ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 493

น่าเยี่ยไป๋นั้นรู้สึกตกใจอยู่บ้าง “เร็วเช่นนี้? เขาสามามาถรู้ที่อยู่พวกเราได้อย่างแม่นยำเช่นนี้ดูทท่าว่าโฉวซื่อเส่าจะไม่ใช่ธรรมดา”

“คนที่ร่วมทางกับ ข้าได้ยินมาว่ามีคนหนึ่งคือขุนนางใหญ่เสิ่นหลินเฟิงที่ถูกส่งไปช่วยเรื่องภัยพิบัติที่อวี้โจว”

ครั้งนี้น่าเยี่ยไป๋ยิ่งตกใจกว่าเดิม “เสิ่นหลินเฟิงเองก็ตามมาด้วยงั้นหรือ หรือว่าเรื่องของแมลงกู่จะหลุดออกไปแล้ว แต่พวกเราเองก็เป็นคนไร้บ้านไม่มีที่ให้กลับไป เขาสืบมาเจอถึงข้าได้อย่างไรกัน”

คนที่ตกใจเหมือนกับเขายังมีเหลิ่งชิงฮวนอีกคน

ที่แท้เสิ่นหลินเฟิงก็อยู่กับโฉวซือเส่า นั้นหมายความว่าเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้ว เธอปิดบังเอาไว้ไม่ได้แล้ว? ไม่อย่างนั้นเขาที่ได้รับราชโองการจากฮ่องเต้มาจะกล้าเล่นแบบนี้ถึงกับทิ้งอวี้โจวมาและแล่นมาที่หนานจ้าวนี่หรือ

หรือว่ามู่หรงฉีเองก็รู้เรื่องที่กลอุบายหลอกล่อให้ตายใจโดยการแกล้งตายของเธอแล้ว?

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกสับสนในทันที เธอไม่ได้กังวลเรื่องการถูกบังคับแต่งงานกับรัชทายาทเมืองหนานจ้าว แต่สิ่งที่เธอกังวลคือเธอจะเผชิญหน้ากับมู่หรงฉีอย่างไร

น่าเยี่ยไป๋บ่นพึมพำตลอดทาง “เดิมทีข้าวคิดเอาไว้ว่าอยากจะหยุดพักผ่อนแล้วค่อยเดินทางไปที่เมืองปี้สุ่ย มีเรื่องน้อยลงสักเรื่องย่อมดีกว่า ถ่ายทอดคำสั่งลงไปว่าให้เดินทางทันที เราจะรีบเดินทางกันตอนกลางคืน จากนั้นออกคำสั่งให้คนของเราให้พยายามอย่างเต็มที่ในการฆ่าสองคนนั้นให้ได้ ข้าไม่สนว่าใครจะเป็นหรือตาย ตอนนี้เราอยู่ในแคว้นหนานจ้าวของข้าแล้วจะทนปล่อยให้สองคนนั้นสามหาวได้หรือ”

เหลิ่งชิงฮวนอดไม่ได้ที่จะกังวล เธอทำได้แค่มองทั้งสองคนไม่ใช้อารมณ์ในการทำการ รู้จักถอยเป็นดีที่สุด

คนทั้งกลุ่มรีบออกเดินทาง เมื่อถึงเที่ยงตรงของวันถัดไปพวกเขาก็เข้ามาถึงเมืองแรกของแคว้นหนานจ้าวที่ชื่อเมืองปี้สุ่ยแล้ว

ภายในเมืองมีพระราชวังสำหรับพักผ่อนชั่วคราว น่าเยี่ยไป๋บอกว่าน้องสาวของเขาตอนนี้อยู่ที่เมืองฟี้สุ่ยเพื่อรอให้เขากลับมา

คนทั้งกลุ่มเข้าไปยังพระราชวังก็ไม่เห็นองค์หญิงแคว้นหนานจ้าวออกมาต้อนรับ ในทางกลับกันกลับเห็นความอลหม่านอยู่ในนั้น

บนพื้นของพระราชวังและบนผนังเต็มไปด้วยแมลงหลายหลายชนิดจำนวนมากกระจายอยู่บนนั้น พวกมันมีสีสันหลากหลายและมีรูปร่างแปลกประหลาด ส่วนมากเป็นชนิดที่เหลิ่งชิงฮวนเคยได้ยินมาแต่ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

ข้ารับใช้ภายในพระราชวังต่างพากันหยิบหม้อดินเผาต่างๆออกมาแล้วค่อยๆเข้าไปใกล้แมลงพวกนั้นอย่างรมัดระวังเพื่อจับแมลงเข้าไป พวกข้ารับใช้แต่ละคนดูหวาดกลัวเป็นอย่างมากและตื่นตระหนก

ไม่ต้องเข้าไปใกล้เหลิ่งชิงฮวนก็รู้ว่าแมลงส่วนมากนั้นมีพิษอีกทั้งอาจจะเป็นพิษร้ายแรง

น่าเยี่ยไป๋ดูเหมือนว่าจะเห็นของแปลกจนชินชา เขาขมวดคิ้วน้อยๆ “ทำไมมันถึงออกมาอีกแล้วล่ะ นั่วเอ๋อร์ล่ะ”

เมื่อข้ารับใช้เห็นเขาก็รีบเข้ามาทำความเคารพ “เรียนองค์รัชทายาท องค์หญิงไม่ทราบว่าท่านจะกลับมาวันนี้นางจึงออกจากวังไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เห็นว่าอยากจะไปเลือกของขวัญให้กับพระชายาองค์รัชทายาทในอนาคต ดูเหมือนว่าจะกลับมาวันพรุ่งนี้ พวกแมลงบริวารพวกนี้ต่างก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพวกมันถึงได้ออกมาข้างนอกไปทั่วแบบนี้ กระหม่อมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี”

น่าเยี่ยไป๋ยื่นมือออกมาแล้วหยิบแมลงแปดขาสีส้มแดงออกจากบ่าของเขาอย่างใจเย็นและโยนมันเข้าไปในหม้อที่อีกฝ่ายถืออยู่อย่างไม่ใส่ใจนัก ข้ารับใช้ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดว่ากลัวมาก

น่าเยี่ยไป๋ออกคำสั่งกับเยาจิ่วคนสนิทของเขาว่า “จัดการเก็บแมลงพวกนั้นให้เรียบร้อยเดี๋ยวพอนั่วเอ๋อร์กลับมาแล้วจะมาว่าพวกเขาอีกว่าไม่ดูแลพวกมันให้ดี”

เยาจิ่วรีบทำตามคำสั่ง เขาเอากล่องสีเหลี่ยมกล่องหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วหยิบแมลงกู่ของเขาออกมาจากนั้นก็เอามันวางลงบนพื้นโดยมีเสียงหวีดหวิวดังออกมา

แมลงกู่ขยับหนวดของมันแล้วส่งเสียงออกมราวกับจิ้งหรีด ว่าแล้วก็แปลกที่แมลงที่วิ่งไปทั่วรอบตัวนั้นราวกับได้ยินคำสั่งสั่งพวกมันรวมตัวกันอย่างว่าง่ายแล้วเดินตามแมลงตัวนั้นออกไปทางด้านนอก

เหลิ่งชิงฮวนใจกระตุก เธอลอบคลำแมลงตัวหนึ่งในแหวนนาโนแล้วให้มันรวมตัวเข้ากับแมลงพิษเหล่านั้นซึ่งมันก็เดินตามไปด้วย

น่าเยี่ยไป๋หันหน้ามาแล้วถามชิงฮวนอย่างอ่อนโยนว่า “กลัวหรือไม่”

ชิงฮวนพยักหน้า “คงต้องบอกว่านิดหน่อยเพคะ”

น่าเยี่ยไป๋หัวเราะออกมาเล็กน้อย “น้องหญิงนางเป็นพวกถือดี แมลงที่นางเลี้ยงก็ถือดีชอบเดินเพ่นพ่านไปมา ถ้าหากไปแหย่พวกมันเข้าต่อให้เจ้ามีวิชาแพทย์สูงเกรงว่าจะไม่รอด”

เหล่าองครักษ์ที่อยู่ด้านล่างนั้นกำลังยืงอิงกำแพงแอบอู้อยู่และพวกเขาไม่รู้ที่ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสักนิด

จากคำแนะนำก่อนหน้าที่ให้ปล่อยแมลงออกมาก่อนนั้นทำให้เธอหลีกเลี่ยงเหล่าองครักษ์ที่เป็นเวรยามกลางคืนและไปยังลานที่ค่อนข้างลับตาคน แมลงกู่ที่อยู่ในร่างของเธอนั้นรับรู้ได้ถึงข่าวสารชนิดเดียวกันมันจึงเปลี่ยนเป็นยินดี

ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่องค์หญิงแคว้นหนานจ้าวเลี้ยงหนอนกู่

ยังดีที่นอกจากองครักษ์ลาดตระเวนแล้วที่ลานหางนี้ก็ไม่ได้ถูกเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดนัก อาจเป็นเพราะว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมแมลงมีพิษจึงไม่มีใกล้กล้าเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า

สำหรับกลอนประตูที่ล็อกอยู่นั้นไม่ยากเกินไปกว่าความสามารถของเหลิ่งชิงฮวน เธอขยับอยู่สองสามครั้งก็สามารถเปิดมันออกได้จากนั้นก็ปิดประตูไว้อย่างดีเหมือนเดิม

ภายในห้องมีกลิ่นคาวอันไม่พึงประสงค์อีกทั้งยังมีเสียงเคลื่อนไหวเบาๆราวกับเสียงของหนอนไหมที่กำลังแทะใบหม่อนในยามวิกาล วันนี้แสงจันทร์ไม่สว่างนักทั้งห้องจึงมืด

เธอหยิบไฟฉายขนาดจิ๋วออกมาจากในแขนเสื้อแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อมันเอาไว้จากนั้นจึงเปิดสวิตช์เปิด ทำให้มีแสงสว่างลอดออกมาเพียงเล็กน้อยจากนั้นเธอก็ลงมือค้นอย่างเชื่องช้า

ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่านางพญากู่นั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่อย่างไรเสียเธอก็เห็นตัวอ่อนมันมาก่อนน่าจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

เมื่อลองมองดูแล้วก็เป็นการเปิดหูเปิดตาจริงๆ ใครก็บอกว่าคนเมืองหนานจ้าวเก่งเรื่องแมลงกู่ เรื่องนี้นั้นไม่ผิดจากคำเล่าลือเลย ไม่รู้ว่างองค์หญิงแคว้นหนานจ้าวนั้นทุ่มเทไปมากเทาไรในการเลี้ยงแมลงกู่จำนวนมากขนาดนี้ หม้อดินเผาถูกวางเป็นแถวเรียงรายเต็มไปหมด มีจำนวนมากที่เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่รู้ชื่อของมันยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าเธอไม่รู้ว่าอันสามารถเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง

เธอเรียนวิชาแมลงกู่ส่วนมากก็เพื่อเอาไว้ใช้ช่วยเหลือผู้คน สำหรับแมลงประหลาดที่มีสีแปลกๆเหล่านี้เธอก็ไม่รู้ส่าเอาไว้ทำอย่างอื่นได้หรือไม่

แมลงจำนวนมากขนาดนี้เธอจะต้องหาไปถึงเมื่อไรกัน

เธอที่กำลังตั้งใจหาอย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกอีกทั้งยังมีเสียงพูดคุยกัน เธอจึงรีบผิดไฟฉายในมือทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา