ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 570

ถึงแม่เหลิ่งชิงฮวนจะอยู่บ้าน แต่จวนฉีอ๋องคึกคักมาก ประตูบ้านและลานบ้านคึกคักเหมือนกับตลาดนัดไม่มีผิด

ความสามารถเพิ่งจะปรากฏออกมาในงานเลี่ยงต้อนรับแขกจากแดนไกล ทำให้คนจำนวนมากเกิดความคิดประจบสอพลอ เลยตระเตรียมของขวัญมาเยี่ยมเยียน แน่นอนว่าก็มีคนป่วยที่ไม่ได้รับการรักษามาหลายปี มาขอร้องผู้เป็นแพทย์อย่างจริงใจ เหลิ่งชิงฮวนรับมือจนอ่อนเพลีย

นางส่งคนไปตรวจสอบร้านค้าทั้งหมดของมู่หรงฉี กางสมุดบัญชีของปีนี้ออก และผึ่งลมข้างหน้านาง นางใช้เวลาสามวัน ถึงจะตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย

เป็นอย่างที่นางคาดไว้จริงๆ ทั้งได้กำไรทั้งขาดทุน ร้านค้าบางส่วนขาดทุนตั้งแต่ต้นปีถึงปลายปี รายรับไม่พอกับรายจ่ายเลย

แน่นอนว่าส่วนใหญ่ยังคงบริหารถูกต้อง ในนั้นมีการฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบ ใช้กลอุบายหลอกลวงผู้คน เหลิ่งชิงฮวนตรวจสอบได้ทันที

หลายปีมานี้ มู่หรงฉีทิ้งงานเจ้าของร้านอย่างสมบูรณ์ หากรู้ไม่ว่าทำการค้า ถึงแม้ว่าจะไม่ทำด้วยตัวเอง แต่ผู้ควบคุมดูแลจำเป็นต้องเข้าถึงตำแหน่ง ยกเว้นจะใช้คนที่เหมาะสม

เหลิ่งชิงฮวนใคร่ครวญอย่างละเอียด ว่าจะปรับปรุงร้านค้าเหล่านี้อย่างไร สมมติว่าเปลี่ยนแปลงแผนการบริหารจะลงทุนกับโครงการอะไร และจะเปิดช่องว่างในเมืองหลวงซึ่งมีพ่อค้าอยู่มากมายได้อย่างไร

นางอยากโยกย้ายการค้าส่วนหนึ่งของเจียงหนานมายังเมืองหลวง ด้านหนึ่ง เป็นประโยชน์ต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของร้านค้าทางนี้ อีกด้านหนึ่ง จะได้ไม่ต้องเหลือบ่ากว่าแรง หากตนเองบริหารไม่ดี

ตอนนี้ข้างกายนางไม่ขาดแคลนคนปรนนิบัติ แต่ข้างนอกขาดแคลนแขนซ้ายแขนขวาในการทำการค้า เห็นว่าหลิงกวนเอ๋อร์เด็กคนนี้ฉลาดเฉลียว จึงส่งตัวไปเรียนรู้วิธีทำการค้า ไม่เสียแรงเปล่าที่ตอนตนเองยากลำบากตอนนั้น ติดตามตนเองไม่ไปไหน

ยังมีโตวโตวนังหนูคนนี้ด้วย นางไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว ตนเองต้องเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของนาง และหาคนที่มั่นคงและเชื่อถือได้ให้กับนาง

ยุ่งอยู่กับงานทุกวัน ไม่มีเวลาว่างเลย

วันนั้นเหลิ่งชิงเหยาได้รับอนุญาตจากเหลิ่งชิงฮวนภายในวัง มามอบบัตรอวยพรพร้อมกับเซวียอี๋เหนียง

นางเป็นคนขี้อาย มีบางคำพูดที่ยากจะเอ่ยออกมา แต่เซวียอี๋เหนียงไม่หลีกเลี่ยงที่จะพูดเลยสักนิด

เหลิ่งชิงฮวนตรวจร่างกายให้นางอย่างละเอียด แน่นอนว่าร่างกายเหลิ่งชิงเหยาไม่มีอะไรร้ายแรง สามารถตั้งครรภ์ได้

เช่นนั้นคงจะเป็นปัญหาของอ๋องเฮ่า หรือโอกาสอาจจะยังมาไม่ถึงเท่านั้น

ถึงอย่างไรบุคคลที่อยู่ที่นี่ ไม่ใช่เหลิ่งชิงเฮ่อกับฉู่รั่วซี เหลิ่งชิงฮวนเลยเกรงใจที่จะสอบถามเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานระหว่างทั้งสองคน จึงไม่พูดอะไรมาก

เหลิ่งชิงเหยาค่อนข้างกลุ้มใจมาตลอด ผลลัพธ์แบบนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นความรู้สึกกึ่งสุขกึ่งเศร้า ต่อไปสามารถโยนซุปยาขมเหล่านั้นทิ้งไปได้แล้ว อีกทั้งยังไม่ต้องบีบจมูกและพยายามกรอกมันเข้าไป แต่ทว่า ไม่มีความหวังเสียแล้ว

พวกบุรุษชอบปิดบังอาการป่วยและไม่ยอมรักษาโรคนี้ ไม่ยอมรับว่าเป็นความรับผิดชอบของตนเอง อ๋องเฮ่าก็เช่นกัน ไม่มีทายาทมาหลายปี ไม่เคยเห็นเขาไปหาหมอเพราะเรื่องนี้เลย รวมถึงหมอหลวงด้วย

มิฉะนั้น พระชายาเฮ่าคงไม่มีทางทุกข์ใจมาหลายปีแบบนี้ คิดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เป็นภาระต่ออ๋องเฮ่า

เซวียอี๋เหนียงถอนหายใจยาว อยู่ต่อหน้าเหลิ่งชิงฮวน ก็ไม่กล้าพูดมาก

สองแม่ลูกกลับไปอย่างท้อใจ

คนที่ตามมาเยี่ยมถึงบ้านติดๆ กัน ก็คือเสิ่นหลินเฟิง

เขามาจวนฉีอ๋องคราวนี้ กลับมีเรื่องมงคล

เรื่องแต่งงานของเขากับองค์หญิงลี่ว์อู๋ ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยพระโอษฐ์ทองแล้ว พระราชทานพิธีเสกสมรสแก่ทั้งสองคน และประทับพระราชลัญจกรบนพระราชกฤษฎีกา

ผู้เฒ่ากั๋วกงกับเหล่าไท่จวินและคนอื่นๆ รอคอยมานานแล้ว ที่จวนเริ่มเตรียมงานแต่งงานของทั้งสองคนอย่างตื่นเต้น

เสิ่นหลินเฟิงมาเยี่ยมถึงบ้าน เพราะอยากเชิญเหลิ่งชิงฮวนไปเป็นแม่สื่อให้ทั้งสองคน อาศัยความโชคดีของนางกับมู่หรงฉีสักหน่อย หวังว่าหลังจากแต่งงานกับลี่ว์อู๋ จะฉินเช่อสอดประสาน สามีภรรยารักใคร่กันเหมือนกับพวกเขาสองคน

เหลิ่งชิงฮวนก็หวังว่าทั้งสองคนจะกลายเป็นสามีภรรยากันในที่สุด แน่นอนว่านางเต็มใจ จึงตกปากรับคำอย่างไม่ลังเล

“ดูฤกษ์งามยามดีหรือยัง พี่สะใภ้จะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้พวกท่าน”

เสิ่นหลินเฟิงสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ตามความคิดเห็นของเสด็จตากับเสด็จยาย แน่นอนว่ายิ่งเร็วยิ่งดี หลายปีมานี้ สิ่งของสำหรับงานแต่งของข้าตระเตรียมไว้พอประมาณแล้ว ฉินเทียนเจี้ยนดูฤกษ์งามยามดีแล้ว เร็วสุดคือสิบวันหลังจากนี้ แต่ว่า…”

“เป็นอะไรหรือ”

เสิ่นหลินเฟิงยิ้มอย่างเขินอาย “ลี่ว์อู๋เคยพูดต่อหน้าข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า อยากได้ชุดแต่งงานปักลายเมฆไหล ตอนนั้นข้ารับปากทันที สุดท้ายพอไปสอบถามถึงรู้ว่าการปักลายเมฆไหลมาจากร้านหนีฉังของเจียงหนาน วัสดุสิ่งทอและกระบวนการสำหรับผลิตค่อนข้างเข้มงวด ไม่ต้องพูดถึงราคาผ้าแพรซึ่งมีราคาเท่ากับทองคำ อีกทั้งยังเป็นอาภรณ์หายาก ลูกสาวที่ออกเรือนไปของมหาเศรษฐีทั่วทั้งเจียงหนานล้วนสวมใส่ผ้าแพรลายเมฆไหลเพื่อความภาคภูมิใจ อุปทานไม่เพียงพอต่อความต้องการเลย นับประสาอะไรกับเมืองหลวง”

“ข้าส่งคนไปยังเจียงหนานหลายต่อหลายครั้ง หนทางยาวไกล ยังไม่แน่ว่าจะหาซื้อได้ เดิมอยากมอบความประหลายใจให้กับลี่ว์อู๋ ตอนนี้กลับลำบากใจ ข้าเลยยังไม่กล้ากำหนดวันแต่งงาน”

เหลิ่งชิงฮวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ‘พรืด’ ออกมา ตนเองกำลังกลุ้มใจว่าจะเปิดช่องว่างทางการตลาดของเมืองหลวงอย่างไร โอกาสก็มาถึงแล้ว

“หม่อมฉันคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่เสียอีก แค่เรื่องชุดแต่งงานมิใช่หรือ เดี๋ยวพี่สะใภ้จัดการเอง เลือกวัสดุสำหรับเย็บปัก หม่อมฉันจะสั่งให้คนเร่งทำงานตลอดวันตลอดคืน ต้องเสร็จก่อนงานแต่งของท่านแน่นอน”

เสิ่นหลินเฟิงไม่ค่อยเชื่อ “เวลาสิบวันจะพอได้อย่างไร ไปกลับเจียงหนาน ถึงจะเป็นม้าเร็ว ยังล่าช้าไปสองสามวัน”

เหลิ่งชิงฮวนเม้มริมฝีปากยิ้ม “ไม่เห็นเป็นไร เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว หม่อมฉันแผนการของตนเอง รับรองว่าวันนั้นลี่ว์อู๋จะตกใจสะท้านเมืองหลวงเลยล่ะ”

เสิ่นหลินเฟิงเห็นนางมีภาพต้นไผ่อยู่ในใจ คิดว่ามีช่องทางที่เจียงหนานเล็กน้อย จึงขอบคุณนางอย่างดีอกดีใจ และคลายความกังวลใจลง

มู่หรงฉีซึ่งอยู่ด้านข้าง กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ยังเหลือเวลาอีกหน่อยก่อนจะถึงงานแต่งของเจ้า คงจะเพียงพอต่อการฝึกฝนค่ายกลใหม่ของข้า ให้เหล่าพี่น้องในศาลาว่าการของเจ้าลักพาตัวเจ้าสาวบนถนนดีไหม”

เสิ่นหลินเฟิงทำหน้ากลุ้มใจ “นึกไม่ถึงว่าท่านพี่ยังจะอาฆาตเช่นนี้ เรื่องที่ท่านพี่วางยาเสน่ห์พวกข้าในงานแต่งงาน ข้ายังไม่คิดเล็กคิดน้อยเลย”

มู่หรงฉีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “รอถึงวันแต่งงานของเจ้า เจ้ายังสามารถกลับมาพร้อมกันได้”

เสิ่นหลินเฟิงรู้สึกน้อยใจ มู่หรงฉีรอเหลิ่งชิงฮวนมาห้าปี เพิ่งจะได้จุดไฟในห้องเจ้าสาว ตนเองก็เหมือนกัน โดนฮ่องเต้หลอกลวงมาหลายปี ลูกของเหล่าพี่น้องทำอะไรด้วยตัวเองเป็นหมดแล้ว ตนเองยังไม่มีภรรยาเลย

ตอนนี้มู่หรงฉีไม่เข้าใจความลำบากของคนอื่น ยังจะก่อความวุ่นวายอีก

เขามองไปยังเหลิ่งชิงฮวนเพื่อขอความช่วยเหลือ

เหลิ่งชิงฮวนไม่กล้าเกลี้ยกล่อม ตนเองยังมีความผิดบางอย่างตกอยู่ภายในมือเขา

ในบทละครรักพื้นบ้าน พวกสตรีจอมเสแสร้งงดงามหาที่เปรียบไม่ได้เหล่านั้นถูกพระเอกโปรดปรานอย่างยิ่งยวดล้วนจอมปลอม เรื่องตลกในวันแต่งงานของตนเอง มู่หรงฉีโกรธมาก จะกล้าเอ่ยถึงมันอีกได้อย่างไร

กลั่นเหล้าจากผลไม้ขมกินเอง ตอนนั้นเจ้าถือหอกโลหะลักพาตัวเจ้าสาวบนถนนน่าเกรงขามมาก รอวันแต่งงานของเจ้าว่าจะจนตรอกแค่ไหน

คิดดูแล้วอีกหลายวันกว่าจะถึงงานแต่งงานของเขา คนกลุ่มนี้คิดกลอุบายอะไรไม่ออกบ้าง แค่คิดยังเลือดพลุ่งพล่าน อยากชมฉากคึกคักจนแทบรอไม่ไหว

สีหน้าของนางล้วนอยู่ในสายตาของมู่หรงฉี และยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ภายในใจ

คืนเข้าหอในตอนนั้น การกลั่นแกล้งของนางกับโฉวซือเส่า มู่หรงฉีไม่เคยโกรธเลย

แอบดีใจเสียด้วยซ้ำ

เขาเข้าใจว่าโฉวซือเส่าใช้วิธีขำขันนี้บอกเขาว่าตนเองปล่อยวางเหลิ่งชิงฮวนอย่างชิ้นเชิง และเจรจาสงบศึกกับเขา

ถึงแม้ว่าคนคนนี้จะดูมีเสน่ห์และสง่างามเหมือนกับนังจิ้งจอก แต่เขาเป็นผู้ชายจริงๆ ชิงฮวนมีเพื่อนตายเช่นนี้ นับว่าเป็นโชคดีของนาง

ตอนเสิ่นหลินเฟิงจากไป เขาเดินออกไปด้วยสีหน้ากลุ้มใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา