ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 491

สรุปบท ตอนที่ 491 ตามหาภรรยาพันลี้: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

ตอนที่ 491 ตามหาภรรยาพันลี้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

ตอนนี้ของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยาย โรแมนติคทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 491 ตามหาภรรยาพันลี้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

มู่หรงฉีตามหาภรรยาด้วยความกระวนกระวายใจ มีเวลาคำนึงถึงทหารหนึ่งหมื่นนายเสียที่ไหน อาศัยขาสองข้างเดินทาง มัวอืดอาดยืดยาด ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะข้ามสันเขาไปถึงหนานจ้าวได้

เขานำกองทหารม้าที่แข็งแกร่งห้าหมื่นนายมุ่งหน้าไปยังอวี้โจว อยากให้ปีกงอกตรงกระดูกซี่โครงอย่างมาก จะได้บินไปตรงหน้าเหลิ่งชิงฮวนทันที ไม่มีสนใจจัดการองค์รัชทายาทนานจ้าว ขอกอดนางเอาไว้แน่นๆ ก่อน ใครกล้าพูดแทรก ก็ฆ่าเขาทันที

รีบเดินทางจากเมืองหลวงมาถึงไฮว่โจว เขาได้รับการติดต่อกับคนของเสิ่นหลินเฟิงเป็นอันดับแรก ทหารที่เกือบจะโดนความกระวนกระวายของเขาทำให้ตกใจกลัวบอกเขาว่า โฉวซือเส่ากับองค์รัชทายาทหนานจ้าวเคยประมือกันครั้งหนึ่ง แต่ทว่าคนรอบใกล้ของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยยอดฝีมือ แถมยังมีเยาจิ่วซึ่งเชี่ยวชาญวิชากู่พิษมาเป็นก้างขวางคอ เขาโชคดีที่กินกู่พิษไปเพียงเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายหนีไปได้

อีกอย่างองค์รัชทายาทหนานจ้าวคนนั้นมีที่ซ่อนตัวมากมาย เขาหาทางหนีทีไว้ล่วงหน้าแล้ว ข่มขู่เหลิ่งชิงฮวน ใช้อุบายจักจั่นทองถอดเปลือก แล้วหนีออกไปทางน้ำ

อิงตามทิศทาง น่าจะหนีไปทางหนานจ้าว เสิ่นหลินเฟิงกับโฉวซือเส่ารวมตัวกัน ตามหาเรือขุนนางลำหนึ่ง และตามไปทางน้ำแล้ว

เช่นนั้นก็ลำบากแล้ว

ระยะห่างของอวี้โจวกับหนานจ้าว กั้นด้วยแม่น้ำหมื่นสายภูเขาพันลูก ถ้าหากองค์รัชทายาทหนานจ้าวไปทางถนนใหญ่ ระหว่างทางโฉวซือเส่าอาจจะส่งข่าวมาทางนกพิราบ สั่งให้คนไปสกัดกั้นไว้ แต่ถ้าไปทางน้ำ มีเส้นทางมากมาย ก็แปลว่าได้เปรียบอีกฝ่ายไม่มาก

ทหารม้าห้าหมื่นนายของตนเอง แน่นอนว่าไม่สามารถวิ่งบนน้ำได้

มู่หรงฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในเมื่อตอนนี้ตนเองไม่ทราบเบาะแสขององค์รัชทายาทหนานจ้าวคนนี้เลย และไม่ทราบเส้นทางลี้ภัยของเขาด้วย ไปทางน้ำ คดโค้งเป็นพันรอบ สู้เดินทางไปยังหนานจ้าวโดยถนนใหญ่ยังดีเสียกว่า หากสกัดกั้นตอนที่อีกฝ่ายออกมาจากด่านสุ่ยอวิ๋นไว้ได้คงจะดีมาก

แน่นอน หวังว่าโฉวซือเส่ากับเสิ่นหลินเฟิงจะช่วยชิงฮวนออกมาได้ก่อน

มู่หรงฉีออกคำสั่งทันที กองทัพมุ่งหน้าลงทางใต้ และตรงไปยังหนานจ้าวอย่างต่อเนื่อง

ตลอดทาง รองแม่ทัพอวี๋ติดตามเขาตลอดวันตลอดคืน เหนื่อยล้าจนกลอกตามองบน

รู้อยู่แล้วว่าเป็นลูกน้อยของท่านฉีอ๋องไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่างานในหน้าที่ไม่น่าทำ แต่เอะอะก็ไฟไหม้ประตูเมือง

เมื่อก่อนทั้งสองทะเลากัน ตนเองแค่ช่วยอยู่ตรงกลางเท่านั้น แต่ตามหาภรรยาคราวนี้ เป็นที่ฮือฮามาก วุ่นวายจนคนฉางอันรู้กันหมด

ท่านลองคิดดูสิ กองทัพทหารหลายแสนนาย เคลื่อนพลจากเหนือลงใต้ เดินทัพตลอดวันตลอดคืน ราษฎรเห็นว่าจะสู้รบ จะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร โดนซักถามขึ้นมาว่าทำไมต้องสู้รบกัน พวกทหารบอกไปตามความจริงว่า ไปช่วยท่านอ๋องฉีฉุดสาว สถานการณ์เช่นนี้ จะไม่ทำให้คนตกตะลึงหรือ

ท่านฉีอ๋องขายหน้าคราวนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ขายหน้าไปถึงครอบครัวคุณยายแล้ว

หวังว่าพระยาฉีจะต้านทานได้ ไม่ตกหลุมรักหนุ่มหน้าขาวหนานจ้าวคนนั้น และทิ้งสามีทิ้งลูกไปแต่งงานใหม่จริงๆ

ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องจะไม่กระอักเลือดสามลิตรหรือ

ถึงจะประชดประชันตลอด แต่ในใจกลับมีความสุข ตื่นเต้นมากกว่าตนเองแต่งภรรยาเสียอีก ถึงแม้จะเหนื่อยล้าจนกลอกตามองบน แต่มันก็คุ้มค่า เร่งรัดจนร้อนใจกว่ามู่หรงฉีเสียอีก

หนานจ้าวมีน้ำมากมาย ทุกคนที่อยู่บนน้ำเป็นยอมฝีมือเกือบทั้งหมด ส่วนเสิ่นหลินเฟิงกับโฉวซือเส่าไม่เหมือนกัน ระหว่างรีบร้อน หาฝีพายดีๆ ไม่ได้ บนแม่น้ำกว้างใหญ่ไพศาล หมุนไปหมุนมา ไม่รู้สึกถึงทิศทางเลยสักนิด

ประกอบกับไอ้คนป่วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ระหว่างทางเตรียมเรือเอาไว้เป็นกำลังหนุนหลายลำ ข่มขู่ให้เหลิ่งชิงฮวนเปลี่ยนยานพาหนะหลายต่อหลายครั้ง จงใจทำให้สับสน ชักนำให้โฉวซือเส่ากับเสิ่นหลินเฟิงไปผิดทาง ลอยอยู่บนน้ำหลายวัน ทั้งสองคนยิ่งแกว่งไปมายิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ

ถึงอย่างไรดอกไม้ใต้ดวงจันทร์ทุกชนิด สาบานว่าจะรักและซื่อสัตย์ซึ่งกันและกันตลอดไป โปรยอาหารสุนัขอย่างเต็มที่ ทั้งสองฉินเซ่อสอดประสาน ยกถาดเสมอคิ้ว รักกันอย่างดูดดื่ม

ตรงกันข้าม ดวงตาคู่นั้นของเสิ่นหลินเฟิงดุร้ายมาก เหลือบมองสีหน้าเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าเขา แถมยังวิเคราะห์อย่างชำนาญ เพื่อหาพิรุธจากคำพูดของเขา

สุดท้าย เสิ่นหลินเฟิงก็สรุปผลออกมาว่า “มนุษย์ล้วนมีนิสัยอ่อนแอ ยิ่งขาดสิ่งใด ก็จะเอาใจใส่และโอ้อวดสิ่งนั้น พอเห็นท่าทางโอ้อวดอย่างสุดความสามารถของท่าน ข้าก็รู้ทันทีว่าระหว่างท่านกับชิงฮวน ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันอย่างที่ท่านพูด”

โฉวซือเส่าดูดปาก รู้สึกว่าเสิ่นหลินเฟิงเอาการไต่สวนนักโทษมาไต่สวนตนเอง แถมยังพูดตรงประเด็นเสียด้วย

ความรู้สึกระหว่างเขากับเหลิ่งชิงฮวนลึกซึ้งมาก สามารถพูดได้ว่าเป็นเพื่อนที่ผ่านการทดสอบความเป็นความตายมาด้วยกัน แค่ใกล้ชิดไม่พอเท่านั้น กั้นด้วยหน้าต่างกระดาษหนึ่งชั้น ยังห่างจากตรงนั้นหลายนิ้ว

โฉวซือเส่าไม่กล้ายอมรับ “หากนางไม่ใช่สตรีของข้า เหตุใดข้าต้องไปไกลถึงหนานจ้าวเพื่อช่วยนางด้วย เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง แค่มู่หรงฉีเชื่อก็พอแล้ว”

เสิ่นหลินเฟิงทำหน้าจริงจัง “ถ้าหากระยะเวลาห้าปี ยังไม่สามารถทำให้พี่สะใภ้ของข้าชอบท่านได้ ให้เวลาท่านอีกห้าปี สิบปี หรือยี่สิบปี ก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่าง ท่านรู้หรือไม่ว่าห้าปีมานี้ท่านพี่ของข้าใช้ชีวิตอย่างไร ชัดเจนว่าเขาเป็นผู้เคราะห์ร้ายเช่นกัน เขาโดนทำร้ายหนักที่สุด แต่กลับต้องแบกความทรมานใจและความเสียใจเอาไว้ ใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ อย่างยากลำบาก”

“ท่านรู้หรือไม่ว่ากินข้าวแต่กลืนไม่ลงรสชาติเป็นอย่างไร ทุกวันตอนกินอาหาร เขาต้องออกแรงยืดคอ เหมือนกับพยายามกลืนกระดูกที่ติดคออยู่ ขยับลูกกระเดือกลำบาก พยายามกลืนจนเกิดอาการเจ็บคอ แต่ก็ต้องพยายามกลืนลงไป ดูเหมือนว่า หากไม่ระวัง ก็จะสำลักจนน้ำตาไหล”

“หลายปีมานี้สิ่งที่อยู่เป็นเพื่อนเขา นอกจากสุนัขตัวนั้น ก็คือเหล้า นั่งอยู่ตรงหน้าสุสานเสื้อผ้าและสิ่งของของชิงฮวน ไม่พูดไม่จาสักคำ เอาแต่ดื่มเหล้าด้วยความโศกเศร้า จากนั้นก็ลากร่างกายแสนอ่อนล้ากลับบ้านพร้อมกับสุนัขสีขาวตัวนั้น”

ขณะพูด หางตาก็ชุ่มชื่น น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นสะอึกสะอื้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา