เหลิ่งชิงฮวนส่ายหน้า
“หรือบางทีอาจเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของจิ่งอวิ๋น เป็นหนี้เขา ในที่สุดก็มีมโนสำนึก คืนเงินให้”
เหลิ่งชิงฮวนร้องโอ้ แล้วพูดพึมพำ “ก็ยังรู้สึกว่า มันแปลกๆอยู่นิดหน่อย”
มู่หรงฉีไม่ได้พูดอะไร กินข้าวเงียบๆ ทันใดนั้นก็วางตะเกียบลงแล้วเอ่ยถามขึ้น “ในข้อมูลที่องค์รักษ์อินทรีควบคุม มีเกี่ยวกับขุนนางกรมอาญาหรือไม่?”
เหลิ่งชิงฮวนส่ายหน้า “เหมือนว่าจะมีน้อยมากๆ...ไม่สิ แปลกจัง มีบันทึกมากมายเกี่ยวกับจุดอ่อนของขุนนางทั้งหกกรม ทำไมถึงไม่มีของกรมอาญาล่ะเพคะ? กรมอาญาเป็นกรมที่ดำมืดและโลภมากที่สุดในบรรดาทั้งหกกรม จับจุดอ่อนได้เป็นจํานวนมากไม่ใช่เหรอเพคะ?”
มู่หรงฉียิ้มอ่อน มีความนัยแอบแฝง “งั้นเจ้าคงต้องไปถามองค์รักษ์อินทรีด้วยตัวเองแล้วล่ะ”
ชัดเจนเลยว่าผู้ชายคนนี้รู้เรื่องอะไรมา!
“ทำไมจู่ๆท่านถึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” เหลิ่งชิงฮวนถามอย่างงุนงง
มู่หรงฉีดูอารมณ์ดี แล้วยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย “เจ้าเดาดูสิ?”
จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินจากไป ร่างกายสดชื่นอารมณ์ดี คล่องแคล่วเป็นพิเศษ
แสร้งทำเป็นเร้นลับ ขี้งก เราเป็นคนถามเองก็ถามเอง! อีกอย่าง ไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย!
ทำงานอย่างหนัก อีกไม่นานก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ฮ่องเต้ได้ลงตราประทับไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว
งานเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีเก่าในวังหลวงนั้นเริ่มค่อนข้างเร็ว เพราะในช่วงของการไว้ทุกข์ มีข้อห้ามมากมาย งดงานเลี้ยงรับรอง ห้ามดื่มเหล้า ห้ามงานรื่นเริง ห้ามจัดงานแต่งงาน ดังนั้นวันส่งท้ายปีเก่าในปีนี้จึงเป็นเพียงแค่การรับประทานอาหารในราชวงศ์เท่านั้น ทุกอย่างจัดอย่างเรียบง่าย
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว เหล่าจวนต่างๆก็พากันทยอยเข้าวังหลวง ประมาณยามเซินงานเลี้ยงในวังหลวงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
หลังจากเหลิ่งชิงฮวนเข้าวังก็แยกกับมู่หรงฉีและอวิ๋นเช่อ เธออยากไปถวายพระพรพระสนมฮุ่ยเฟยก่อน ครั้งก่อนที่มู่หรงฉีกลับมาจากวังหลวง บอกว่าพระสนมฮุ่ยเฟยอยากพบเธอ
น่าแปลก
แต่ไหนแต่ไรมาตัวเองไม่เคยพูดดีกับแม่สามีเลยสักครั้ง จู่ๆนางนึกถึงตัวเองนี่สิแปลก
ที่ประตูตำหนักเจียนเจีย ขันทีน้อยสองคนเฝ้าอยู่ที่กลอนประตู ทันทีที่เห็นเธอก็รีบหันหน้ากลับเข้าไปรายงาน แต่ถูกเธอขวางไว้ก่อน
เมื่อยกม่านกั้นก้าวขาข้ามธรณีประตูเข้าไป ด้านในเสียงดังครึกโครม หญิงสาวแต่งตัวหรูหรา คึกคักเหมือนตลาดสด บรรยากาศอึมครึ้มที่เต็มไปด้วยพิษร้าย
นางสนมกลุ่มหนึ่ง ที่ในเวลานี้ก็ไม่แต่งหน้าแต่งตัว ทาแป้ง แต่มารวมกลุ่มอยู่ที่ตำหนักเจียนเจีย...เล่นไพ่นกกระจอก?
จ้องมองคอที่ยืดยาวของแต่ละคน มองไพ่นกกระจอกที่อยู่ในมือ ใบหน้าตึงเครียด
ไม่สิ นอกจากจะตึงเครียดแล้ว ที่บนหน้าก็ยังมีภาพวาด วาดลูกอ๊อดเต็มใบหน้า แต่ละคนเหมือนมีเมล็ดป่านอยู่เต็มใบหน้า น่าตลกเป็นพิเศษ
บรรดากลุ่มมิตรสหายยืนอยู่ด้านหลัง กําลังยุ่งอยู่กับการคิดหาวิธี ถลกแขนเสื้อ ส่งเสียงครื้นเครงเฮฮาเจื้อยแจ้ว
ในวังหลวงนี้ เหลิ่งชิงฮวนมักจะไปมาหาสู่อยู่บ่อย ๆ และยังเคยพักอาศัยอยู่ ก็จะถูกฮองเฮาองค์ก่อนดูแลให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อย เหล่านางสนมพบเจอกันด้วยความสุภาพเรียบร้อยและไม่เสียมารยาท อย่างสนิทสนมและไม่เป็นมิตรกัน หัวเราะไม่ให้เห็นฟัน การพูดการกระทำเป็นระเบียบ เข้มงวดมาก ทุกคนล้วนเป็นกุลสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์
ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นเล้าเป็ดได้ล่ะเนี่ย?
นอกจากนี้ เหล่านางสนมพวกนี้ ทำลายภาพลักษณ์ตัวเอง ไม่กลัวฮ่องเต้จับได้ แล้วปลดลดตำแหน่งเหรอ? มิน่าล่ะตอนที่เข้าตำหนักมา ที่ประตูมีคนดูต้นทางให้อยู่
ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจของเหลิ่งชิงฮวน ยังไม่ทันที่จะได้เปิดปากพูด ก็มีคนเห็นเธอแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...