ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 420

สีหน้าของมู่หรงฉีพลันเปลี่ยน

“ข้าเคยถามหมอหลวงที่ดูแลเหลิ่งชิงหลาง หมอหลวงบอกว่า การจับชีพจรไม่สามารถวินิจฉัยเวลาที่แน่นอนของการตั้งครรภ์ได้ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร”

“นางตั้งครรภ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ท่านในฐานะสามีของนางควรจะรู้ดีไม่ใช่หรือ นอกเสียจาก เด็กในท้องของนางไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นของฟังผิ่นจือ!

ข้าจะบอกท่านเป็นประโยคสุดท้าย ลูกของเหลิ่งชิงหลาง ข้าจะใช้ความพยายามทั้งหมดรักษาเอาไว้ และเมื่อถึงเวลา ข้าจะหยดเลือดพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของใคร!”

“ที่เจ้าพูด เป็นความจริงหรือ”

“ท่านกำลังสงสัยทักษะทางการแพทย์ของข้า หรือมโนธรรมของข้ากันแน่”

มู่หรงฉีจ้องหน้านางอยู่สักพักใหญ่ๆ “หลังจากงานมงคลสมรสจนถึงก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์ ข้าไม่เคยแตะต้องนาง! หากเจ้าไม่เชื่อก็ช่างประไร ข้าจะไปถามนางให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้แหละ”

จากนั้นเขาก็หมุนตัวและสะบัดแขนเสื้อ แล้วก็ก้าวออกจากตำหนักฉาวเทียนทันที

หน้าอกของเหลิ่งชิงฮวนกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ

มันก็เหมือนกับขโมยที่หาว่าคนอื่นเป็นขโมยนั่นแหละ ด้านหนึ่งก็ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงคนอื่น ในขณะเดียวกันก็กล่าวหาคนอื่นว่าทำผิดต่อตัวเอง

สมน้ำหน้าที่โดนสวมเขาแล้ว ไอ้โง่เอ๊ย!

ผู้ชายหนอผู้ชาย... ไม่ใช่สิ นางยังรำพึงรำพันไม่จบ ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญเลย นางรีบไล่ตามออกไป แต่ก็ได้ยินเสียงของมู่หรงฉีดังสวนขึ้นมา

มู่หรงฉีกำชับทหารยามที่หน้าประตูอย่างเย็นชาว่า “เฝ้าตำหนักฉาวเทียนไว้ให้ดี ห้ามพระชายาออกไปข้างนอก หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะเอาเรื่องพวกเจ้า!”

เหลิ่งชิงฮวนตกตะลึง เขาจะกักบริเวณนางหรือ

ถ้อยคำรุนแรงยังทำร้ายนางไม่พออีกหรือ ถึงต้องเปลี่ยนเป็นการใช้ความรุนแรงในครอบครัว

ไอ้ชั่วเอ๊ย จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ! เฟยอิงเว่ยอะไรนั่นไม่เกี่ยวกับข้าเหลิ่งชิงฮวนเลยสักนิด! ข้าไม่พูดอีกแล้ว

จริงๆ แล้วมู่หรงฉีเป็นห่วงว่าเหลิ่งชิงฮวนจะโมโหจนวิ่งออกจากตำหนักฉาวเทียน แล้วอุ้มท้องโตๆ ออกไปนอกจวนอาจจะเป็นอันตรายได้ หลังจากสั่งการเสร็จแล้วก็ออกจากตำหนักฉาวเทียนไปอย่างหงุดหงิด และเดินตรงไปยังเรือนจื่อเถิง

เมื่อแม่จ้าวเห็นเขาจากระยะไกลๆ ก็รีบคุกเข่าลงทำความเคารพ กลิ่นยาแรงๆ อบอวลไปทั่วเรือน เหลิ่งชิงหลางรับประทานยาบำรุงครรภ์มาตลอด ไม่เพียงแต่ที่เหลิ่งชิงฮวนจัดให้ ยังมีเทียบยาของหมอหลวงอีกด้วย อาจจะคิดว่ายิ่งมากยิ่งดี

วันนั้นก่อนที่พระสนมฮุ่ยเฟยจะกลับไป ได้ทิ้งคำพูดที่มีนัยแฝงกับเขา เวลานี้ พระสนมฮุ่ยเฟยยอมรับเหลิ่งชิงฮวนแล้ว แต่ก็ยังคงกังวลว่าเหลิ่งชิงฮวนจะใจแคบแอบทำร้ายทารกในครรภ์ของเหลิ่งชิงหลาง

นางให้มู่หรงฉีคอยช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวทั้งสองอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งกำชับเขาด้วยว่า ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม จะต้องไม่ยั่วยุให้เหลิ่งชิงหลางโกรธ อย่าให้นางมีอารมณ์มากเกินไป ทารกนั้นสำคัญ

มู่หรงฉีเลิกม่านขึ้น โน้มตัวลงและก้าวเข้าไปในห้องของเหลิ่งชิงหลาง

เหลิ่งชิงหลางได้ยินเสียงแม่จ้าวและคนรับใช้อื่นๆ ทำความเคารพมู่หรงฉีอยู่ก่อนแล้ว จีงรีบปลดผ้าม่านที่เตียงลง

หลังจากที่นางหยุดทานยาเม็ดหนิงเซียง ตอนนี้ จุดสีน้ำตาลบนใบหน้าเข้มขึ้นและมีมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวของนางก็ค่อนข้างหมองคล้ำ ไม่ขาวใสดังเช่นเมื่อก่อน

นางไม่กล้าให้มู่หรงฉีเห็นตัวเองในสภาพที่น่าอับอายเยี่ยงนี้

เพราะความหุนหันทำให้มู่หรงฉีมาที่นี่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเหลิ่งชิงหลางจริงๆ เขาไม่รู้ว่าควรจะเปิดปากถามอย่างไร ไม่มีหลักฐานและพยาน ทั้งยังเกี่ยวพันถึงชีวิต เหลิ่งชิงหลางจะยอมรับได้อย่างไร หากนางไม่ยอมรับผิด ทั้งยังตั้งครรภ์อยู่ด้วย ตนเองไม่สามารถลงโทษนางได้เลย

เหลิ่งชิงหลางเป็นฝ่ายทักทายก่อน “ท่านอ๋อง โปรดอภัยให้หม่อมฉันที่ไม่สามารถลุกขึ้นมาคำนับท่านได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา