไม่เป็นกันล่ะ มันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะทำให้คนมั่วเป่ยได้เห็นแสงยานุภาพของกองทัพฉางอัน ชาวเป่ยอันจะได้หายโลภไปบ้าง

ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองคนได้ออกเดินทางที่จวนก็ได้มีแขกมานั่นก็คือฉีจิ่งอวิ๋นกับเสิ่นหลินเฟิง

ทั้งสองคนกอดไหสุราเดินเช้ามาดูก็รู้ว่าทั้งสองคนมาเพื่อดื่มเหล้ากับมู่หรงฉี หลังจากที่มาแล้วทั้งสองก็รู้จากทหารยามว่ามู่หรงฉีไม่อยู่

ทั้งสองคนจึงรู้สึกผิดหวัง

“เดิมทีก็ยุ่งอยู่ตั้งหลายวันไม่ง่ายเลยที่จะปิดคดีเฟยอิงเว่ยได้ อยากจะชวนท่านพี่มาดื่มฉลองด้วยกันสักหน่อย ใครจะรู้กันล่ะว่าเขาจะยุ่งขนาดนี้”

“อีกสองวันองค์ชายอันต๋าก็กลับมั่วเป่ยแล้วน่าจะสบายขึ้น ตอนนี้เขารับหน้าที่เป็นองครักษ์ให้กับองค์ชายอันต๋า คงไม่ได้อยู่สบายไปสักพักและต้องตัวติดกันไปก่อน”

เหลิ่งชิงฮวนนิ่วหน้าถามเสิ่นหลินเฟิงว่า “คดีเฟยอิงเว่ยจบแล้ว? แล้วคดีที่ทำร้ายขุนนางเจ้ากรมทั้งสองท่านล่ะไม่เกี่ยวกับเฟยอิงเว่ยจริงๆหรือ”

เสิ่นหลินเฟิงพยักหน้า “จริงขอรับ เรื่องคดีนี้ส่งต่อให้กับกรมอาญากับศาลต้าหลี่ในการพิจารณาขอรับ เพียงแต่ว่าการตายของผู้นำลัทธิมีหลายอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ตอนนี้รู้แต่เพียงว่าพวกเขาสองคนทำงานให้เฟยอิงเว่ยแน่ขอรับ เช่นนั้นการตายของเฟยอิงเว่ยนั้นต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขาแน่”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกสงสัย “งั้นคนที่ถูกจับวันนั้นคือผู้นำลัทธิของเฟยอิงเว่ยตัวจริงหรือไม่”

“ไต่สวนอิ๋นอิงเว่ยแล้ว เขาบอกว่ารูปร่างลักษะต่างๆไม่ผิดแน่ขอรับ พวกเขาไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าสำนักอินทรีทองมาก่อนเลย”

“งั้นถ้าหากว่าพวกเขาต้องการติดต่อเจ้าสำนักจะทำอย่างไรล่ะ”

“พวกเขามีรหัสลับ และตราประทับอินทรีบินขอรับ อีกทั้งมีการหัดนกขุนทองในการส่งข่าว”

“คนที่ระมัดระวังตัวเองแบบนี้ทำไมถึงได้เอาตัวเองไปหาที่ตายกันนะ แถมยังวิ่งเข้ามาหาพวกเจ้ามาหาที่ตายด้วยตัวเอง”

“พี่สะใภ้หมายความว่าอย่างไรขอรับ หรือว่าท่านสงสัยว่าผู้นำลัทธิอินทรีทองคนนั้นเป็นตัวปลอมกันหรือขอรับ” เสิ่นหลินเฟิงขอความเห็นอย่างถ่อมตน

“ข้าคิดว่าเขาไหวตัวทันก่อนมากกว่า เขาส่งคนมาตายแทนก่อน ส่วนเจ้าลัทธิอินทรีทองตัวจริงก็หนีไปได้ทันอย่างสบายใจ หรือตอนที่กำลังสอบสวนกันอยู่เขาไม่มีพิรุธอะไรเลยงั้นหรือ”

เสิ่นหลินเฟิงส่ายหน้า “การสอบสวนในช่วงหลังๆข้าก็ไม่ค่อยได้เข้าร่วมขอรับ และทุกคนก็ไม่สามารถเข้าไปสอบสวนได้ทุกครั้ง เรื่องนี้คิดว่าพี่สะใภ้น่าจะเข้าใจ พวกเขาอยากจะปิดคดีให้เร็วที่สุดจึงไม่ได้สงสัยอะไรและไม่มีใครถามอะไรอย่างละเอียด และยิ่งไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดด้วย”

ฉีจิ่งอวิ๋นยิ้มเยาะเย้ยออกมา “พี่สะใภ้ใส่ใจเจ้าลัทธิอินทรีทองขนาดนี้? ได้ยินหลินเฟิงบอกว่าตอนแรกท่านเป็นคนคาดการณ์เอาไว้ว่าการตายของท่าเจ้ากรมทั้งสองจะเกี่ยวข้องกับเฟยอิงเว่ย ท่านทราบได้อย่างไรกันขอรับ”

“ข้าแค่เดาไปสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้นแหละ” เหลิ่งชิงฮวนอธิบายอย่างรู้สึกผิด “ใครจะรู้กันเล่าว่าโชคจะเข้าข้างแบบนี้ ข้าแค่พูดไปเท่านั้น”

คำพูดนี้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของฉีจิ่งอวิ๋นหายไปทันที “พี่สะใภ้ถ่อมตัวไปแล้ว ท่านวางแผนมาโดยตลอด ท่านคงสัมผัสอะไรบางอย่างได้ในใจมาแต่แรกแล้วล่ะสิขอรับ ท่านว่าท่านกำลังตั้งครรภ์อยู่ ท่านไม่ไปชื่นชมดอกไม้แต่วันๆกลับมาสนใจเรื่องตีกันฆ่ากันแบบนี้ ในอนาคตเด็กคนนี้จะต้องเป็นพวกอารมณ์ร้ายแน่”

เสิ่นหลินเฟิงถามอย่างเกรงอกเกรงใจว่า “ข้าเอาแต่รบกวนพี่สะใภ้มาตลอดเลย การร่วมกับสืบคดีด้วยกันช่วงหลายวันมานี้ได้อะไรมามาก”

เหลิ่งชิงฮวนเองก็รู้สึกไม่ดีที่ตัวเองเอาแต่ต้อนถามและรบกวนอารมณ์สุนทรีในการดื่มเหล้าของจอมวายร้ายทั้งสอง “ปิดคดีได้ก็ได้แล้ว ไม่พูดถึงมันก็ได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา