ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 541

สรุปบท ตอนที่ 541 ไปด้วยกัน…ได้ไหม?: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปตอน ตอนที่ 541 ไปด้วยกัน…ได้ไหม? – จากเรื่อง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

ตอน ตอนที่ 541 ไปด้วยกัน…ได้ไหม? ของนิยายนิยาย โรแมนติคเรื่องดัง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดยนักเขียน เฉลิมพล เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

คำพูดของเฟิ่งเหล่ยอวี้ทำให้โฉวซือเส่ากังวล “เจ้าคิดว่า ข้าชอบเหลิ่งชิงฮวนงั้นหรือ?”

เฟิ่งเหล่ยอวี้เงยหน้าขึ้นไปมองเขา “ทั้งชอบ และไม่ชอบ”

“ทำไมล่ะ?” โฉวซือเส่าสงสัย

“เหล่ยอวี้ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีเพคะ ความชอบที่ท่านมีต่อพระชายาอ๋องฉีนั้นอยู่ระหว่างชอบและรัก ไม่โอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ท่านบังคับความรู้สึกของตนไว้ที่ตำแหน่งนั้นตั้งแต่แรก ไม่ก้าวไปข้างหน้าแต่ก็ไม่ถอยหลังหนี ไม่ยอมแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ท่านน่ะอ่อนไหวง่าย กลัวว่าจะถูกปฏิเสธและหลุดมือไป”

“พอนานวันเข้า ความชอบของท่านกลายเป็นความอิจฉาลึกๆ ในใจ ยิ่งชอบมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นรอยฝังลึกที่เอาไม่ออก ท่านหวังให้นางมีความสุข แม้ว่าจะต้องยอมปล่อยมือ แม้ตนเองจะต้องเสียใจมากกว่าการได้ครอบครองอย่างเห็นแก่ตัว”

“ดังนั้นในตอนที่ท่านไม่สามารถครอบครองได้ ท่านจึงแสร้งทำเป็นปล่อยมือและเดินออกมาอย่างสง่างาม เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่านสองคนจึงจะยังคงดำเนินต่อไปยืนยาว”

นี่เป็นครั้งแรกที่โฉวซือเส่ามองเด็กสาวคนนี้อย่างจริงจัง เป็นจริงอย่างที่เหลิ่งชิงฮวนบอก นางเติบโตขึ้นแล้ว สามารถพูดความรู้สึกออกมาได้เช่นนี้ เฉลียวฉลาดเสียจริง

เขามองนางเป็นเพียงเงาที่เลือนรางมาโดยตลอด

“เจ้ารู้ได้อย่างไร มองออกจากตรงไหน?”

เฟิ่งเหล่ยอวี้เอ่ยเสียงเบา “ความรู้สึกเดียวกันเจ้าค่ะ”

“เจ้าว่าอะไรนะ?”

“ข้าบอกว่า ท่านเป็นเจ้านายของข้า ข้าย่อมต้องเดาใจของท่านได้ เช่นนั้นถึงจะได้ทำอะไรถูกใจท่าน”

โฉวซือเส่ายกมือขึ้นมาลูบหัวเธอ เส้นผมของเธออ่อนนุ่มและไหลลื่นเหมือนผ้าไหม ว่ากันว่าคนที่ผมนุ่มนั้นจะนิสัยดี เป็นอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ เขาไม่เคยเห็นเฟิ่งเหล่ยอวี้โมโหมาก่อน ต่อให้เสี่ยวอวิ๋นเช่อจะเกเรขนาดไหน นางก็ยังคงรักเอ็นดูเขา อ่อนโยนราวกับปุยนุ่น

“เด็กน้อย ช่างพูดช่างเจรจาเสียจริง”

เฟิ่งเหล่ยอวี้เอียงศีรษะก่อนจะระบายยิ้ม

โฉวซือเส่าเองก็ยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อและหันหลังเดินออกไป

วันนี้ เหลิ่งชิงฮวนและมู่หรงฉีอยู่ในห้องหอ ชิงฮวนบอกเขามากมายด้วยท่าทีปกติ

เหลิ่งชิงฮวนตามหาความสุขที่หายไปของนางเจอแล้ว มีที่พึ่งพิงแล้ว เขาเองก็ยินดีและอิจฉา

นับตั้งแต่นี้ต่อไป ความทุกข์ความสุขของนางจะไม่เกี่ยวกับเขาอีกต่อไป

ความชอบที่เขามีต่อชิงฮวนไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ใด เขารู้ว่าความชอบคือการสนับสนุน ทุ่มเทและยอมหลีกทาง เพื่อไม่ให้นางลำบากใจ ไม่ให้นางต้องรู้สึกผิด ดังนั้นเขาจึงต้องแสร้งทำเหมือนว่าตนเองไม่เป็นอะไร

ถึงเวลา ที่ต้องเดินออกมาแล้ว

ดั่งคำพูดของชิงฮวน แม้จะไม่ใช่คนรัก สามีภรรยา แต่ยังเป็นครอบครัวที่ไม่อาจแยกจากได้

ชิงฮวนหวังว่าเขาจะสามารถก้าวผ่านความรู้สึกในใจ พบเจอกับความสุขที่เป็นของเขา ต่อให้ไม่มีมู่หรงฉี แต่บางสิ่งบางอย่างนางก็ไม่สามารถมอบให้เขาได้

ให้เวลาเขา เขาต้องทำใจ ต้องก้าวผ่าน ต้องปล่อยวาง หรือบางทีก็ต้องลองดู

เช้าตรู่วันต่อมา แสงแดดทอประกาย

โฉวซือเส่าลุกขึ้นมาเก็บข้าวของสะพายขึ้นหลัง เขาหยิบดาบยาวขึ้นมา หันหลังกลับไปมองกำแพงจวนอ๋องฉีพลางถอนหายใจแล้วเดินออกจากเรือนไป

หน้าประตูด้านนอกมีคนหนึ่งคนนั่งกอดเข่าขดตัวเป็นก้อนอยู่ น้ำค้างแข็งตกอยู่บนเส้นผม ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว

อีกฝ่ายได้ยินเสียงเขาเปิดประตูจึงรีบลุกขึ้นมา กอดถุงผ้าไว้ในอกก่อนจะฉีกยิ้มซื่อๆ ให้โฉวซือเส่า ดวงตาเป็นประกายราวกับลูกกวางตัวน้อย “นายท่าน”

โฉวซือเส่าเลิกคิ้ว “ไม่ใช่ว่าข้าให้เจ้าอยู่ที่นี่หรอกหรือ?”

เขาเดินถือดาบออกไปโดยไม่หันมองหน้านาง

หญิงชราที่ถูกส่งมาจากจวนมหาเสนาบดีใช้น้ำอุ่นเช็ดร่างของเหลิ่งชิงหลางอย่างไม่เต็มใจ เปลืองแรงจัดการร่างไร้วิญญาณนี้จริงๆ

หญิงชราทั้งสองคนอิดออด ออกแรงอย่างหนัก ใช้รังบวบขัดผิวที่รกร้างและดำอย่างแรงก่อนเปลี่ยนผ้าห่อศพใหม่

ผมของเหลิ่งชิงหลางถูกมัดและม้วนเป็นก้อนกลมๆ หลังจากที่พยายามหวีอยู่พักใหญ่ก็ไม่สามารถแก้ปมได้ หญิงชราหยิบกรรไกรที่แอบซ่อนไว้ออกมาตัดปมผมนั้นทิ้ง ดังนั้นผมนางจึงขาดๆ แหว่งๆ

ปิ่นทองที่เป็นสินสอดถูกเสียบเข้าไป แต่มันไม่สามารถปกปิดเส้นผมที่ขาวและแห้งเหมือนหญ้าได้เลย

หญิงชรามองนางด้วยสายตาร้อนแรง ทั้งหมดนี้เป็นทองคำจริง แต่น่าเสียดายที่ต้องถูกฝังกลบลงในดินเหลืองพร้อมกับนาง

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ ทั้งสองจึงซ่อนเครื่องประดับไว้ในแขนเสื้อเงียบๆ

วันนี้เป็นวันดีของจวนมหาเสนาบดี อยู่ในจวนได้กินได้ดื่มกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ซ้ำอาจจะมีการตกรางวัลให้ด้วย แล้วใครจะอยากมาดูแลคนตายอยู่ที่นี่?

โดยเฉพาะคนตายคนนี้ที่ทำชั่วมามากมาย ตอนนี้นางถึงจุดจบแล้ว หากไม่ใช่เพราะเป็นบุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายซ้าย เกรงว่าต่อให้หมาเอาซากศพนางไปก็คงจะไม่มีใครสนใจ

หากจะปล่อยร่างของนางไว้ตามถนนเพื่อหาประโยชน์สักเล็กน้อยก็คงจะได้ใช่ไหม?

หญิงชราคนหนึ่งพูดพล่ามพลางสะอื้นเสียงต่ำ อีกคนที่อยู่ข้างๆ กระตุกแขนเสื้อนางเบาๆ

นางโมโหเล็กน้อย “เจ้าจะดึงข้าทำไม? ข้าพูดความจริง หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เจ้าดุท่านอ๋องกับพระชายาสิ รักกันหวานชื่นจนคนทั้งเมืองหลวงต่างอิจฉา หากไม่ใช่เพราะนางทำตัวเองจะมีจุดจบเช่นนี้หรือ? สมควรแล้ว”

นิ้วเท้าของหญิงชราอีกคนบดขยี้เท้าของนางอย่างแรง

หญิงชราที่กำลังพูดเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีเงาอยู่เหนือหัว นางรีบเงยหน้าขึ้นและเห็นเหลิ่งชิงเจียวยืนอยู่ข้างหน้าด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงเด็กที่โตเพียงครึ่งเดียว แต่ท่าทางมืดมนและเย็นชาของเขาทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา