ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 509

แสงพระจันทร์เสี้ยวส่องอร่ามปกคลุมเก้าแคว้น บ้างสุขหทัยบ้างทุกข์ระทมใจปะปนกันไปตามแต่ละคูหา

สามีภรรยาบางคู่แอบอิงชิดใกล้ในกระโจมรวมชายคา บ้างก็มีบางคู่ต้องระเหเร่ร่อนอยู่ท่ามกลางราตรี

เสียงของสาวงามร้องอย่างเศร้าระทมใจดั่งเสียงบรรเลงซอเอ้อร์หู ดังกังวานแผ่คลุมไปทั่วค่ายทหารจนถึงกลางดึกกลางดื่น ช่างเศร้าใจจนน้ำตาจะไหลและกวนใจเหล่าทหารกองทัพทั้งสามกระโจมจนเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มอยากจะต่อยคน

เมื่อแหวกผ้าม่านกระโจมออกด้วยความโกรธเคือง เพื่อชำเลืองมองก็เห็นโฉวซือเส่ากำลังกินเหล้านั่งเฝ้าหญิงงามอยู่ จึงหมุดศีรษะกลับเข้าไปอีกครั้ง

ได้ยินมาว่าคนผู้นี้หาเรื่องด้วยไม่ได้ แม้แต่ท่านอ๋องของตัวเองยังต้องกัดฟันด้วยความแค้นทำอะไรไม่ได้เลย

ท่านอ๋องฉีอิ่มอกอิ่มใจจนนอนหลับสบายตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นก่อนฟ้าสว่างก็สั่งให้กองทัพไปเก็บข้าวของรื้อกระโจนเตรียมตัวเคลื่อนทัพไปยังด่านต่อไป

เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังด่านที่สองเป็นไปตามที่มู่หรงฉีกล่าวเอาไว้ไม่มีผิด มีป่าหนาทึบขึ้นกีดขวางทางเดินและห้อมล้อมไปด้วยภูเขาทั้งสองด้าน

สภาพอากาศของแคว้นหนานจ้าวนั้นร้อนชื้น มีหมอกควันพิษสีชมพูพวยพุ่งอยู่ทั่วบริเวณป่าอย่างหนาทึบในตอนเช้า หากไม่รู้วิธีทำลายค่ายกลหมอกพิษแห่งนี้และบุ่มบ่ามเข้าไปข้างในอาจถูกพิษจนถึงตายโดยไม่รู้ตัวเอาได้

นอกจากนี้ยังไม่รู้เส้นทางของที่แห่งนี้ดีนัก ข้างในอาจจะมีอันตรายที่ไม่คาดคิดมาก่อนแอบซ่อนอยู่อีกมากมาย

กองทัพของมู่หรงฉีหยุดฝีเท้าลงอยู่หน้าป่าทึบแห่งนี้

เหลิ่งชิงฮวนขี่ม้าตัวเดียวกับเขาและถูกเขาโอบไว้ในอ้อมแขน นางปวดเมื่อยร่างกายไปทั้งตัว และอ่อนเพลียจนไม่มีแรง อีกทั้งยังง่วงสะลึมสะลือเล็กน้อย

มู่หรงฉีดูแลปกป้องนางอย่างระมัดระวังมาตลอดการเดินทาง แม้แต่ตอนขึ้นไปบนหลังม้าเขาก็เป็นคนอุ้มขึ้นไป เหลิ่งชิงฮวนบอบบางและอ่อนแอเหมือนดั่งดอกบัวขาวที่หากถูกลมพัดโชยมาก็จะปลิวไปตามสายลม

เหล่าทหารม้าไม่กล้ามองพระชายาฉีไปมากกว่านี้ แต่ในใจเกิดคิดสงสัย เพราะตามคำร่ำลือที่ได้ยินมาพระชายาฉีนั้นเก่งกาจมากไม่ใช่หรือ ทำไมเมื่อมองดูจากภาพลักษณ์ภายนอกแล้ว ดูเหมือนพวกหญิงงามที่มีร่างกายบอบบางอ่อนแอไม่เคยก้าวขาออกจากเรือนและไม่เคยออกไปพบเจอผู้คนภายนอกมาก่อนเช่นนี้

วันนี้เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำจริง ๆ เธอแค่เหนื่อยเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมาได้ ทั่วทั้งร่างกายเจ็บปวดราวเหมือนกับว่ากระดูกจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เธอเองก็รู้สงสัยเช่นกันทำไมมู่หรงฉีไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือไง เมื่อคืนออกแรงอย่างกระฉับกระเฉงตลอดทั้งคืน ดูอย่างไรก็มีชีวิตชีวาและดูดีมีออร่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ไปได้เล่า?

มู่หรงฉีมองดูเหลิ่งชิงฮวนที่มีใบหน้าง่วงนอนในอ้อมแขนของตัวเองด้วยความปวดใจเล็กน้อย “ข้างหน้าเกรงว่าจะมีภัยอันตราย ข้าจะส่งหน่วยสอดแนมสองสามคนเข้าไปตรวจสอบก่อน ถ้าเจ้าเหนื่อยก็ลงจากม้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

ตอนที่มู่หรงฉีช่วยพยุงเหลิ่งชิงฮวนลงจากม้า นางชำเลืองตรวจสอบเล็กน้อย ควันพิษนี้ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น หมอกพิษนี้ก็จะเจือจางหายไปเองถึงเวลานั้นแค่ปิดปากและจมูกก็สามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือพวกแมลงพิษของน่าจาอี๋นั่ว

เธอเคยเห็นแมลงพิษในห้องเพาะพันธุ์พิษของเมืองปี้สุ่ย น่าจาอี๋นั่วผู้นั้นจะยอมปล่อยสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเพาะเลี้ยงแมลงในป่าทึบแห่งนี้ไปได้อย่างไร? หากหนอนเลี้ยงโตง่าย ๆ พวกมันสามารถเป็นทหารรักษาการณ์พัน ๆ นายของเมืองหนานจ้าวได้เลย

เธออยากลองเข้าไปสำรวจด้วยตัวเอง

แน่นอนว่ามู่หรงฉีย่อมไม่มีทางยอมอยู่แล้ว นี่กำลังล้อเล่นอยู่หรือไง? ที่นี่มีเหล่าชายชาตรีมากมายกว่าห้าหมื่นนาย แล้วจะให้สตรีเพียงนางเดียวออกไปตกอยู่ในอันตรายได้เยี่ยงไร?

หน่วยสอดแนมออกตัวอาสาเข้าไป เหลิ่งชิงฮวนจึงนำชุดป้องกันและยาฉุกเฉินให้พวกเขา พร้อมกับสั่งกำชับให้ทำตามกำลังของตน สิ่งสำคัญก็คือการตรวจดูสถานการณ์อย่าได้ทำตัวอวดเก่งเป็นอันขาด

กลุ่มคนสองสามคนเข้าไปเพียงสักครู่ก็วิ่งออกมาด้วยใบหน้าที่มอมแมมสกปรกไปทั้งตัว อีกทั้งยังมีสีหน้าหวาดกลัว มีหนึ่งคนที่ถูกเพื่อนแบกหามออกมาใบหน้าบวมเป่งมีสีม่วงสาดขึ้นหน้า

เป็นอย่างที่เหลิ่งชิงฮวนว่าไว้ไม่มีผิด ในป่าทึบแห่งนี้มีหนอนและแมลงหลากหลายสี หลากหลายชนิด พอเห็นว่ามีคนเข้ามาก็ยกฝูงโจมตีเหมือนกับกำลังบุกเข้าไปในรังแตนก็ไม่ปาน

มิน่าล่ะแคว้นหนานจ้าวจึงไม่มีความเกรงกลัวเช่นนี้ ถึงแม้เหลิ่งชิงฮวนจะมีทักษะทางการแพทย์และสามารถขับไล่แมลงได้ แต่ชั่วขณะหนึ่งต้องมาควบคุมแมลงจำนวนมากเช่นนี้ นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยแล้ว กองทัพต้องตั้งฐานประจำการชั่วคราวขึ้นและหาแนวทางในการทำลายค่ายกลก่อน เพราะแค่พูดน่ะง่ายแต่หากจะลงมือทำน่ะยาก?

รองแม่ทัพอวี๋ร้อนรนใจอย่างมาก อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอคอยด้วยความยากลำบาก สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านอ๋องของเขาบุกเข้าโจมตีเมืองขยายอาณาเขตได้อย่างเต็มที่ คาดไม่ถึงจะถูกแมลงแค่ไม่กี่ตัวมาขวางทางได้ รู้สึกน่าโมโหเสียจริง ๆ

ถ้าที่แห่งนี้ไม่ชื้นไปทุกหนทุกแห่งจนไม่สามารถจุดไฟติดได้ละก็ คงจะจุดไฟเผาป่าแห่งนี้ให้ราบคาบ ปัญหาต่าง ๆ จะได้หมดไปในที่สุด

แม้ว่าจะยืนอยู่ข้าง ๆ ป่า ก็ได้ยินเสียงในป่าดังหึ่งหึ่ง ดังกังวานไปทั่ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา